สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 500 หน่วยลับ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 500 หน่วยลับ

บทที่ 500 หน่วยลับ

ในวังหลวง ร่างชราร่างหนึ่งคุกเข่าอยู่นอกพระราชวัง ท่ามกลางแสงแดดร้อนแผดเผา เขาก้มหัวราวกับผักเหี่ยว ๆ ใบหนึ่ง

คนในวังหลวงที่ผ่านไปผ่านมาไม่กล้ามอง ไม่กล้าแม้กระทั่งเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเดินผ่านเขา

คนผู้นี้ไม่ใช่ ‘เศษผัก’ ที่ไหน แต่เป็นเฝินหยางอ๋องที่ผูกพันกับฮ่องเต้มาตั้งแต่ยังเยาว์ จวนเฝินหยางอ๋องตั้งตระหง่านมาหลายปีเพียงนี้ ก็ไม่ใช่เพราะฮ่องเต้เห็นแก่ความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างพวกเขาหรือ?

แม้ตอนนี้บุตรชายของอีกฝ่าย คุณชายผู้สูงศักดิ์เลื่องชื่อนั่นจะหลับนอนกับสนมรักของฮ่องเต้ก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นั้น ลี่เฟยก็ได้รับผ้าแพรไหมขาวผืนหนึ่งทันที ส่วนท่านอ๋องน้อยจวิน เขาถูกส่งตัวให้ศาลต้าหลี่ทำโทษ ทว่ายังไม่ได้ตัดสินโทษตาย แสดงให้เห็นว่าฮ่องเต้ยังคงเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนอยู่ เฝินหยางอ๋องผู้นี้ยังไม่ถึงกับล้มลงเสียทีเดียว

ประตูพระราชวังเปิดออก บุรุษหน้าตาหล่อเหลาในเครื่องแต่งกายขุนนางเดินออกมา

ชายหนุ่มผู้นั้นหยุดอยู่ตรงหน้าเฝินหยางอ๋องแล้วเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง ฝ่าบาทให้ท่านเข้าไปพูดคุย”

เฝินหยางอ๋องเงยหน้าขึ้น เอ่ยออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง “ฝ่าบาทยินยอมพบข้าแล้วหรือ?”

“ขอรับ” บุรุษผู้นั้นก็คือลู่อี้ เขาพยุงแขนเฝินหยางอ๋องขึ้นแล้วเอ่ยว่า “ข้าน้อยจะพยุงท่านอ๋องเข้าไป”

เฝินหยางอ๋องคุกเข่าอยู่หนึ่งวันหนึ่งคืน เวลาจะลุกขึ้นมาก็ยากเย็นยิ่งนัก ลู่อี้ใช้แรงของตนพยุงเขาขึ้นมา เฝินหยางอ๋องพลันโถมทั้งตัวใส่ลู่อี้

เมื่อลู่อี้พยุงเฝินหยางอ๋องเข้าไปในท้องพระโรง อีกฝ่ายก็ร้องห่มร้องไห้ราวกับคนเจ้าน้ำตาคนหนึ่ง เขาเอ่ยกับฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร “ฝ่าบาท… กระหม่อมมีความผิด… ฝ่าบาทได้โปรด…”

ลู่อี้ปล่อยเฝินหยางอ๋องไว้แล้วถอยออกมา

เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเฝินหยางอ๋องยังคงดังลอดออกมาเป็นระยะ

“ใต้เท้าลู่ คดีนั้นที่ท่านตรวจสอบ พระนางไทเฮากังวลพระทัยยิ่งนัก ทรงตรัสว่าหากท่านสืบพบอะไร ขอให้ไปรายงานทันที” ขันทีผู้หนึ่งเดินเข้ามาแจ้งความประสงค์

“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” ลู่อี้เอ่ย

เหล่ามามาผู้ปรนนิบัติรับใช้ไทเฮาตายแล้ว ตายอย่างน่าเวทนา มิอาจอธิบายได้ ไม่เพียงแต่ไทเฮาเท่านั้นที่จับตามอง แม้กระทั่งฮองเฮาก็กำลังจับตามองเช่นกัน คดีนี้ยากเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนในศาลต้าหลี่ล้วนตกอยู่ในอันตราย

เดิมทีไม่มีผู้ใดยินดีรับคดียุ่งยากเช่นนี้ ทว่าหลินอี้เจี๋ยกลับรับเอาไว้

หลินอี้เจี๋ยเป็นผู้บังคับบัญชาของลู่อี้ เขารับคดีนี้มา หมายความว่าผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดมีหน้าที่รับผิดชอบคดีนี้ร่วมด้วย ลู่อี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้น

เป็นการสังหารโดยยาพิษ สาเหตุการตายกระจ่างชัด หากกล่าวกันตามหลักการแล้วย่อมสืบตามร่องรอยได้ไม่ยาก ทว่าผู้วางยาซ่อนตัวได้เก่งนัก จึงยังไม่พบเบาะแสใด ๆ

เมื่อลู่อี้รอดชีวิตกลับมาจากพระตำหนักของไทเฮาและออกจากวัง เขาก็เห็นรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูวัง

“ใต้เท้าลู่” คนในรถม้าเอ่ยเรียก “ไม่ทราบว่า… จะไปด้วยกันหรือไม่?”

ลู่อี้ประกบมือคำนับ “เช่นนั้น ต้องขอบพระทัยท่านอ๋องแล้ว”

สิ้นคำเขาก็ขึ้นรถม้าไป

คนในรถม้าหาใช่ใครอื่น แต่เป็นเฝินหยางอ๋อง

เฝินหยางอ๋องพิงกายอยู่ในนั้น ยังคงอ่อนแอเหมือนเมื่อครู่ อีกฝ่ายดูไร้เรี่ยวแรงและทรุดโทรม

“เมื่อครู่นี้เฉินกงกงบอกข้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะใต้เท้าลู่ช่วยพูดแทนข้าต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ข้าคงไม่ได้พบฝ่าบาทเร็วเพียงนั้น”

“ท่านอ๋องกล่าวเกินจริงแล้ว ฝ่าบาทเองก็ต้องการพบท่านอ๋อง ข้าน้อยเป็นเพียงตัวแทนที่ส่งบันไดออกไปเท่านั้น เป็นพระองค์เองที่ยอมก้าวลงมา” ลู่อี้เอ่ย “ฝ่าบาทคำนึงถึงท่านอ๋องอยู่เสมอ”

“ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จดจำน้ำใจใต้เท้าลู่ไว้แล้ว” เฝินหยางอ๋องเอ่ย “ตอนนี้บุตรชายข้าถูกขังอยู่ในศาลต้าหลี่ ไม่รู้ว่าหลายวันมานี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ท่านอ๋องวางใจเถิด ท่านอ๋องน้อยสบายดี” ลู่อี้กล่าว “หากท่านอ๋องอยากพบท่านอ๋องน้อย ย่อมไปได้ตลอดเวลา”

ก่อนจะมีวันนี้ เฝินหยางอ๋องทราบเสียที่ไหนว่าลู่อี้คือผู้ใด?

เจ้าหน้าที่ตัวเล็ก ๆ ในศาลต้าหลี่ผู้หนึ่ง เดิมทีก็ไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัว ย่อมไม่ควรค่าแก่ความสนใจของเขา

ถึงแม้ชื่อเสียงของลู่อี้จะค่อนข้างโด่งดัง มีผู้คนมากมายเอ่ยถึงเขา โดยเฉพาะเมื่อเอ่ยถึงเมืองฮู่เป่ย แทบทุกคนต้องเอ่ยถึงนายอำเภอผู้นำความรุ่งเรืองมาให้คนนี้

อย่างไรก็ตาม เฝินหยางอ๋องได้ตระหนักอย่างแท้จริงก็วันนี้ว่ามีคนที่เก่งกาจอย่างเขาอยู่ในศาลต้าหลี่ ดูจากบุคลิกที่โดดเด่นแล้ว นับว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่ง

เฝินหยางอ๋องมัวแต่ขบคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะดึงคนผู้นี้มาเป็นพวกได้ ผู้ใดจะคิดว่าบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาจะเคยล่วงเกินอีกฝ่ายไว้มาก ทว่าถึงแม้เขาจะล่วงรู้ เฝินหยางอ๋องก็ย่อมไม่เก็บมาใส่ใจ

ในราชสำนัก ไม่เคยมีศัตรูที่ถาวร มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้นที่ถาวร ลู่เซวียนเพียงถูกสุนัขตัวหนึ่งกัด อีกทั้งตอนนี้ยังหายดีแล้ว แต่ต่อให้เขาจะถูกสุนัขกัดจนพิกลพิการ ตราบใดที่ผลประโยชน์มากพอ หากลู่อี้ฉลาดย่อมต้องรู้ว่าควรตัดสินใจอย่างไร

ทว่าหากเขาโง่เขลาก็ไม่เป็นไร เมืองหลวงแห่งนี้ยังมีพื้นที่พอให้ฝังกระดูกจากซากศพเน่าเปื่อยมากมาย มีศพเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งศพ หรืออีกหนึ่งตระกูลจะเป็นไรไป?

เฝินหยางอ๋องกลับไปที่จวน ลู่อี้จึงกลับไปนั่งรถม้าของตน

เมื่อครู่นี้รถม้าตระกูลลู่ขับตามหลังมาโดยตลอด

เซี่ยคุนนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วเอ่ยว่า “ดูจากท่าทีของฮ่องเต้แล้ว เฝินหยางอ๋องยังคงเป็นที่โปรดปราน”

“เฝินหยางอ๋องจะต้องมีบางอย่างที่ทำให้ฮ่องเต้หวาดกลัวอยู่ในมือเป็นแน่ มิเช่นนั้นคงไม่กล้ำกลืนฝืนทนมาจนถึงบัดนี้” ลู่อี้เอ่ยอย่างสุขุม “ท่านอ๋องน้อยจวินผู้นั้น เกรงว่าคงถูกขังไม่นาน”

“จะปล่อยเขาออกไปเช่นนี้หรือ?” เซี่ยคุนเย้ยหยัน “ขานายท่านรองลู่คงได้รับบาดเจ็บไปเปล่า ๆ แล้ว?”

“เฝินหยางอ๋องตอนนี้ไม่อาจเคลื่อนไหว ทว่าฮ่องเต้ได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ไว้ในใจแล้ว เพียงแค่รอเมล็ดพันธุ์นี้หยั่งรากลึก ตอนนี้ชะตากรรมของจวนเฝินหยางอ๋องแขวนอยู่บนเส้นด้าย ส่วนเกิ่งเชียนจวิน เรื่องปล่อยนั้นต้องปล่อยแน่ แต่จะถูกปล่อยออกไปในสภาพเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับเราไม่ใช่หรือ?” ลู่อี้กล่าวเสียงเรียบ “ก็แค่ขยะชิ้นหนึ่ง ปล่อยออกไปจะเป็นไรเล่า?”

“คดีในวังนั้นยังไม่มีเบาะแสหรือ?”

“ไม่มี ทว่าข้าตรวจสอบพบคดีวางยาพิษคดีหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองสามปีที่แล้ว”

“หาตัวผู้สังหารพบหรือไม่?”

“ในตอนนั้นพระสนมสองคนห้ำหั่นกันแย่งชิงความโปรดปราน ตระกูลของพระสนมหนึ่งในนั้นเป็นเจ้าของร้านสมุนไพร ยานั้นเป็นตำรับเฉพาะของตระกูลนาง หลังจากนั้นพระสนมผู้นี้ก็ถูกตัดสินประหารชีวิต”

“หมายความว่า ที่มาของยาพิษนั้นตรวจสอบออกมาได้จากตระกูลของพระสนมคนนั้นหรือ?”

“หลังจากพระสนมคนนั้นตาย ตระกูลพวกเขาถูกเนรเทศไปชายแดน ข้าส่งคนไปตรวจสอบ พบว่าพวกเขาทั้งหมดตายที่นั่น ไม่มีเหลือรอดแม้เพียงคนเดียว”

เซี่ยคุนขบคิด ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยบางอย่างกับลู่อี้ จู่ ๆ รถม้าก็สั่นสะเทือน

หลังจากนั้น เสียงเกือกม้าด้านนอกก็ดังขึ้นมา

ลู่อี้เปิดหน้าต่างแล้วมองออกไป

ม้าหลายตัวควบผ่านหน้าเขา

“เป็นคนของหน่วยลับ”

เซี่ยคุนได้ยินคนข้างนอกเอ่ยขึ้น จึงลงจากรถม้าไปดูขบวนเหล่านั้น

“มีอะไร?” ลู่อี้เอ่ยถาม

“หน่วยลับ” เซี่ยคุนกลับเข้าไปในรถม้า “ท่านอยู่ในเมืองหลวงมานานเพียงนี้ คงได้ยินเรื่องหน่วยลับมาบ้างกระมัง?”

“เคยได้ยิน ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยลับคือฮ่องเต้ หน่วยนี้รับคำสั่งโดยตรงจากเขา ไม่ว่าจะขุนนางขั้นหนึ่งตลอดจนถึงคนธรรมดาทั่วไป ตราบใดที่หน่วยลับต้องการตรวจสอบก็ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งได้” ลู่อี้เอ่ย “แต่ถึงจะเคยได้ยินก็ยังไม่เคยพบพวกเขา”

“เพราะคนของหน่วยลับได้รับภารกิจใหญ่ ๆ จึงไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ท่านได้ยินสิ่งที่คนเหล่านั้นพูดเมื่อครู่หรือไม่ ตอนนี้พวกเขากลับมาแล้ว” เซี่ยคุนกล่าว “คนพวกนั้น… ราวกับอสรพิษ ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยว ระหว่างนี้ท่านอย่าได้ไปข้องแวะกับพวกเขาเป็นการชั่วคราวเถิด มิเช่นนั้น ความพยายามที่ผ่านมาของพวกเราคงต้องสูญเปล่า”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท