บทที่ 502 เผชิญหน้ากับหน่วยลับครั้งแรก
บทที่ 502 เผชิญหน้ากับหน่วยลับครั้งแรก
ฮูหยินของเจี่ยเฉิงผิงดูเป็นสตรีที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ หน้าตาของนางธรรมดาทั่วไป แต่งกายเรียบง่ายไม่หวือหวา
ข้างกายนางมีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง เด็กหญิงคนนั้นหน้าตางดงามมาก ทั้งยังมีใบหน้าที่ดูใสซื่อเช่นกัน ท่ามกลางสตรีที่งามสง่าในโรงอุปรากร มารดาและบุตรสาวคู่นี้ดูไม่ค่อยเข้ากับสถานที่นัก
เมื่อฮูหยินถานแนะนำนาง นางยิ้มอย่างเอียงอายให้มู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่ส่งรอยยิ้มเป็นมิตรกลับไป แล้วนั่งลงข้างสองแม่ลูกพร้อมกับลู่จื่ออวิ๋น
“นี่ให้เจ้า” เจี่ยหลิงหลงส่งขนมชิ้นหนึ่งให้ลู่จื่ออวิ๋น “อันนี้อร่อย เหลือเพียงชิ้นเดียวแล้ว เดิมทีข้าเก็บไว้ให้เจ้าอ้วนน้อยข้างบ้าน แต่ตอนนี้มอบให้เจ้า”
“ขอบคุณ” ลู่จื่ออวิ๋นส่งยิ้มหวานให้เจี่ยหลิงหลง
“หน้าตาของเจ้างดงามยิ่งนัก” เจี่ยหลิงหลงหน้าแดงขึ้นมา นางมองลู่จื่ออวิ๋นด้วยสายตาอิจฉา
ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยขึ้น “เจ้าก็น่ามองเช่นกัน ข้าชื่อลู่จื่ออวิ๋น เจ้าชื่ออะไรหรือ?”
เจี่ยหลิงหลงยิ้มอย่างเขินอาย “ข้าชื่อเจี่ยหลิงหลง”
“เวลาเจ้ายิ้มมีลักยิ้มด้วย!” ลู่จื่ออวิ๋นจับหน้าเล็ก ๆ ของตน “ข้าก็มี ดูเหมือนพวกเราเหมาะจะเป็นสหายกันมาก!”
สายตาของเจี่ยหลิงหลงเปล่งประกายขึ้นมา
จู่ ๆ นางก็มีน้องสาวที่หน้าตางดงามเพียงนี้เป็นสหาย ช่างน่ายินดียิ่ง
มู่ซืออวี่เห็นลู่จื่ออวิ๋นมีสหายใหม่รวดเร็วเพียงนี้ก็รู้สึกดีใจ นางและฮูหยินเจี่ยสบตาแล้วยิ้มให้กัน
การแสดงบนเวทีน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ชอบฟังงิ้วหรือไม่ชอบฟังงิ้ว ล้วนจ้องมองไปบนเวทีด้วยใจจดจ่อ
ห้องของพวกนางอยู่บนชั้นสอง อีกทั้งยังเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด สามารถรับรองคนได้สามสิบถึงสี่สิบคน
ขณะที่พวกนางฟังงิ้วอยู่นั้น มีคนงานเดินไปเดินมาครั้งแล้วครั้งเล่า มู่ซืออวี่เงยหน้ามองพบว่าพวกเขากำลังเติมน้ำชา ขนม และผลไม้อบแห้ง ไม่มีผู้ใดสนใจพวกเขามากนัก
ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ คนกลุ่มหนึ่งก็หลั่งไหลเข้ามาในโรงอุปรากร
“ทุกคนหยุด อย่าขยับ!” ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำแสดงแผ่นป้ายให้ทุกคนดู “หน่วยลับกำลังตรวจสอบคดี ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อนจะถูกฆ่าโดยมิละเว้น”
คนมากมากหลั่งไหลเข้ามาในโรงอุปรากร
พวกเขาล้วนสวมใส่เสื้อคลุม และเครื่องแต่งกายเช่นเดียวกัน
ท่ามกลางคนเหล่านั้น ชายหนุ่มสวมหน้ากากคนหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้ามา
“หน่วยลับ!” ฮูหยินหรงเอ่ยขึ้น “พวกเรามาเจอพวกเขาสืบคดีได้อย่างไร?”
หากเอ่ยถึงกรมที่รับผิดชอบตรวจสอบคดี แน่นอนว่าเป็นกรมอาญา สำนักตรวจการ และศาลต้าหลี่
หน่วยลับไม่ขึ้นตรงต่อสามหน่วยงานดังกล่าว แต่รับคำสั่งจากฮ่องเต้เพียงผู้เดียว พวกเขารับผิดชอบดูแลคดีลึกลับแปลกประหลาด แน่นอนว่าขอบเขตหน้าที่ของพวกเขากว้างขวางเป็นอย่างมาก นอกจากในราชสำนักแล้ว ความแค้นและข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นในยุทธภพ หน่วยลับสามารถเข้าไปแทรกแซงได้!
หน่วยลับและศาลต้าหลี่แต่ไหนแต่ไรก็มิได้ปรองดองกัน
“ก่อนหน้านี้ ข้าเคยได้ยินเรื่องหน่วยลับ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบ” มู่ซืออวี่เอ่ย “ฮูหยินเจี่ย ผู้นั้นคือ…”
“นั่นคือใต้เท้าฉี ฉีเซียวผู้บัญชาการของหน่วยลับ รับคำสั่งโดยตรงจากฝ่าบาท” ฮูหยินเจี่ยตอบ
หน่วยลับตรวจสอบมาถึงชั้นบนอย่างรวดเร็ว
ห้องปีกข้างทั้งหมดถูกครอบครัวขุนนางศาลต้าหลี่จับจอง ย่อมดึงดูดความสนใจของหน่วยลับเป็นธรรมดา ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งรายงานฉีเซียวที่กำลังเหลือบมองไปยังหน้าต่างชั้นสอง แล้วสาวเท้าขึ้นมาชั้นบน
“ฉีเซียวขึ้นมาชั้นบนแล้ว” ฮูหยินหรงมองฮูหยินถาน “ฮูหยินถาน ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”
ฮูหยินหรงผู้ที่เมื่อครู่นี้ไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา ตอนนี้ราวกับถูกเข็มทิ่มแทง ใบหน้างามประณีตของนางเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
“ตระหนกไปไย? เขาตรวจสอบคดี เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราเล่า? พวกเราเพียงแค่มาฟังงิ้วเท่านั้น” ฮูหยินถานเอ่ยด้วยท่าทีสงบ
ปัง! ประตูเปิดออก
ขายาว ๆ คู่หนึ่งก้าวเข้ามา
มู่ซืออวี่หันหน้ากลับไปสบสายตากับคนผู้นั้น
เป็นสายตาเยือกเย็นยิ่งนัก
ฉีเซียวเดินเข้ามาหาฮูหยินถาน “ฮูหยินถาน”
“ใต้เท้าฉี” ฮูหยินถานยิ้มบาง ๆ “วันนี้โชคไม่ดีเสียจริง พวกเราพี่หญิงน้องหญิงไม่กี่คนมาที่นี่เพื่อฟังงิ้ว กลับบังเอิญพบใต้เท้าฉีกำลังตรวจสอบคดีเสียได้”
“พวกเรากำลังค้นหาตัวไส้ศึก เกรงว่าต้องล่วงเกินฮูหยินทุกท่านแล้ว” ฉีเซียวเอ่ยอย่างสุขุม “ทุกคนที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ รวมถึงฮูหยินทุกท่านจะต้องถูกค้นตัว”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” ฮูหยินหรงลุกขึ้นเอ่ยด้วยความโมโห
“หูฮูหยินหรงไม่ยินดีหรือ?” รองผู้บัญชาการที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “ใต้เท้าของพวกเราหมายความว่าเรื่องในวันนี้สำคัญอย่างใหญ่หลวง แม้แต่ฮูหยินทุกท่านก็ไม่อาจรอดพ้นการตรวจสอบไปได้”
มู่ซืออวี่มองออกไปข้างนอก
ลูกค้าชั้นหนึ่งล้วนถูกหน่วยลับควบคุมตัวและตรวจค้นแล้ว หลังจากตรวจค้นแล้วพวกเขาก็ยังคงไม่ได้รับอนุญาตให้จากไป เพราะต้องตอบคำถามอีกมากมายและต้องตรวจค้นร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง
แม้กระทั่งสตรียังไม่ได้รับการยกเว้น ล้วนถูกหน่วยลับตรวจค้นหมดทั้งสิ้น
มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว
หน่วยลับนี่สมคำร่ำลือจริง ๆ การดำรงอยู่ของพวกเขาทำให้คนไม่พึงพอใจ
“ใต้เท้าฉี พวกเราที่นี่ล้วนเป็นสตรีธรรมดา หากท่านอยากตรวจค้นร่างกายของพวกเรา ลองไปถามสามีพวกเราดูว่ายินยอมหรือไม่” ฮูหยินถานเอ่ยอย่างเฉียบคม
“ไม่ผิด” ฮูหยินหรงเอ่ยพ้องต้องกัน
มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “ใต้เท้าท่านนี้ หากท่านต้องการตรวจสอบไส้ศึก แน่นอนว่าพวกเราย่อมให้ความร่วมมือ ทว่าพวกท่านไม่มีสตรีในหน่วยลับเลยหรือ?”
“ในเมื่อไม่ต้องการให้ความร่วมมือ เช่นนั้นก็นำตัวกลับไปหน่วยลับทั้งหมด” ฉีเซียวเอ่ยเสียงเรียบ
“เจ้าคนแซ่ฉี!…” ก่อนที่ฮูหยินอารมณ์ร้อนผู้หนึ่งจะได้กล่าวจบ ดาบเล่มหนึ่งก็จ่อเข้าที่คอนาง
รองผู้บัญชาการเอ่ยอย่างเยือกเย็น “แม้กระทั่งสามีบ้านพวกเจ้ายังไม่กล้าตะโกนใส่ผู้บัญชาการของเรา เจ้าเป็นผู้ใดถึงกล้ามาเรียกชื่อใต้เท้า!”
ข้างล่างเกิดเสียงต่อสู้กันขึ้น
ที่แท้ระหว่างค้นตัวคนจนพบสิ่งของน่าสงสัย เมื่อเห็นว่าไม่อาจหลบซ่อนอีกต่อไป เขาจึงคิดจะสังหารคนของหน่วยลับแล้ววิ่งหนี
ในตอนนี้เอง สาวใช้คนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นซัดอาวุธลับไปที่ฉีเซียว
นั่นคือลูกดอก
ฉีเซียวยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อน เมื่อลูกดอกใกล้จะถึงตัว เขาก็เอื้อมมือออกมาคว้ามันเอาไว้
เมื่อสาวใช้ผู้นั้นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น นางพลันคว้ามู่ซืออวี่ที่อยู่ข้าง ๆ และจ่อกริชเข้าที่คอ
“ท่านแม่!…” ลู่จื่ออวิ๋นร้องเรียก คิดจะกระโจนเข้าไปหา
ทว่าฮูหยินเจี่ยคว้านางเอาไว้และกอดนางในอ้อมแขนแนบแน่น “อย่าเข้าไป”
“เจ้าคนแซ่ฉี เจ้าปล่อยข้าไป มิเช่นนั้นข้าจะฆ่านางทิ้ง!” เสียงของสาวใช้นางนั้นกลายเป็นเสียงของบุรุษ
มู่ซืออวี่ที่ถูกจับเป็นตัวประกันมองฉีเซียวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ฉีเซียวนิ่งมองฉากนี้ด้วยสายตาเย็นชา
“ใต้เท้าฉี นั่นคือฮูหยินของลู่อี้ผู้ตัดสินคดีศาลต้าหลี่ ใต้เท้าลู่เป็นที่โปรดปรานของสวรรค์ ท่านมิอาจละเลยนางได้!” ฮูหยินถานที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยอย่างกระวนกระวาย
ผู้อื่นในห้องล้วนจับจ้องฉากนี้อย่างตื่นตระหนก
พวกนางถอยหลังกลับไปสองสามก้าว มอง ‘ไส้ศึก’ ผู้ที่ไม่รู้ว่าปะปนอยู่ในหมู่พวกนางตั้งแต่เมื่อไหร่
“ภารกิจข้าคือจับไส้ศึก ส่วนฮูหยินลู่ที่โชคดีไม่มากพอถูกไส้ศึกฆ่าตาย ใต้เท้าลู่ควรตำหนิไส้ศึกถึงจะถูก ข้าจะทรมานคนร้ายและแก้แค้นแทนเขาให้เอง”
นี่หมายความว่า ‘นางจะตายหรือไม่แล้วเกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าสนเพียงทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงเท่านั้น ขอเพียงภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ ความเป็นความตายของผู้อื่นไม่ได้อยู่ในหัวเลยสักนิด’
เย็นชายิ่งนัก
โชคดีที่มู่ซืออวี่ไม่คิดพึ่งพาคนผู้นี้ตั้งแต่แรก
นางก้มหน้าลงกัดมือ ‘ไส้ศึก’ ผู้นั้น
“อ๊าก!” ไส้ศึกผู้นั้นร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มือที่ถือกริชคลายลง
ฉึก! กริชเล่มหนึ่งพุ่งเข้าไปในดวงตาของเขา
“อ๊าก!!!” เลือดพุ่งกระฉูดจากดวงตาของไส้ศึกคนดังกล่าว เขาถอยหลังกลับไปสองสามเก้า ขณะที่เขากำลังจะตกจากชั้นสองก็คว้ามู่ซืออวี่ที่อยู่ไม่ไกลเอาไว้ด้วย
ทั้งสองหล่นลงจากหน้าต่างร่วงลงไปชั้นล่าง
อีกฝ่ายตั้งใจไว้แล้วว่าหากต้องตายก็จะลากใครสักคนไปตายพร้อมกัน!