บทที่ 513 ม้าสีชาด
บทที่ 513 ม้าสีชาด
ม้าตัวนั้นครางออกมาอย่างว่าง่าย
ลู่จื่ออวิ๋นหัวเราะเบา ๆ
เกล็ดหิมะร่วงหล่นลงมา แนบลงบนผิวขาวนวลของนาง ทำให้ตอนนี้นางดูไม่ต่างจากตุ๊กตาหิมะตัวหนึ่ง
“วันนี้ข้าไม่มีขนมติดมือมาด้วย ข้าเอามาให้เจ้าวันหลังดีหรือไม่? เจ้าชื่ออะไรหรือ? ขนของเจ้างามยิ่งนัก ราวกับชาดเนื้อดีก็ไม่ปาน ข้าเรียกเจ้าว่า… เจ้าชาดดีหรือไม่?”
ลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้อยู่ที่สนามแข่งม้านานนัก ไม่นานนางก็ออกไปจากที่นั่น
หลังนางจากไป มุมหนึ่งพลันปรากฏร่างคนสองคนโผล่ออกมา
“นายน้อย ข้าน้อยหละหลวมไปแล้ว ข้าน้อยจะพา ‘คนงาม’ ไปประเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้อง ให้มันอยู่ที่นี่เถอะ!” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยด้วยท่าทีสงบ ” ‘คนงาม’ ชอบนาง”
ณ หอซือเป่า หญิงปักผ้ายืนเรียงหน้ากระดานอยู่ที่นั่น ไม่กล้าแสดงท่าทีโมโหออกมาแม้แต่น้อย
ผู้ดูแลเมิ่งมองพวกนางด้วยสายตาคมกริบ “ข้าบอกพวกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ ชุดนี้ต้องใช้ด้ายทองเย็บขอบ แล้วพวกเจ้าทำอย่างไร?”
“นี่เป็นงานที่ลู่จื่ออวิ๋นรับผิดชอบ แต่วันนี้นางกลับไม่อยู่ ดังนั้น….” ฮวาหรงโพล่งขึ้นมา
“นางไปที่ใด?” ผู้ดูแลเมิ่งเอ่ยเสียงเย็น
“นางไปสนามแข่งม้าเจ้าค่ะ” หญิงปักผ้าอีกคนเอ่ยขึ้น “เมื่อเช้าซ่งกูกูกำชับแล้วว่าพวกเราต้องทำงานให้ทัน แต่นางกลับวิ่งไปสนามแข่งม้าแล้ว”
“ข้างนอกมีแต่เรื่องสนุก แน่นอนว่านางต้องอยากออกไปเที่ยวเล่น นางเป็นบุตรสาวตระกูลขุนนาง ไม่เหมือนพวกเราที่ต้องอาศัยทักษะเลี้ยงชีพ”
“จื่ออวิ๋นไม่ได้ต้องการไปเองนะเจ้าคะ” หยางเจิงอธิบายให้ผู้ดูแลเมิ่งฟัง “มีคนให้จื่ออวิ๋นไปส่งของที่สนามแข่งม้า นางถึงได้ไป”
“ยามปกติก็แล้วไปเถิด ตอนนี้กำลังยุ่งวุ่นวาย ต้องไปส่งของในยามนี้ด้วยตนเองที่ใดกัน? ไม่ใช่ว่าอยากจะอู้งาน…”
หลังจากกล่าวถ้อยคำสุดท้ายออกไป ผู้พูดจำต้องมองไปทางประตูด้วยดวงตาเบิกกว้าง
เมื่อผู้อื่นมองตามสายตานางไปก็เห็นลู่จื่ออวิ๋นที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าเล็ก ๆ เปรอะเปื้อนด้วยโคลนเล็กน้อย
“ขออภัย ข้ากลับมาช้าแล้ว”
นางเอ่ยพลางถูขาของตน
“เจ้าเป็นอะไรไป?” ผู้ดูแลเมิ่งขมวดคิ้ว
“หิมะด้านนอกตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุใดไม่ทราบ ม้าเกิดตื่นกลัวขึ้นมา ข้าจึงตกลงมาจากรถม้า” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ขออภัยด้วย ผู้ดูแลเมิ่ง ข้าทำให้งานของทุกคนล่าช้าหรือไม่?”
ผู้ดูแลเมิ่งคิดจะเอ่ยบางอย่าง ทว่าเมื่อเห็นสายตาใสซื่อบริสุทธิ์มองมาที่ตนจึงมิได้กล่าวสิ่งใดออกไป
“เอาละ ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าเพิ่มอีกสองชั่วยาม หากชุดนี้ไม่เสร็จตามกำหนด พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องถูกลงโทษ”
“เพราะเหตุใด?” บางคนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “มิใช่พวกเราทำได้ไม่ดีเสียหน่อย เป็นลู่จื่ออวิ๋นที่ทำได้ไม่ดี”
“พวกเจ้าเป็นกลุ่มเดียวกัน นางทำได้ไม่ดี นั่นหมายความว่าพวกเจ้าทำได้ไม่ดีด้วย พวกเจ้าคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของตน แล้วไม่คิดถึงผู้อื่นหรือ ฝันหวานอะไรอยู่?” ผู้ดูแลเมิ่งเย้ยหยัน “มีบางคนคิดว่าตนชาญฉลาด ทว่ายังมีคำกล่าวที่ว่า ‘ฉลาดเกินไปจึงเสียรู้’ สุดท้ายไม่พ้นยกหินทับเท้าตนเอง”
หลังจากแยกย้ายกันแล้ว หยางเจิงดึงลู่จื่ออวิ๋นไปที่มุมหนึ่ง “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่? ข้าจะพาเจ้าไปหาท่านหมอ”
ลู่จื่ออวิ๋นส่ายศีรษะเบา ๆ “ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไร เพียงแค่เจ็บจากการตกลงมาเล็กน้อย”
อันที่จริงผมของนางในสภาพนี้ นางเป็นคนทำให้ยุ่งเหยิงเอง อีกทั้งยังปาดโคลนลงบนใบหน้าด้วย ส่วนเรื่องตกรถม้านั้น เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นางเพียงแต่ทำการแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น
“ท่านวางใจเถอะ” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “ข้าจะไปล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย แล้วจะตามไปทีหลัง”
ฮวาหรงมองตามหลังลู่จื่ออวิ๋นด้วยความคับข้องใจ
“ศิษย์พี่หญิง นับแต่ลู่จื่ออวิ๋นผู้นี้ปรากฏตัว เหล่าผู้ดูแลล้วนเข้าข้างนาง”
“หอซือเป่าเราฝึกหญิงปักผ้าให้กับวังหลวง หากแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยม ส่วนใหญ่ล้วนถูกส่งเข้าวัง” ฮวาหรงเอ่ย “หน้าตานางมีเสน่ห์ยั่วยวนเพียงนั้น นางจะต้องมีเป้าหมายใหญ่โตเป็นแน่ เหล่าผู้ดูแลจะเข้าข้างนางก็เป็นเรื่องธรรมดา”
ลู่จื่ออวิ๋นทำงานเสร็จไปได้ครึ่งหนึ่ง บ่าวรับใช้จึงมาบอกว่า ‘ซ่งกูกูเชิญไปพบ’
ลู่จื่ออวิ๋นเข้าไปในห้องทำงานของซ่งกูกู
“กูกู”
“นั่งเถอะ” ซ่งกูกูเอ่ย “ได้ยินว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้ามีหีบยาอยู่ที่นี่ มานี่สิข้าจะช่วยเจ้าใส่ยา”
“อันที่จริงแล้วข้าเพียงแค่ตกลงมาเท่านั้น ไม่มีรอยขีดข่วนภายนอกเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย รินน้ำใส่ถ้วยแล้วส่งให้ซ่งกูกูด้วยมือทั้งสองข้าง “ซ่งกูกู ข้าสร้างปัญหาให้ท่านแล้ว”
“นับแต่โบราณมา ผู้ที่โดดเด่นมักจะถูกผู้อื่นเกลียดชัง เจ้าอายุน้อยเท่านี้กลับเผชิญหน้ากับมันด้วยความสงบ ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว” ซ่งกูกูเอ่ย “หากลำบากเรื่องใดก็ให้มาหาข้า ข้าไม่อาจช่วยคลายความขัดแย้งให้เจ้าได้ แต่ยังพอช่วยเจ้าหลบเลี่ยงปัญหาบางอย่างได้บ้าง”
“ขอบคุณกูกู” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยด้วยท่าทีอ่อนหวาน
“อาจารย์เจ้าเขียนจดหมายมาหา มีฉบับหนึ่งเขียนถึงเจ้า รับไปเถิด!” ผู้ดูแลเมิ่งนำจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ลู่จื่ออวิ๋น
ลู่จื่ออวิ๋นรับจดหมายนั้นมาแล้วเดินออกไปอย่างร่าเริง
นางไม่รีบร้อนอ่านจดหมาย ทว่ารอให้ทำทุกอย่างใกล้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน จึงเปิดจดหมายแล้วอ่าน
ในจดหมายเขียนว่าอีกไม่นานท่านอาจารย์ก็จะกลับมาเมืองหลวงแล้ว
“อาจารย์จะกลับมาแล้ว!” ดวงตาของลู่จื่ออวิ๋นเป็นประกาย “เช่นนั้นศิษย์พี่หญิง…”
เมื่อนางเห็นว่าฮั่วอวิ๋นซิ่วแต่งงานกับเวินเหวินซงแล้ว นางพลันบุ้ยปากเอ่ยพึมพำ “ศิษย์พี่หญิงถูกลักพาตัวไปแล้ว”
บ่าวรับใช้หลายคนยกกล่องเข้ามาจากด้านนอก
“พวกท่านมาหาใคร?” ฮวาหรงไปต้อนรับพวกเขา
“พวกเรามาส่งของให้คุณหนูลู่” หัวหน้าบ่าวรับใช้เอ่ย “เหล่านี้ล้วนมอบให้คุณหนูลู่”
กล่องถูกเปิดออก ข้างในล้วนเต็มไปด้วยขนมหน้าตาประณีตมากมาย ขนมเหล่านี้ล้วนเป็นขนมที่มาจากร้านขนมขึ้นชื่อในเมืองหลวง
“ข้าจำขนมนั่นได้ เพียงหนึ่งกล่องก็มีราคาสองตำลึงเงินแล้ว”
“อันนั้น! อันนั้นห้าตำลึงเงิน!”
“แพงยิ่งนัก!”
หญิงปักผ้าพูดคุยกันอื้ออึง
ลู่จื่ออวิ๋นถูกหยางเจิงดึงตัวมา เมื่อเห็นขนมมากมายเพียงนี้ นางจึงถามบ่าวรับใช้ “ผู้ใดให้พวกท่านมา?”
“นายท่านกล่าวว่าคุณหนูลู่ทำงานหนักทั้งวันทั้งคืน ผ่ายผอมลงจากครั้งก่อนที่พบกันมาก นี่เป็นขนมรังนก ส่งมาให้ท่านบำรุงสุขภาพ อย่างอื่นให้พี่หญิงน้องหญิงของคุณหนูลู่ คุณหนูลู่อยากให้ผู้ใดก็ให้ผู้นั้น” สิ้นคำ บ่าวรับใช้ผู้นั้นก็โบกมือให้คนของเขาจากไป
ลู่จื่ออวิ๋นคิดจะเรียกพวกเขาไว้ ทว่าคนเหล่านั้นกลับไปหมดแล้ว
“อายุน้อยเช่นนี้ก็โปรยเสน่ห์ใส่บุรุษเสียแล้ว” ฮวาหรงพูดจาเหน็บแนม “ไร้ยางอายจริง ๆ”
“หากท่านยังใส่ความข้าอีก ข้าจะไม่เกรงใจท่านแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นมองฮวาหรงอย่างเฉยชา “ท่านอาจเข้าใจข้าผิดไป คนในสกุลลู่เราไม่ใช่คนอารมณ์ดีนัก พ่อแม่ข้าก็ไม่ใช่ พี่ชายข้าก็ไม่ใช่ ส่วนข้านั้นยิ่งไม่ใช่”
“จื่ออวิ๋น ขนมพวกนี้…” หยางเจิงเอ่ยขึ้น “จะทำอย่างไรกับพวกมันดีเล่า?”
“ข้าพอจะรู้ว่าผู้ใดส่งมา ถึงตอนนั้นข้าจะส่งคืนเขา” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ท่านไม่ต้องสนใจมันแล้ว ทำงานต่อเถอะ!”
ระยะนี้ฟ่านเหยี่ยนอารมณ์ดียิ่ง อายุเขาถึงวัยแล้ว ฮ่องเต้จึงแต่งตั้งเขาเป็นอ๋อง ทั้งยังมอบจวนให้เขาหนึ่งหลัง คาดว่าอีกไม่นาน เขาคงได้เข้าร่วมว่าราชการในราชสำนักแล้ว
“ฉาวอวี่ เจ้าว่าจวนอ๋องของข้าเป็นอย่างไร?” ฟ่านเหยี่ยนวางแขนลงบนบ่าฉาวอวี่
ลู่ฉาวอวี่ผลักแขนอีกฝ่ายออกนิ่ง ๆ มองแผนผังของจวนแห่งนี้ “ไม่เลว”
ถึงแม้ฉู่กุ้ยเฟยจะไม่เป็นที่โปรดปรานเหมือนครั้งยังเยาว์ ทว่ายังคงได้พูดคุยกับฮ่องเต้บ่อยครั้ง จวนพระโอรสของนางจะไม่ดีได้อย่างไรเล่า?