บทที่ 499 ปฏิเสธการแต่งงานกับสกุลเหมียว
บทที่ 499 ปฏิเสธการแต่งงานกับสกุลเหมียว
ณ เรือนกรุ่นฝัน มู่ซืออวี่เคาะลงบนตู้ที่ทำขึ้นใหม่ แล้วเอ่ยกับเฟิงเจิงที่อยู่ข้าง ๆ “การออกแบบและฝีมือช่างไม่เลว แต่วัสดุใช้ไม่ได้ อ่อนแอเกินไป”
“ข้าก็คิดว่าวัสดุใช้การไม่ได้ แต่ลูกค้าเจาะจงเลือกวัสดุนี้มาโดยเฉพาะ” เฟิงเจิงอธิบาย “อาจารย์เคยกล่าวไม่ใช่หรือว่าลูกค้าคือพ่อแม่ผู้ให้อาหารการกินและเครื่องนุ่งห่ม”
“ทิ้งไว้ก่อน รอลูกค้ามาแล้วค่อยสอบถามเขาอีกครั้ง หากเขายืนกรานจะใช้วัสดุนี้ก็ให้เขาเขียนหนังสือมา จะได้ไม่เกิดความขัดแย้งทางการค้าขึ้นทีหลัง”
“อาจารย์กล่าวได้ถูกต้อง” เฟิงเจิงจดจำเอาไว้
มู่ซืออวี่ตรวจดูสินค้าอื่น ๆ แล้วเอ่ยว่า “แบบที่ข้าวาดชุดนั้นยังไม่ได้ทำหรือ?”
“ไม่นานมานี้ สกุลซูสั่งสินค้าชุดใหญ่ คนของเรายุ่งมากเลยขอรับ หากไม่รับสมัครคนงานเพิ่มก็ทำได้เพียงรอนานขึ้นอีกหน่อย” เฟิงเจิงเอ่ย “เมืองหลวงนี่สมกับเป็นเมืองหลวงจริง ๆ ที่นี่ไม่เคยขาดแคลนลูกค้าผู้มั่งคั่งเลย ตั้งแต่เปิดร้านมา รายการคำสั่งซื้อก็เพิ่มขึ้นไม่หยุดไม่หย่อน อาจารย์ เราต้องจ้างคนเพิ่มหรือไม่?”
“ไม่ต้อง เจ้าไม่อาจรับเงินทั้งหมดเอาไว้ได้ อย่าได้ทำให้ตนเหน็ดเหนื่อยเกินไป ในเมื่อยุ่งมาก เช่นนั้นก็บอกลูกค้าว่าสามารถจองเอาไว้ก่อนได้ แต่หากไม่มีเวลาจริง ๆ ก็แจ้งให้เขารอเดือนถัดไป”
“จริงสิ วันนี้ข้าพบคนของสกุลฉิน พวกเขาส่งจดหมายมาให้ท่านฉบับหนึ่ง คงเป็นผู้ดูแลเจิ้งที่ส่งมา” เฟิงเจิงนำจดหมายออกมาจากลิ้นชัก
ในตอนนี้เอง สตรีนางหนึ่งก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
สตรีผู้นั้นแต่งกายอย่างสง่างาม ทันทีที่นางผ่านประตูมา ก็กวาดสายตาเจ้าเล่ห์มองดูรอบ ๆ พลางคิดคำนวณอย่างชาญฉลาด ท่าทางเหล่านี้มองเห็นได้อย่างชัดเจน
สตรีผู้นั้นมากับแม่นมคนหนึ่ง ผู้ที่เอียงเข้าไปกระซิบกระซาบกันครั้งแล้วครั้งเล่า
คนดูแลร้านรีบออกมาต้อนรับ “ฮูหยินท่านนี้ ท่านต้องการซื้ออะไรหรือขอรับ?”
“เถ้าแก่เนี้ยของพวกเจ้าเล่า?” แม่นมผู้นั้นเอ่ย “ฮูหยินของพวกเราต้องการพูดคุยกับเถ้าแก่เนี้ยของพวกเจ้า”
“เถ้าแก่เนี้ยของเราไม่ได้คอยดูแลอยู่ที่นี่ ฮูหยินเพียงแค่บอกความต้องการแก่ผู้น้อย แล้วผู้น้อยจะไปจัดการให้ท่านขอรับ” คนดูแลร้านเอ่ยอย่างสุภาพ
“ในเมื่อไม่ดูแล เช่นนั้นจะเปิดร้านไปไย?” แม่นมเอ่ย “พวกเราอยากคุยเรื่องการสั่งสินค้าชุดใหญ่ คนดูแลร้านเล็ก ๆ คนหนึ่งอย่างเจ้าจะตัดสินใจได้หรือ?”
มู่ซืออวี่เดินออกมา “สั่งซื้อสินค้าชุดใหญ่เพียงใดหรือ ถึงต้องคุยกับเถ้าแก่เนี้ยเท่านั้น? ข้าเป็นเถ้าแก่เนี้ยของที่นี่ เช่นนั้น พวกท่านก็บอกความต้องการมาได้แล้ว”
สตรีสูงศักดิ์นางนั้นมองมู่ซืออวี่ สายตาของนางจดจ้องอยู่ที่ข้อมือของฮูหยินลู่ จากนั้นก็มองปิ่นปักผมทองที่อยู่บนศีรษะ
“เจ้าคือฮูหยินลู่หรือ!” สตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สามีของข้าแซ่เหมียว เจ้าคงได้ยินมาบ้างแล้ว ข้าเป็นมารดาของเสียนจิ้ง”
มู่ซืออวี่พลันเข้าใจทันที “ที่แท้ท่านคือฮูหยินเหมียว”
ดูเหมือนคำสั่งซื้อชุดใหญ่นี้จะแตกต่างจาก ‘คำสั่งซื้อชุดใหญ่’ ที่คิดไว้
“ไม่รู้ว่าที่นี่พอมีที่สงบ ๆ หรือไม่ ข้าอยากพูดคุยกับท่านเพียงลำพัง” ฮูหยินเหมียวเอ่ยขึ้น
“ย่อมได้ เชิญข้างในเถิด”
ในห้องรับรองแขก จื่อเยวี่ยนนำชาและขนมมาให้ จากนั้นจึงถอยไปยืนอยู่ข้างหลังมู่ซืออวี่
ฮูหยินเหมียวนั่งลงตรงข้ามเจ้าของเรือนกรุ่นฝัน แม่นมที่คอยเจ้ากี้เจ้าการเมื่อครู่ยืนอยู่ข้างหลังนาง
“อันที่จริง ข้าอยากมาเยี่ยมท่านนานแล้ว เพียงแต่ฮูหยินลู่ค่อนข้างยุ่ง ข้าไปหากี่ครั้งก็ไม่ได้เจอหน้า” ฮูหยินเหมียวเอ่ยปาก “วันนี้ข้าบังเอิญผ่านมาพอดีจึงได้รู้ว่าท่านเปิดร้าน จึงคิดจะเสี่ยงโชคมาเยี่ยมเยือนดู บางทีอาจได้พบกันเร็วขึ้น แล้วก็เป็นดังคาด ข้าและฮูหยินลู่ดูเหมือนจะมีชะตาต้องกัน สุดท้ายเราก็ได้มานั่งสนทนากันแบบนี้!”
“ชะตาต้องกันจริง ๆ” มู่ซืออวี่เอ่ย “ขอเพียงย่างเท้าก้าวเข้ามาในร้านข้า นั่นก็นับว่าเป็นโชคชะตาแล้ว ไม่ว่าเหตุผลของโชคชะตานี้จะเป็นอะไรก็ตาม ถูกรึไม่?”
ฮูหยินเหมียวยิ้มบาง ๆ “ฮูหยินลู่คิดว่าเสียนจิ้งของครอบครัวเราเป็นอย่างไร?”
“แม่นางเหมียวรู้หนังสือ ทั้งยังสุภาพนอบน้อม” มู่ซืออวี่เอ่ยถ้อยคำน่าฟังออกมา
“บุตรสาวของข้าไม่เลวจริง ๆ” ฮูหยินเหมียวเอ่ย “ทว่าสุขภาพของนางไม่ค่อยดี ป่วยกระเสาะกระแสะอยู่ตลอดเวลา ไม่เหมือนลูกหญิงรองบ้านข้า นางทั้งร่าเริงและมีชีวิตชีวา เป็นคนอารมณ์ดี เป็นผลไม้แห่งความสุขในบ้านเรา ไม่มีผู้ใดในตระกูลไม่ชอบนาง หากฮูหยินได้พบจะต้องชอบเป็นแน่”
มู่ซืออวี่ “…”
การที่อีกฝ่ายแสดงตัวไม่ใช่เพื่อการแต่งงานของเหมียวเสียนจิ้ง แต่เพื่อเสนอตัวบุตรสาวคนรองอย่างนั้นหรือ?
จริงสิ นางเป็นแม่เลี้ยง
เช่นนั้น ลูกหญิงรองที่นางว่าก็คือลูกแท้ ๆ ของนางหรือ?
จู่ ๆ มู่ซืออวี่ก็รู้สึกสงสารเหมียวเสียนจิ้งขึ้นมาบ้าง
ลู่เซวียนเป็นคนที่พี่ชายแท้ ๆ ของนางเลือกมาให้แท้ ๆ แต่ตอนนี้แม่เลี้ยงกลับเข้ามาแทรกแซง หากไม่ใช่มู่ซืออวี่แต่เป็นผู้อื่น เกรงว่าจะถูกหลอกแล้วจริง ๆ
“ฮูหยินลู่ วันหลังข้าจะเลี้ยงน้ำชาท่านคืน ท่านจะได้พบลูกหญิงรองของข้า ไม่ใช่ข้ายกย่องนางเกินควร แต่ความสามารถของนางนั้นโดดเด่นในหมู่สตรีสูงศักดิ์จริง ๆ น้อยคนนักจะเทียบเทียมได้ ไม่ว่าจะฉิน หมากล้อม ภาพวาด ลายมือ นางไม่ด้อยแม้แต่น้อยเลย อีกทั้งรูปโฉมก็งดงามเป็นหนึ่ง…”
“ฮูหยินเหมียว ขออภัย…” มู่ซืออวี่มองฮูหยินเหมียวด้วยสายตาสงสัย “ท่านคิดจะพูดอะไรกันแน่ ข้าฟังไม่เข้าใจ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฮูหยินเหมียวชะงักค้าง
“ฮูหยินลู่ไม่เข้าใจจริง ๆ หรือ?”
มู่ซืออวี่พยักหน้า “ไม่เข้าใจ”
“ได้ยินว่านายท่านรองสกุลลู่ยังไม่ได้ทาบทามเรื่องแต่งงาน ไม่รู้ว่าจะมีเวลาว่างเมื่อใด ไว้ข้าจะพาลูกหญิงรองมาให้เขาดู พวกเขาหนุ่มสาวจะได้ผูกสัมพันธ์กัน” ฮูหยินเหมียวเอ่ย “สกุลลู่ไม่มีบิดามารดา ดังคำกล่าวที่ว่าพี่สะใภ้เสมือนมารดา เช่นนั้น เรื่องแต่งงานของนายท่านรองลู่ ท่านก็มีสิทธิ์ขาดในการจัดการไม่ใช่หรือ?”
“ฮูหยินเหมียว ต้องทำให้ท่านผิดหวังแล้ว เรื่องการแต่งงานของลู่เซวียนเป็นเขาที่ตัดสินใจด้วยตนเอง พี่สะใภ้คนนี้ไม่อาจพูดสิ่งใดได้”
“พวกเจ้าตกลงเลือกเหมียวเสียนจิ้งหรือ?” รอยยิ้มบนใบหน้าของฮูหยินเหมียวเลือนหายไป
“ข้าคิดว่านี่ไม่เกี่ยวอะไรกับแม่นางเหมียว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ความหมายของนายท่านรองคือ เขาจะไม่พูดคุยเรื่องแต่งงานในสองปีนี้ เขาเพียงอยากทำหน้าที่ให้ดี เป็นขุนนางเพื่อราชอาณาจักรและราษฎร”
“ดังนั้น แปลว่าพวกเจ้ารังเกียจแม่นางสกุลเหมียวของพวกเราอย่างนั้นหรือ?” ฮูหยินเหมียวเข้าใจเจตนาอีกฝ่ายแล้ว
ไม่พูดเรื่องแต่งงานหรือ? ทำหน้าที่ของตนให้ดีอย่างนั้นสินะ? เหอะ! เดิมทีนี่เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น พวกสกุลลู่กำลังดูถูกแม่นางสกุลเหมียวของเราอยู่ชัด ๆ!
“แน่นอนว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น อันที่จริง เป็นเพราะน้องสามีของข้านิสัยใจคอค่อนข้างผิดแผกจากผู้อื่น เขาไม่เคยสนใจความสัมพันธ์ระหว่างบุรุษสตรีมาก่อน” มู่ซืออวี่ยิ้มน้อย ๆ “แน่นอนว่าแม่นางสกุลเหมียวล้วนดีที่สุด ได้ยินฮูหยินเหมียวเอ่ยเช่นนั้น แม้แต่ข้ายังอยากพบคุณหนูรองเหมียวเลย แต่โชคไม่ดี ข้าไม่ใช่น้องสามี ไม่อาจบังคับเขาได้จริง ๆ”
“ฮูหยินลู่ ใต้เท้าลู่เป็นแค่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคดีเล็ก ๆ คนหนึ่งในศาลต้าหลี่ นายท่านรองลู่ยิ่งเป็นเพียงขุนนางขั้นหก ทะนงตนเกินไปเช่นนี้คงไม่ดีกระมัง?” ฮูหยินเหมียวเอ่ยด้วยสีหน้าเยือกเย็น “บิดาข้าเป็นถึงขุนนางขั้นสี่! เหตุใดจะไม่คู่ควรกับสกุลลู่ของพวกเจ้า?”
มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ “หากฮูหยินเหมียวไม่มีเรื่องอื่นแล้วก็เชิญกลับไปเถิด คำสั่งซื้อใหญ่ของท่าน พวกเราสกุลลู่… ไม่อาจรับได้แล้ว”
ฮูหยินเหมียวลุกขึ้นทันที รอยยิ้มบนใบหน้าของนางหายจนหมด นางมองมู่ซืออวี่แล้วเอ่ยว่า “ได้ยินว่าเจ้าเป็นสาวบ้านนอกบ้านนา พวกเรายังไม่รังเกียจพวกเจ้า แม้จะนำไปโอ้อวดไม่ได้ แต่เจ้ากลับปฏิเสธสตรีบ้านข้า พอที พวกเรากลับ!”
“ฮูหยินเหมียวผู้นี้น่าสนใจยิ่งนัก ความสามารถในการเปลี่ยนสีหน้าของนางช่างน่าทึ่งจริง ๆ” จื่อซูเอ่ย
“น้ำในสกุลเหมียวช่างลึกเสียจริง โชคดีที่นายท่านรองไม่ได้ตกหลุมรักกับแม่นางเหมียวเสียนจิ้ง” จื่อเยวี่ยนเอ่ย “มิเช่นนั้น ภายหน้าจวนเรายังจะมีชีวิตที่สงบสุขได้หรือ?”