บทที่ 457 ข้าควรทำอย่างนี้หรือ?
บทที่ 457 ข้าควรทำอย่างนี้หรือ?
หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ มู่ซืออวี่ไม่ต้องการไปอยู่ที่เงียบ ๆ อีกแล้ว อยู่ในสถานที่ที่ชุกชุมผู้คน ถูกผู้อื่นรบกวนยังดีกว่า นั่นน่ากังวลน้อยกว่าไปอยู่ในที่ที่ต้องเจอกับคนที่ไม่ควรเจอ
เย่อิงเกอเข้ามาทักนาง ก่อนจะพาไปพบพี่สาวน้องสาวสองสามคน
หากกล่าวถึงเรื่องพบปะสังสรรค์ ถ้ามู่ซืออวี่อยากทำการค้าขึ้นมา ที่นี่ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะนางได้ ฮูหยินลู่กลายมาเป็นปลาในน้ำอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้กระทำ บรรยากาศตรงนั้นครึกครื้นขึ้นมาไม่น้อย
“ฮูหยินลู่…” ปี้ลวี่เดินเข้ามา มองนางอย่างลังเลใจที่จะเอ่ย
เมื่อเห็นปี้ลวี่ มู่ซืออวี่ก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับฟ่านซือโยวแล้ว
นางหาข้ออ้างออกมาก่อน จากนั้นจึงเดินไปที่มุมหนึ่งกับปี้ลวี่แล้วเอ่ยถาม “เจ้าไม่รับใช้เจ้านายของเจ้าดี ๆ เล่า ไยจึงมาหาข้า?”
“จวิ้นจู่ให้บ่าวมาส่งสิ่งนี้ให้ฮูหยินเจ้าค่ะ” ปี้ลวี่ยัดบางอย่างใส่มือมู่ซืออวี่
เมื่อมู่ซืออวี่แบมือจึงเห็นว่าเป็นผ้าเช็ดหน้าที่ห่ออะไรแข็ง ๆ ไว้ข้างใน พอคลี่ผ้าออกก็พบว่าเป็นปิ่นปักผมสีทองอันหนึ่ง
“จวิ้นจู่บอกว่าอย่างไร?”
นี่เป็นเครื่องประดับที่ฟ่านซือโยวปักบนผม
เมื่อครู่นี้มู่ซืออวี่เพิ่งเห็น
ไม่ต้องถามว่าเหตุใดมันจึงเตะตา คนที่ลุ่มหลงเงินอย่างนาง จะเมินเฉยต่ออัญมณีเม็ดโตเพียงนั้นได้อย่างไร?
ลายปักบนผืนผ้าเช็ดหน้าได้รับการปักร้อยด้วยตัวฟ่านซือโยวเอง เนื้อผ้าชั้นดี ทว่ามีรอยริมฝีปากสีแดงอยู่บนนั้น ไม่รู้ว่าถูกเช็ดตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่สิ ไม่ใช่ถูกเช็ด
นางกำลังขอความช่วยเหลือ
“จวิ้นจู่ของพวกเจ้าเล่า?” มู่ซืออวี่เก็บของไว้
“เมื่อครู่นี้จวิ้นจู่บอกว่ารู้สึกไม่สบายเล็กน้อย นางอยากหาที่พักผ่อนจึงให้บ่าวเอาของมาส่งให้ฮูหยินเจ้าค่ะ” ปี้ลวี่เอ่ย
“พาข้าไปเดี๋ยวนี้”
เย่อิงเกอเข้ามาหา “พี่หญิงมู่ ก่อนกลับจากงานเลี้ยงยังพอมีเวลา ฮูหยินสองสามท่านตกลงกันว่าจะเล่นไพ่เย่จือ*[1] พี่หญิงมู่ก็มาด้วยกันเถอะ!”
“คนเรามีความต้องการเร่งด่วนสามประการ*[2]” มู่ซืออวี่กล่าว “พวกเจ้าเล่นไปเถอะ ประเดี๋ยวข้าจะกลับมา”
เย่อิงเกอยิ้มอย่างจนปัญญา จากนั้นจึงเอ่ยว่า “พี่หญิงมู่รีบกลับมาเล่า!”
มู่ซืออวี่พาสาวใช้ทั้งสองจากไปพร้อมกับปี้ลวี่ เดินไปได้ครึ่งทาง ก็เห็นข้ารับใช้คนหนึ่งผ่านมา จึงเรียกเขาไว้ “เจ้าตามข้ามา”
“ซือโยว” มู่ซืออวี่เห็นสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้านาง ดูจากการแต่งกายและรูปร่างแล้ว นางคือฟ่านซือโยว
ทว่า มีบุรุษผู้หนึ่งอยู่ข้าง ๆ นาง และชายผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากบุรุษที่มู่ซืออวี่เพิ่งพบ
บุรุษผู้นั้นนึกไม่ถึงว่าจะมีคนมา เขาเหลือบมองฟ่านซือโยวแวบหนึ่ง แล้วหลบไปทางโค้งประตูข้าง ๆ ก่อนจะหนีไปอย่างรวดเร็ว
ฟ่านซือโยวหมุนตัวกลับมามอง
นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าเมื่อนางเห็นมู่ซืออวี่ สายตาของนางฉายแววสับสนเล็กน้อย
“พี่หญิงมู่”
มู่ซืออวี่แสร้งทำเป็นไม่เห็นบัณฑิตเมื่อครู่ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขากำลังเล่นไพ่เย่จือกัน ท่านอยากไปด้วยกันหรือไม่?”
“ดีเลย!”
มู่ซืออวี่และฟ่านซือโยวอยู่ด้วยกัน ไม่แยกจากกันกระทั่งงานเลี้ยงสิ้นสุดลง ทั้งคู่ไม่ได้อยู่เพียงลำอีกเลย
เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดลง เย่อิงเกอรั้งมู่ซืออวี่ไว้แล้วเอ่ยว่า “พี่หญิงมู่ ข้ายังต้องอยู่ที่เมืองหลีอีกหลายวัน พรุ่งนี้เราไปเที่ยวเล่นด้วยกันดีหรือไม่?”
“ขออภัย ข้ามีนัดหมายกับจวิ้นจู่แล้ว พรุ่งนี้เรามีเรื่องต้องทำ” มู่ซืออวี่เอ่ยกับเย่อิงเกอ “กลับไปเมืองฮู่เป่ยแล้วค่อยพบกันเถอะ”
“เช่นนั้นก็ได้” เย่อิงเกอรู้สึกผิดหวัง
ในรถม้า หลีหวางเฟยมองลูกสาวที่โดดเด่นตรงหน้าแล้วเอ่ยด้วยความรักใคร่ “งานเลี้ยงวันนี้ญาติผู้พี่ของเจ้าเป็นคนจัด เขาเอาใจใส่มากใช่หรือไม่? ท่านป้าของเจ้าโชคดีจริง ๆ”
ฟ่านซือโยวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
หลีหวางเฟยกล่าวตำหนิ “ทุกครั้งที่เอ่ยถึงญาติผู้พี่เจ้าก็เป็นเช่นนี้ เขามีที่ใดไม่ดี? ในเมืองหลีเราเขาเป็นบุรุษที่หล่อเหลาที่สุด เป็นท่านชายโม่ผู้โด่งดัง”
“ไม่ว่าเขาจะดีเพียงใด ก็ไม่ใช่คนที่ข้าชอบ” ฟ่านซือโยวพึมพำเบา ๆ
“เช่นนั้นเจ้าชอบคนเช่นใด?” หลีหวางเฟยขมวดคิ้ว “เจ้าก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ถึงแม้จะเป็นจวิ้นจู่ ก็ไม่อาจให้เจ้าเอาแต่ใจตนเองได้ มีเพียงญาติผู้พี่ของเจ้าเท่านั้นที่จะตามใจเจ้าและรอคอยเจ้าเช่นนี้”
“ท่านแม่ ข้าปวดหัว ท่านไม่ต้องพูดแล้ว” ฟ่านซือโยวปิดตาลง
มู่ซืออวี่ถือว่าตนเป็นเพียงของประดับ ไม่ไปข้องเกี่ยวกับการโต้เถียงระหว่างพวกเขาแม่ลูก
หลังจากแม่ลูกโต้เถียงกันเสร็จ หลีหวางเฟยก็นึกขึ้นได้ว่าข้าง ๆ มีมนุษย์อีกคนหนึ่งอยู่ จึงเริ่มพูดคุยเรื่องที่เกิดที่งานเลี้ยงกับนาง
“พี่หญิงมู่ ข้าวาดภาพออกมาชุดหนึ่ง เป็นภาพตู้ที่ข้าต้องการทำเร็ว ๆ นี้ ท่านช่วยดูให้ข้าได้หรือไม่? ท่านเป็นผู้ชำนาญด้านนี้ ไม่มีผู้ใดเหมาะสมไปกว่าท่านอีกแล้ว”
“ได้สิ!” หัวข้อในวันนี้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
หลีหวางเฟยกลับไปยังห้องของตนหลังลงจากรถม้า ไม่ว่าฟ่านซือโยวและมู่ซืออวี่จะพูดคุยเรื่องใด สิ่งที่นางเป็นกังวลที่สุดในตอนนี้คือการแต่งงานของธิดา เรื่องอื่นล้วนไม่อยู่ในความสนใจ
มู่ซืออวี่ตามฟ่านซือโยวกลับไปยังเรือนโยวหราน
“วันนี้อย่าได้มองว่าข้าทานเยอะ อาหารที่งานเลี้ยงล้วนแต่ไม่ถูกปากข้าทั้งนั้น ข้ายังไม่อิ่ม” ฟ่านซือโยวเอ่ยกับปี้ลวี่ “ข้าอยากทานขนมเหอเถา เจ้าไปทำมาหน่อย”
“เจ้าค่ะ”
มู่ซืออวี่นั่งลงดื่มชา
ฟ่านซือโยวมองจื่อซูและจื่อเยวี่ยน “พวกเจ้าก็ไปช่วยปี้ลวี่เถอะ! ฮูหยินของพวกเจ้าโปรดปรานสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้นมา ถือว่าทำอาหารว่างให้พวกเรา”
สาวใช้ทั้งหมดไปแล้ว มู่ซืออวี่จึงเอ่ยขึ้น “เมื่อครู่นี้เห็นท่านดื่มไปไม่กี่จอก หรือว่ายังดื่มไม่พอ วันนี้จึงอยากดื่มแบบไม่เมาไม่เลิกรากับข้า?”
“ในเมื่อพวกเขาไปแล้ว ข้าก็จะไม่อ้อมค้อมกับท่านอีก” ฟ่านซือโยวมองมู่ซืออวี่ “ท่านรู้เรื่องของข้าใช่หรือไม่?”
คนถูกถามนิ่งเงียบ
“ท่านฉลาดเพียงนี้ จะต้องสังเกตเห็นมานานแล้ว ระยะนี้ท่านจึงทำตัวห่างเหินกับข้า ข้าควรจะรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ” ฟ่านซือโยวยกจอกชา “ระยะนี้ท่านโกรธข้ามากใช่หรือไม่ คิดว่าข้าวางแผนทำร้ายท่าน? อันที่จริงไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เขากล่าวว่าทำเช่นนี้แล้วพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ข้าทำได้เพียงต้องทำเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าท่านจะเสี่ยงชีวิตช่วยข้าเช่นนี้”
“เหตุใดท่านต้องบอกเรื่องเหล่านี้กับข้า?”
“ข้าไม่มีคนให้พูดคุยด้วย ทำได้เพียงบอกท่าน ท่านเป็นสหายเพียงคนเดียวที่ข้ามีในช่วงหลายปีมานี้” ฟ่านซือโยวมองมู่ซืออวี่ “ท่านเห็นพวกเราที่สวนด้านหลังใช่หรือไม่? ท่านจงใจพาสาวใช้ผ่านไป เพื่อเตือนพวกเราให้ระวังใช่หรือไม่?”
มู่ซืออวี่ยอมรับไปโดยปริยาย
“ทุกคนล้วนกล่าวว่าญาติผู้พี่ของข้าดีมาก เขาเป็นท่านชายชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลี แต่ข้าไม่ได้พึงใจเขา ตั้งแต่ยังเล็กข้าก็ไม่ได้ชอบเขา บุรุษที่ข้าชอบมีนามว่าซูถิงเจิ้ง ข้าพบเขาเมื่อสามปีก่อน ในตอนที่เขามาสอบที่เมืองหลี อายุเพียงสิบห้าปีก็ได้เป็นถึงซิ่วไฉแล้ว ต่อมาเขาก็สอบได้เป็นจวี่เหริน เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์และชื่อเสียง ในตอนที่ข้าได้รู้จักเขา เขาก็สามารถโต้วาทีกับบัณฑิตคนอื่น ๆ ได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเขาเปล่งประกายเพียงใด”
มู่ซืออวี่ฟังฟ่านซือโยวเอ่ยถึง ‘คนรัก’ ว่าเขาโดดเด่นเพียงใดโดยไม่ได้เอ่ยขัด
มีคำกล่าวที่ว่า ‘ความงามอยู่ในสายตาของผู้ถือครอง’ ซูถิงเจิ้งผู้นั้นหน้าตาหล่อเหลา แต่ฮูหยินลู่รู้สึกว่าเขาค่อนข้างแปลกพิกล นางไม่คิดว่าบัณฑิตผู้นั้นจะมีอะไรดีนักหนา
“คราก่อนเขาบอกให้ข้าแกล้งตายที่วัดฉีซาน แต่ก็ถูกท่านขัดขวางเสียก่อน วันนี้เขาบอกให้ข้าแกล้งตายอีกครั้ง… ข้าไม่ชอบนักจึงลังเลใจขึ้นมา!”
ฟ่านซือโยวมองมู่ซืออวี่ แล้วบอกว่าซูถิงเจิ้งจะใช้ศพสตรีอื่นแทนนาง ให้นางหนีไปโดยแกล้งทำเป็นตายแล้ว
มู่ซืออวี่ยิ่งฟังยิ่งขมวดคิ้ว “เหตุใดท่านจึงบอกเรื่องนี้กับข้า? นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน แต่ท่านกลับบอกเล่าเรื่องสำคัญออกมาเช่นนี้ หรือว่าท่านสงสัยอะไรบางอย่าง? คนรักคนนี้ของท่าน… ไม่น่าเชื่อใจอย่างที่ท่านคิดใช่หรือไม่?”
[1] ไพ่เย่จือ เป็นรูปแบบการเล่นไพ่ชนิดหนึ่งในยุคโบราณ รูปแบบการเล่นเหมือนวิธีเล่นไพ่นกกระจอก
[2] ความต้องการเร่งด่วนสามประการ หมายถึง ปัสสาวะ อุจจาระ และการผายลม