บทที่ 514 มองที่ใดล้วนน่าสนใจ
บทที่ 514 มองที่ใดล้วนน่าสนใจ
“เจ้ากลับไปบอกฮูหยินลู่เถิดว่า จวนอ๋องของข้ามอบให้นางออกแบบภายใน” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ย “เงินไม่ใช่ปัญหา เพียงแค่ทำให้ดีก็พอ แต่จะดีที่สุดหาก…”
ฟ่านเหยี่ยนลูบแก้ม ในขณะที่ลู่ฉาวอวี่มองฟ่านเหยี่ยนด้วยสายตาเยือกเย็น
“จะดีที่สุดหากอะไร?”
“จะดีที่สุดหากตกแต่งตามความชอบของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ย “เด็กผู้หญิงน่ะ ย่อมรู้ว่าอะไรดีกว่าพวกเราเป็นแน่”
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์โตมากเพียงใดกัน? นางไม่ได้สืบทอดความสามารถของมารดาข้ามาด้วยซ้ำ จะรู้จักสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไรเล่า? ท่านอ๋องคิดเอาเองเถิด หรือไม่ก็ปรึกษากับพระนางกุ้ยเฟย ตอนนี้สถานะของท่านอ๋องไม่เหมือนเดิมแล้ว จวนแห่งนี้เป็นหน้าเป็นตาของท่าน ไม่อาจหละหลวมได้ ตามกฎแล้ว สถานที่เช่นจวนอ๋องควรให้กรมโยธาธิการมาจัดการ ข้าคิดว่าเรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่กรมโยธาธิการจะดีกว่า”
มู่เจิ้งหานที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้า
เขาไม่อยากให้พี่สาวของตนมาเกี่ยวข้องกับ ‘ปัญหา’ นี้เช่นกัน
เซวียนอ๋อง ฟ่านเหยี่ยน นั้นเจรจาได้ง่าย ทว่าพระนางกุ้ยเฟยท่านนั้นปรนนิบัติด้วยยากยิ่ง สหายร่วมเรียนของเซวียนอ๋องมักจะถูกกุ้ยเฟยเรียกตัวเข้าไปไถ่ถาม แต่ละครั้งยุ่งยากวุ่นวายไปหมด ทว่าโชคดีที่แม้ยามปกติลู่ฉาวอวี่จะไม่ชอบพูดคุย แต่เขาก็ไม่ได้เงียบปากยามพบเจอสตรีเช่นนั้น ทั้งยังรับมือกับนางได้อย่างง่ายดาย
“ข้าไม่อยากมอบให้กรมโยธาธิการจัดการ หากมอบให้พวกเขาแล้ว เช่นนั้น จวนข้าจะต่างอะไรกับจวนอ๋องคนอื่น ๆ เล่า?” ฟ่านเหยี่ยนขมวดคิ้ว “เจ้าเตือนข้าก็ดี ข้าต้องไปพูดกับเสด็จแม่เสียหน่อยว่าจวนอ๋องของข้าจะมอบให้ฮูหยินลู่จัดการ”
ลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานมองหน้ากัน
ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุย ทว่าสายตาของพวกเขากลับถ่ายทอดประโยคหนึ่งออกมา ‘ไม่อยากให้ท่านแม่/พี่หญิง รับเงินก้อนนี้เลย’
“ท่านอ๋อง” ผู้ติดตามเดินเข้ามา ตามด้วยบ่าวรับใช้ข้างหลังหลายคน เหล่าบ่าวรับใช้นำกล่องเข้ามา
ฟ่านเหยี่ยนมองพวกเขาแล้วเอ่ยว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณหนูลู่ส่งคืนมาขอรับ” ผู้ติดตามเอ่ย “ข้าน้อยวางของแล้วจากมาอย่างที่ท่านสั่งแล้ว แต่บ่าวรับใช้ของคุณหนูลู่ยังคงหาพวกข้าพบจึงนำขนมส่งคืนกลับมา”
ฟ่านเหยี่ยนหันไปมองลู่ฉาวอวี่ “ฉาวอวี่ เหตุใดเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์จึงดื้อดึงยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก?”
“ไม่ใช่ว่าดื้อดึง” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไร้ความชอบ ไม่รับของตอบแทน ท่านพ่อท่านแม่ข้าล้วนสอนพวกเราเช่นนี้”
“ตอนนี้ข้าไม่ต้องกลับวังแล้ว ไม่สู้วันนี้พวกเราไปทานข้าวกับนางเป็นอย่างไร?” ฟ่านเหยี่ยนครุ่นคิด หลังจากกล่าวออกไปแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าต้องทำให้ได้ “ไปเถอะ ไปหาเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์!”
ณ หอซือเป่า ลู่จื่ออวิ๋นมองสีท้องฟ้าด้านนอก แล้วเอ่ยด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “เย็นย่ำเพียงนี้แล้ว กลับไปเสี่ยวชิงเอ๋อร์ก็เข้านอนแล้ว ไม่อาจเล่นกับนางได้”
หยางเจิงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “น้องสาวมีอะไรให้เล่นด้วย? ข้ามีน้องสาวน้องชายที่บ้านเป็นโขยง ทุกวันนอกจากร้องขออาหารแล้ว ข้ายังต้องล้างหน้าล้างตาหวีผมให้พวกเข้าอีก ไม่สนุกสักนิด”
“ท่านไม่ชอบน้องชายน้องสาวของท่านหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม
“ไม่ชอบ” หยางเจิงหลุบตาลงแล้วเบ้ปาก
“หากท่านได้ค่าแรงแล้ว จะซื้อขนมหวานให้พวกเขาหรือไม่?”
หยางเจิงพยักหน้าเบา ๆ “ซื้อซี่!”
“หากท่านไม่ได้เห็นพวกเขาสักสองสามวัน จะเป็นห่วงพวกเขาหรือไม่? จะคิดถึงพวกเขาหรือไม่?”
หยางเจิงเงียบไป
ลู่จื่ออวิ๋นตบบ่าหยางเจิงเบา ๆ “อันที่จริงท่านชอบพวกเขามาก เพียงแต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ท่านก็ละเลยบางสิ่งบางอย่างไปเท่านั้น”
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กกว่าข้า เหตุใดจึงรู้ทุกสิ่งเล่า?” หยางเจิงมองลู่จื่ออวิ๋น “หากน้องสาวของข้าสวยเหมือนเจ้า มีเหตุผลและใจดีอย่างเจ้า ข้าย่อมต้องชอบนางแน่นอน”
“เจ้าคลายด้ายพวกนี้หน่อย” ฮวาหรงผลักตะกร้าใบหนึ่งไปตรงหน้าลู่จื่ออวิ๋น
ในตะกร้าใบนั้นมีด้ายที่พันกันอยู่มากมาย ยุ่งเหยิงปนเปไปหมด
“นี่คืออะไร?” หยางเจิงเอ่ยถาม
ฮวาหรงเอ่ยวาจาเหน็บแนม “ไม่มีตาหรือ? แน่นอนว่านี่เป็นเส้นด้าย! เส้นด้ายนี้ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลบางอย่างมันจึงพันกันยุ่งเหยิง ตอนนี้จำต้องคลายออกจากกันก่อน”
“เช่นนั้นท่านก็ค่อย ๆ คลายออกเถิด” ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มน้อย ๆ “ข้าไม่แข่งขันเรื่องงานกับศิษย์พี่หญิงแล้ว”
“ข้ามอบหมายให้เจ้าทำ เจ้าคิดจะอู้งานหรือ?”
“ข้าทำงานที่กูกูมอบหมายให้เสร็จแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “งานนี้เป็นของผู้ใด ผู้นั้นก็ควรเป็นคนทำ ขออภัยที่ข้าไม่อาจอยู่ด้วยได้”
“ลู่จื่ออวิ๋น เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าจริง ๆ หรือ?” สายตาของฮวาหรงปรากฏแววเยือกเย็น
“ศิษย์พี่หญิงฮวาหรง ตอนนี้ก็เย็นย่ำแล้ว จู่ ๆ ท่านนำด้ายที่พันกันมากมายมาเช่นนี้ ผู้ใดก็แยกออกไม่ได้ทันเวลา” หยางเจิงเอ่ย “ไม่อย่างนั้น พรุ่งนี้ให้ข้ามาแยกด้ายเถิด!”
“ข้าต้องการให้นางทำ ทั้งยังต้องทำเดี๋ยวนี้!” ฮวาหรงไม่ซาบซึ้งต่อน้ำใจของหยางเจิงแม้แต่น้อย
เดิมทีในหอซือเป่ามีหญิงปักผ้าอยู่หลายคน ทว่าตอนนี้เย็นมากแล้ว จึงมีคนรั้งทำงานที่ยังไม่เสร็จอยู่ที่นี่อีกไม่มาก
คนอื่น ๆ ที่เหลือกำลังจะกลับบ้าน ทว่าเมื่อเห็นฮวาหรงเข้ามาสร้างความยุ่งยากให้ลู่จื่ออวิ๋นอีกครั้ง ก็พากันเก็บของช้า ๆ เตรียมรอชมละครดี ๆ ฉากหนึ่ง
“หอซือเป่าใหญ่โตเพียงนี้ คนมาต้อนรับแม้เพียงคนเดียวยังไม่มีเลยหรือ?” เสียงบ่งบอกความไม่พอใจดังขึ้นจากหน้าประตู
ทุกคนหันไปมอง
เห็นเพียงแค่เด็กหนุ่มหลายคนเดินผ่านประตูเข้ามา
ผู้ที่พูดเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่แต่งกายอย่างผู้ติดตาม
เด็กหนุ่มที่เป็นหัวหน้าสวมใส่เสื้อคลุมหรูหรา อีกทั้งชุดนั้นดูเหมือนจะทำโดยช่างภูษาจากในวัง เมื่อมองดูแล้วพบว่าหน้าตาของเขาหล่อเหลาเป็นอย่างมาก
ตามคำกล่าวที่ว่า ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง เดิมทีฟ่านเหยี่ยนหน้าตาดีเพียงห้าส่วนเท่านั้น ทว่าเพราะเสื้อผ้าหรูหราวิจิตรของเขา หน้าตาของเขาจึงดีขึ้นถึงเจ็ดส่วน เทียบกับลู่ฉาวอวี่ แม้ว่าเขาจะแต่งกายเรียบ ๆ ทว่ามองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเนื้อผ้าราคาไม่ใช่ถูก ๆ ดูเหมือนถ่อมตน ทว่าในความถ่อมตนกลับเต็มไปด้วยความหรูหรา บรรยากาศรอบตัวอันโดดเด่นและดวงตาเย็นชาคู่นั้นของเขาขับให้ลู่ฉาวอวี่ยังคงเป็นดวงดาวที่เปล่งประกายท่ามกลางฝูงชนเสมอ
ฟ่านเหยี่ยนขยิบตาให้ลู่จื่ออวิ๋น
ลู่จื่ออวิ๋นไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย นางหันไปหาลู่ฉาวอวี่แล้วส่งยิ้มหวานให้
“คุณชายท่านนี้…” ฮวาหรงทักทายเขา “ไม่รู้ว่าท่านจะสั่งอะไรหรือเจ้าคะ?”
“ข้าอยากสั่งเสื้อผ้าสองสามชุด” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยนิ่ง ๆ
“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะปักให้คุณชาย” ฮวาหรงเอ่ยเบา ๆ
“ไม่ต้อง ข้าต้องการนาง….” ฟ่านเหยี่ยนชี้ไปยังลู่จื่ออวิ๋น
สีหน้าของฮวาหรงเข้มขึ้นเมื่อเห็นว่าฟ่านเหยี่ยนชี้ไปที่ใด
“คุณชาย นางเป็นคนใหม่ของที่นี่ ฝีมือยังไม่สู้ดีนัก ไม่สู้ให้ข้า…”
“ขออภัย คุณชายท่านนี้ ข้าต้องกลับบ้านแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นไม่อยากสร้างปัญหา
นางเก็บของแล้วจากไปทันที
ฟ่านเหยี่ยนเห็นดังนั้นก็ไม่มัวเล่น เขารีบตามนางไป “เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ ข้าแค่เพียงล้อเล่น เจ้าอย่าได้เดินเร็วนัก…”
หยางเจิงตาเบิกกว้าง “ที่แท้เขาก็มาหาจื่ออวิ๋น!”
“ฮ่า ๆ!”
ไม่รู้ว่ามีผู้ใดหัวเราะออกมาเสียงดัง
ฮวาหรงเริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว นางเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “หัวเราะอะไรกัน?”
เมื่อคิดว่าเมื่อครู่นี้นางประจบประแจงสหายของลู่จื่ออวิ๋น ฮวาหรงก็นึกแค้นใจยิ่งกว่าเดิม
นางไม่อาจปล่อยให้ลู่จื่ออวิ๋นอยู่ที่นี่ได้อีก ไม่เช่นนั้นนางคงหายใจไม่ออกทุกวันยามพบอีกฝ่าย
“ชายหลายคนเมื่อครู่นี้หน้าตาดีเสียจริง โดยเฉพาะคุณชายน้อยที่อยู่ข้างหน้าผู้นั้น…”
“เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าคุณชายน้อยผู้นั้นคลับคล้ายคลับคลากับลู่จื่ออวิ๋นเล็กน้อย? หรือว่าจะเป็นคนในครอบครัวนาง?”
“หยางเจิง เจ้ารู้จักคนเหล่านั้นหรือไม่?” มีคนเอ่ยถามหยางเจิงขึ้นมา “เจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับลู่จื่ออวิ๋นไม่ใช่หรือ? หรือว่าไม่เคยพบพวกเขาเลย?”