บทที่ 453 สุนัขล่าเนื้อแห่งศาลต้าหลี่
บทที่ 453 สุนัขล่าเนื้อแห่งศาลต้าหลี่
วันต่อมา ลู่อี้พาต้าหนิวและคนอื่น ๆ ไปยังจวนหลีอ๋อง
เมืองหลีเป็นที่ดินศักดินาของหลีอ๋อง การจะจับคนของที่นี่ ต้องได้รับอนุญาตจากหลีอ๋องก่อน
หนึ่งชั่วยามต่อมา ลู่อี้นำคนจากจวนหลีอ๋องไปค้นหอหยกงามและร้านหยก
หลายวันถัดมา คดีร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นก็โผล่พ้นผิวน้ำ เหล่าราษฎรต่างฮือฮาอื้ออึงกับเรื่องนี้
เถ้าแก่หนิงและคนของเขาล้วนถูกจับกุม เมื่อจับต้นชนปลายดี ๆ ก็พบว่ามีคนมากมายที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ถูกจับกุมเช่นกัน ทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ทั้งยังค่อนข้างซับซ้อนและยังมีความผิดอีกมากที่ซุกอยู่ใต้พรม
ขณะที่ทั่วทั้งเมืองหลีตกอยู่ในความโกลาหลเพราะ ‘ขุนนางศาลต้าหลี่ตรวจสอบคดีร่วมมือกันหลอกลวงผู้อื่น’
ในห้องใต้หลังคาลึกลับแห่งหนึ่ง ปรากฏร่างบุรุษกำลังบีบคอชายวัยกลางคนด้วยสายตาเหี้ยมโหด
“แค่เพียงครึ่งเดือน ที่ตั้งของเรากลับถูกตรวจค้นหลายที่ เส้นสายที่ข้าใช้เงินจำนวนมากถูกทางการสาวไปถึงคนแล้วคนเล่า เจ้าทำงานให้ข้าเช่นนี้หรือ?”
“นายท่าน ลู่อี้ผู้นั้นร้ายกาจจริง ๆ นะขอรับ ราวกับสุนัขล่าเนื้ออย่างไรอย่างนั้น ที่ใดมีกลิ่นก็ตามติดไปที่นั่น หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ข้ารีบสั่งให้คนของข้าไปซ่อนตัวแล้ว แต่เขากลับจับพวกเราออกมาได้คนแล้วคนเล่า ลู่อี้คนนั้น… ร้ายกาจเกินไป คราวก่อนตอนคนขายเนื้อหลิว เขาสาวใยเพียงครั้งเดียวก็สามารถจับได้แล้ว”
“ลู่อี้… คนผู้นี้ทำลายเรื่องดีงามของเรามาโดยตลอด ข้าต้องการชีวิตเขา”
“นายท่าน ลู่อี้มียอดฝีมืออยู่ข้างกาย ข้าน้อยลองส่งคนไปโจมตีเขาแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเราถูกฆ่าแทน คนผู้นี้ล้ำลึกเกินกว่าจะจินตนาการได้นะขอรับ!”
“ห้าแห่งในเมืองเตียนอวี้ แปดแห่งในเมืองซูโจว สิบสองแห่งในเมืองหลี ร้านมากกว่ายี่สิบร้านถูกเขาตรวจสอบพบ โชคดีที่คนที่ตกอยู่ในกำมือเขาไม่สำคัญนัก แต่หากเขายังบุกตรวจสอบเช่นนี้ต่อไป ไม่นานคงสาวมาถึงตัวข้า” ชายผู้นั้นเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ลู่อี้… แค้นหนนี้ข้าจดจำไว้แล้ว”
“ตอนนี้…”
“ตอนนี้ยังไม่ต้องทำอะไร ซ่อนตัวให้ดี รอให้ลมพัดผ่านไปเสียก่อน”
ณ จวนหลีอ๋อง มู่ซืออวี่เขียนลายเส้นสุดท้ายลงไป จากนั้นจึงเอ่ยกับสาวงามที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “เสร็จแล้ว”
ฟ่านซือโยวเดินเข้ามาหามู่ซืออวี่ มองตนเองบนภาพนั้น สายตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “นี่ข้าหรือ?”
“ฝีมือวาดภาพของฮูหยินลู่ช่างชวนตกตะลึงสมคำร่ำลือจริง ๆ” สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ฮูหยินลู่ไม่รู้ว่าจวิ้นจู่ของเราชื่นชมฝีมือในการวาดภาพของท่านมาก จวิ้นจู่อยากจะเห็นด้วยตาสักครั้งมานานแล้ว”
“อันที่จริงไม่นับว่าดีเพียงนั้น” มู่ซืออวี่เอ่ยอย่างถ่อมตน “เป็นเพียงแค่ทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ”
ผู้คนในยุคนี้ไม่รู้จักการร่างภาพจึงรู้สึกว่าภาพวาดที่นางร่างออกมาราวกับมีชีวิต ประหนึ่งว่าจะมีคนออกมาจากรูปนั้น
ฟ่านซือโยว ธิดาของหลีอ๋อง ได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘โยวหราน’ จวิ้นจู่
ไม่นานมานี้ ลู่อี้ตรวจสอบคดีไปทุกหนทุกแห่ง นางจึงได้รู้จักกับโยวหรานจวิ้นจู่และอาศัยอยู่ในจวนหลีอ๋องเช่นนี้
“จวิ้นจู่ นายน้อยกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้เข้ามาบอกฟ่านซือโยว
“ข้ารู้แล้ว” ฟ่านซือโยวมองมู่ซืออวี่ “พี่หญิงมู่ เช่นนั้นข้า…”
“จวิ้นจู่ทำธุระเถิด ข้าต้องขอตัวก่อนแล้ว” มู่ซืออวี่เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย
“พี่หญิงมู่ พรุ่งนี้พวกเราไปวัดฉีซานด้วยกันเถอะ!” ฟานซือโยวเอ่ยชวน “ข้างหลังวัดมีสวนกล้วยไม้แห่งหนึ่ง งดงามยิ่ง ทุกครั้งที่ข้าไปที่นั่น ข้ารู้สึกราวกับตนเองอยู่ในแดนเซียนก็ไม่ปาน”
“ได้” มู่ซืออวี่คิดว่าลู่อี้คงไม่ได้จัดการคดีเสร็จรวดเร็วเพียงนั้น อย่างไรเสีย นางก็ไม่มีอะไรทำ มีสหายใหม่อยู่ด้วยกันเพื่อฆ่าเวลาก็ดีเช่นกัน
นางไม่ได้พักผ่อนเช่นนี้มานานเพียงใดแล้วนะ?
พอได้พักผ่อน ร่างกายและจิตใจย่อมผ่อนคลาย เป็นความรู้สึกสบายที่หาได้ยากจริง ๆ
มู่ซืออวี่พักอยู่เรือนเฟิงเยี่ย ถัดจากเรือนโยวหรานของจวิ้นจู่ลงมา ระหว่างทางจะมีหอสองชั้นคั่นกลางไว้
ทันทีที่นางออกมา ก็พบกับเด็กหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้
เด็กหนุ่มผู้นั้นมีรูปลักษณ์โดดเด่น บรรยากาศรอบกายแผ่ความเย็นชาออกมา ทว่าใบหน้าของเขากลับแต่งแต้มรอยยิ้มจาง ๆ ประหนึ่งช่อดอกกล้วยไม้ในหุบเขา แม้เย็นชาทว่ามิกระทบความงามแม้แต่น้อย
นี่คงเป็นญาติผู้พี่ของฟ่านซือโยว ‘ท่านชายโม่’ ที่โด่งดังในเมืองหลีกระมัง!
“ฮูหยินก็ตกตะลึงเช่นกันใช่หรือไม่?” จื่อซูกระซิบเสียงเบา “ได้ยินว่าท่านชายโม่ผู้นี้เป็นบุรุษที่งดงามที่สุดในเมืองหลี”
มู่ซืออวี่เลิกคิ้วขึ้น “แม่นางจื่อซูผู้ที่สนใจแต่อาหารการกิน นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะให้ความสนใจกับเรื่องเช่นนี้ด้วย?”
“บ่าวไปที่ห้องครัวเพื่อหาของกิน บังเอิญท่านป้าที่อยู่ที่นั่นบอกข้า ได้ยินว่าหวางเฟยตั้งใจจะมั่นหมายจวิ้นจู่ให้ท่านชายโม่ เพียงแต่ท่านอ๋องไม่ยินยอม”
“ปีนี้จวิ้นจู่อายุยี่สิบแล้ว” จื่อเยวี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “เมื่อสองปีก่อนรับปากว่าจะแต่งงานกับตระกูลหนึ่ง แต่จู่ ๆ เจ้าบ่าวก็ล้มป่วยหนักแล้วสิ้นใจไป”
“อื้ม ได้ยินว่าเป็นการตายที่น่าอนาถ” จื่อซูที่อยู่ข้าง ๆ รับคำ “นับแต่นั้นเป็นต้นมา จวิ้นจู่ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานอีกเลย ระหว่างนี้ก็มีคนมาสู่ขอ ทว่าล้วนถูกหวางเฟยปฏิเสธไป”
“เอาละ ไม่ต้องพูดแล้ว” มู่ซืออวี่หันไปมองรอบ ๆ “พวกเราอยู่จวนผู้อื่นยังพูดถึงบุตรสาวเขาเช่นนี้อีก นี่มันไร้มารยาทเกินไปแล้ว”
ลู่อี้ไม่ได้กลับมาเป็นเวลาหลายวัน ดังนั้นมู่ซืออวี่จึงทำได้เพียงเที่ยวเล่นกับฟ่านซือโยว ทั้งสองนัดหมายกันไว้ว่าจะไปวัดฉีซาน จึงไปที่นั่นตั้งแต่เช้าตรู่
“งามหรือไม่?” ฟ่านซือโยวถามมู่ซืออวี่ “ข้าชอบสวนกล้วยไม้ในวัดฉีซานเป็นที่สุด”
“งามมากจริง ๆ” มู่ซืออวี่มองกล้วยไม้ที่ขึ้นอยู่เต็มภูเขา “กล้วยไม้ไม่ได้เลี้ยงดูง่าย ๆ ผู้ดูแลที่ดูแลกล้วยไม้เหล่านี้จะต้องทุ่มเทเอาใจใส่มันมากเป็นแน่”
“ใช่แล้ว เขามีความอดทนมากจริง ๆ” ฟ่านซือโยวตอบรับ “ข้างหน้ายังมีเอื้องพร้าวต้นหนึ่งด้วยนะ ปกติมันเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีลักษณะเฉพาะเท่านั้น ข้าจะพาท่านไปชม”
“ได้”
“จวิ้นจู่ ฮูหยิน ข้างล่างเป็นหุบเขานะเจ้าคะ แถวนี้ที่พวกเรามาสูงชันเล็กน้อย หากไม่ระวังจะลื่นลงไปได้ง่าย ๆ อันตรายเกินไปเจ้าค่ะ” จื่อเยวี่ยนเอ่ยเตือน
“ใช่แล้วเจ้าค่ะจวิ้นจู่ ฝนเพิ่งตก บนพื้นยังลื่นอยู่เล็กน้อยนะเจ้าคะ” สาวใช้ของฟ่านซือโยวก็พยายามโน้มน้าวเช่นกัน
“พวกเจ้าอย่าได้ขี้กลัวเกินไป” ฟ่านซือโยวเอ่ยเบา ๆ “เอื้องพร้าวต้นนั้นเดิมทีก็งามมากอยู่แล้ว หลังต้องฝนจะต้องสวยยิ่งกว่าเดิมเป็นแน่ พวกเจ้าไม่อยากเห็นหรือ?”
“เอ่อ…”
มู่ซืออวี่คว้าแขนฟ่านซือโยวไว้ “จวิ้นจู่ เอาไว้พวกเราค่อยมาดูวันหลังเถอะ! พวกสาวใช้กล่าวได้ถูกต้อง พื้นยังลื่นอยู่เล็กน้อย เดี๋ยวจะพลาดตกลงไป”
“ไม่หรอก” ฟ่านซือโยวขัดขืนการเกาะกุมของเพื่อนใหม่
ทันใดนั้น เท้าของนางก็ลื่นไถล ร่างกายโอนเอนไปข้าง ๆ
“ว๊าย!”
“จวิ้นจู่!”
เสียงหลายเสียงดังขึ้นพร้อมเพรียงกัน
มู่ซืออวี่เอื้อมมือออกไปคว้าฟ่านซือโยว
ปลายเล็บของจวิ้นจู่จิกลงบนฝ่ามือนาง
ฮูหยินลู่รู้สึกเจ็บแสบขึ้นมา จึงชักมือกลับตามสัญชาตญาณ
ทว่า…
ร่างกายของฟ่านซือโยวยังคงกลิ้งลงไปข้างล่าง
เป็นอย่างที่เหล่าสาวใช้กล่าว ความสูงที่พวกนางยืนอยู่อันตรายมาก รอบ ๆ ล้วนเต็มไปด้วยหุบเขาและหน้าผา
ฟ่านซือโยวล้มลงโดยที่ร่างกายกลิ้งไปเรื่อย ๆ อย่างไม่อาจควบคุม จวิ้นจู่กำลังจะตกหน้าผา
“จวิ้นจู่!!!” สาวใช้รีบพุ่งไปหานาง
มู่ซืออวี่ม้วนตัว รีบไล่ตามฟ่านซือโยวไป
สาวใช้คว้าฟ่านซือโยวไม่ทัน ทว่ามู่ซืออวี่ที่เสี่ยงชีวิตกลิ้งตามไปจับฟ่านซือโยวไว้ได้ก่อนที่จะตกหน้าผา
นางจับแขนของอีกฝ่ายไว้อย่างมั่นคง “จวิ้นจู่ จับข้าไว้ให้แน่น”