สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 516 ม้าตื่นตกใจพุ่งเข้ามาแล้ว

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 516 ม้าตื่นตกใจพุ่งเข้ามาแล้ว

บทที่ 516 ม้าตื่นตกใจพุ่งเข้ามาแล้ว

เซี่ยเฉิงจิ่นใช้ลูกศรสามดอกในคราวเดียวกัน น้าวคันศรจนสุดคัน ขณะที่เขากำลังจะยิงออกไปนั้น เขาพลันรู้สึกตัวว่าม้าใต้ร่างกำลังตื่นตกใจ มันพุ่งออกไปราวกับคลุ้มคลั่ง

“นายท่าน!…”

“เฉิงจิ่น!…”

ร่างหลายร่างขึ้นควบม้าของตนเองเพื่อไล่ตามเซี่ยเฉิงจิ่น

เซี่ยเฉิงจิ่นปล่อยธนูและลูกศรในมือ พันสายบังเหียนรอบข้อมือหลายรอบ จากนั้นก็ใช้ทักษะที่มีจัดการกับม้าที่อยู่ใต้ร่าง

เมื่อลู่จื่ออวิ๋นเห็นว่าม้ากำลังออกนอกทิศทางที่ควรจะเป็น มันก็กระโดดออกจากรั้วมาแล้ว ทั้งยังพุ่งมายังตำแหน่งที่นางอยู่

นางลากม้าสีชาดวิ่งหลบไปข้าง ๆ

อย่างไรก็ตาม ม้าตัวนั้นกำลังคลุ้มคลั่ง นางจะหลบมันพ้นได้อย่างไร?

เมื่อเห็นว่าม้ากำลังจะพุ่งเข้าชน ลู่จื่ออวิ๋นก็ดึงปิ่นปักผมออกมาจากศีรษะ แทงเข้าไปที่ม้าตัวนั้นทันที

ฮี้!!!

ม้าตัวนั้นยกขาคู่หน้าขึ้นด้วยความสับสน

ลู่จื่ออวิ๋นสัมผัสได้ถึงกลิ่นลมหายใจอับชื้นที่มาจากม้า สีหน้าพลันซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว

มีคนผู้หนึ่งพุ่งเข้ามา เขากอดนางล้มกลิ้งไปข้าง ๆ

เมื่อลู่จื่ออวิ๋นลืมตาขึ้น ก็เห็นเพียงใบหน้าหล่อเหลาในระยะประชิดเบื้องหน้า

ใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้นั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ดวงตาเย็นชาคู่คมเคร่งขรึมขึ้นมาเป็นพิเศษ แม้แต่ในพริบตาที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้ ใบหน้านั้นยังดูสงบเฉกเช่นยามปกติ

คนหลายคนรีบเข้ามาควบคุมม้าไว้

เซี่ยชิงโจววิ่งเข้ามา “เฉิงจิ่น เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”

เซี่ยเฉิงจิ่นปกป้องลู่จื่ออวิ๋นได้เป็นอย่างดี เขาอยู่ข้างล่างโดยมีลู่จื่ออวิ๋นนอนทับอยู่บนตัว มือของเขาป้องศีรษะนางไว้อย่างดียิ่ง ทว่าเมื่อมองตัวเขาเอง ศีรษะของเขากลับแตกเสียแล้ว เลือดไหลอาบลงมาเป็นทาง

เซี่ยชิงโจวช่วยพยุงลู่จื่ออวิ๋นให้ลุกขึ้น จากนั้นจึงดึงเซี่ยเฉิงจิ่นขึ้นมา

“ท่านเลือดออกแล้ว”

ภายในห้อง ท่านหมอกำลังพันแผลให้เซี่ยเฉิงจิ่น

“ท่านหมอ เขาไม่เป็นไรกระมัง?”

“เป็นเพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น ไม่เป็นอะไรมาก” ท่านหมอไม่ประหลาดใจ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกท่านโหวน้อยได้รับบาดเจ็บ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาฝึกขี่ม้าครั้งแรก บาดแผลร้ายแรงกว่าตอนนี้นัก”

เซี่ยชิงโจวถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

เมื่อรู้ว่าเซี่ยเฉิงจิ่นไม่เป็นอะไรแล้ว ท้ายที่สุดเซี่ยชิงโจวจึงมีกะจิตกะใจสนใจสิ่งอื่นบ้าง

“เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?” เซี่ยชิงโจวถามลู่จื่ออวิ๋น “พวกเรานับว่าเป็นสหายที่ผ่านความเป็นความตายด้วยกันแล้ว ควรทำความรู้จักกันหน่อยหรือไม่?”

ลู่จื่ออวิ๋น “…”

นางคิดว่าฟ่านเหยี่ยน ‘ทำตัวคุ้นเคยเหมือนรู้จักกันมานาน’ มากพอแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่เป็นหนักกว่าเขาเสียอีก

“ท่านตรวจอาการให้นางด้วย” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยกับท่านหมอ

ลู่จื่ออวิ๋นกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านซื่อจื่อ ทว่าข้าไม่เป็นไร”

“มือเจ้าเคล็ดแล้ว” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยเสียงเรียบ

ลู่จื่ออวิ๋นประหลาดใจ เมื่อลองขยับข้อมือดูก็รู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อยจริง ๆ

ทว่าความผิดปกตินี้แม้แต่ตัวนางเองยังไม่สังเกตเห็น

“เพียงแค่เคล็ดขัดยอกเท่านั้น ไม่ร้ายแรง” ท่านหมอตรวจดูอาการบาดเจ็บของลู่จื่ออวิ๋น จากนั้นจึงนำยาขวดหนึ่งออกมาจากหีบยา “ทายานี้สามครั้งต่อวัน สามวันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”

“ขอบคุณเจ้าค่ะ”

เวลานี้ผู้ติดตามได้เข้ามาจากข้างนอก “นายท่าน ข้าน้อยไปตรวจดูแล้วขอรับ พบว่าเกือกม้าหลวม ดูเหมือนจะเป็นฝีมือของคนขอรับ”

เซี่ยชิงโจวเหลือบมองลู่จื่ออวิ๋น “แม่นาง ถ้าอย่างนั้น ข้าให้คนไปส่งเจ้ากลับเป็นอย่างไร?”

“เมื่อครู่เจ้าชาด เอ่อ… ม้าตัวนั้นได้รับความตื่นตระหนก ข้าไปดูมันได้หรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม

“แน่นอนว่าได้” เซี่ยชิงโจวกล่าว

ลู่จื่ออวิ๋นหันกลับไปมองเซี่ยเฉิงจิ่น อวยพรให้เขาให้หายดี

เซี่ยชิงโจวมองร่างของลู่จื่ออวิ๋นหายลับไป สีหน้าปรากฏความเสียดาย “สุดท้ายก็ยังคงไม่รู้ชื่อของแม่นางน้อยผู้นั้น”

“นางยังเล็ก เจ้าคิดจะทำอันใด?” เซี่ยเฉิงจิ่นปรายตามองเซี่ยชิงโจวแวบหนึ่ง

“ข้าเพียงแค่คิดว่านางค่อนข้างน่ารักทีเดียว” เซี่ยชิงโจวเอ่ย “สถานการณ์ในครอบครัวข้านั้นอย่างกับว่าเจ้าไม่รู้ ที่บ้านมีแต่บุรุษ ไม่มีน้องสาวแม้แต่ผู้เดียว ได้พบแม่นางน้อยเช่นนี้ข้าจึงรู้สึกดีกับนางเป็นพิเศษ”

เซี่ยเฉิงจิ่นหันไปมองผู้ติดตามของเขา “พูดต่อไปสิ”

ยามนี้ลู่จื่ออวิ๋นไปหาเจ้าม้าสีชาด

ทาสเลี้ยงม้าที่ดูแลมันราวกับกำลังร้อนใจอะไรบางอย่าง

“มีอะไรหรือ?”

เมื่อทาสเลี้ยงม้าเห็นว่ามีคนเข้ามา เขาก็จำได้ว่าเป็นแม่นางน้อยคนเมื่อครู่ที่เข้ากับเจ้าม้าสีชาดได้เป็นอย่างดี จึงเอ่ยว่า ” ‘คนงาม’ ไม่ยอมกินอะไรเลยขอรับ”

“ที่แท้เจ้าม้าก็ชื่อ ‘คนงาม’ นี่เอง ชื่อนี้ไพเราะกว่าเจ้าชาดเสียอีก เช่นนั้น ข้าจะเรียกเจ้าว่าคนงามนับแต่นี้เป็นต้นไป!” ลู่จื่ออวิ๋นลูบขนของมัน “เจ้าตกใจใช่หรือไม่? เมื่อครู่นี้ข้าก็ตกใจเช่นกัน เอาอย่างนี้ พวกเรามากินอะไรพร้อมกันดีหรือไม่?”

ลู่จื่ออวิ๋นนำขนมหวานออกมาจากแขนเสื้อ

นางทานชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็ป้อนคนงามชิ้นหนึ่ง

ครั้งนี้คนงามไม่ปฏิเสธ มันกินขนมหวานลงไปด้วยท่าทีหงอยเหงาเซื่องซึม

“คนงามยังเล็ก มันจึงตกใจ” ทาสเลี้ยงม้าเอ่ย “แต่มันยินยอมให้ท่านดูแล นับว่าเป็นเรื่องดี”

เมื่อเซี่ยเฉิงจิ่นและเซี่ยชิงโจวออกมาจากห้อง ก็เห็นลู่จื่ออวิ๋นกำลังพูดคุยกับคนงามอยู่พอดี

“เจ้าม้าตัวนี้ก็มีเพียงแม่นางน้อยผู้นี้เท่านั้นที่คู่ควรกับมัน” เซี่ยชิงโจวเอ่ยไปเรื่อยเปื่อย

เซี่ยเฉิงจิ่นหันกลับมามองเขา “ว่างนักหรือ?”

“ข้าจริงจังนะ” เซี่ยชิงโจวเอ่ย “เจ้าดูแม่นางน้อยผู้นี้สิ ถึงแม้นางจะยังเยาว์วัย ทว่าเติบใหญ่ขึ้นนางจะต้องงดงามเป็นแน่! เทียบกับเจ้าม้าตัวนี้ มันก็เป็นม้างามในหมู่ม้างามเช่นกัน นี่ไม่เหมาะกันมากหรอกหรือ?”

เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยกับผู้ติดตามของเขา “อีกไม่นานหิมะจะตกหนักแล้ว สนามม้าไม่ควรมีคนนอกรั้งอยู่”

“ข้าน้อยจะไปบอกแม่นางท่านนั้นเดี๋ยวนี้ขอรับ”

ลู่จื่ออวิ๋นฟังผู้ติดตามกล่าวจบก็หันกลับไปมองทางเซี่ยเฉิงจิ่นอีกรอบ

เซี่ยเฉิงจิ่นกำลังพูดคุยบางอย่างอยู่กับเซี่ยชิงโจว จึงไม่ได้สนใจสายตาของนาง

หลังจากลู่จื่ออวิ๋นไปแล้ว ผู้ติดตามอีกคนก็เดินเข้ามาหาเซี่ยเฉิงจิ่นพร้อมกับปิ่นปักผม “ปิ่นนี้แทงอยู่ที่คอม้าขอรับ…”

“เป็นของแม่นางน้อยกระมัง?” เซี่ยชิงโจวเอ่ย “เมื่อครู่ไม่ได้สังเกต ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ตอนที่นางจากไป ผมของนางแผ่สยาย เก็บไว้ก่อนเถิด ครั้งหน้าหากพบกันค่อยส่งคืนนาง”

ทันทีที่ลู่จื่ออวิ๋นลงจากรถม้า ลู่ฉาวอวี่ที่เดินผ่านมาก็เห็นนางเปรอะเปื้อนโคลนไปทั้งตัว ผมเผ้าสยายยุ่งเหยิง เขาพลันขมวดคิ้ว

“เกิดอะไรขึ้น?”

ลู่จื่ออวิ๋นบอกใบ้ให้เขาเงียบ ก่อนที่จะดึงลู่ฉาวอวี่ไปหลบข้าง ๆ “อย่าส่งเสียงไป ระวังอย่าให้บ่าวรับใช้เห็นเข้า ถึงตอนนั้นหากพวกเขาไปบอกท่านพ่อท่านแม่ จะทำให้ทั้งคู่กังวลเอาได้”

“เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามา ถูกคนรังแกแล้วใช่หรือไม่?” สายตาของลู่ฉาวอวี่ฉายแววเย็นเยียบออกมา

“ไม่ใช่ ข้าไม่ระวังหกล้มเอง” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “วันนี้เป็นวันหยุดข้า ผู้ใดจะมารังแกได้”

“เหตุใดเจ้าหกล้มแล้วจึงมีสภาพเช่นนี้?” ลู่ฉาวอวี่มองนาง ยื่นมือไปแตะข้อมือน้องสาว

“ซี้ด… เจ็บ…” ลู่จื่ออวิ๋นขมวดคิ้ว “ท่านพี่ ข้าบังเอิญหกล้มจริง ๆ”

“พวกเจ้าสองพี่น้องกระซิบกระซาบอะไรอยู่ตรงนั้น?” เสียงของเซี่ยคุนดังมาจากข้างหลัง

“ท่านลุงเซี่ย!” ทั้งสองคนร้องทัก

“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป?” เมื่อเห็นสภาพของลู่จื่ออวิ๋น เซี่ยคุนก็ก้าวเข้ามาหา สีหน้าเคร่งเครียดของเขาแทบไม่ต่างจากลู่ฉาวอวี่

ลู่จื่ออวิ๋นทำได้เพียงอธิบายซ้ำอีกรอบว่านางบังเอิญหกล้มเอง ไม่ได้มีผู้ใดรังแก

“หากมีคนรังแกเจ้า เจ้าต้องบอกลุงเซี่ย” เซี่ยคุนเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“วางใจเถิด ข้าไม่ให้ผู้ใดเอาเปรียบแน่นอน” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “แต่ท่านลุงเซี่ย ท่านพบน้าอันแล้วหรือยัง?”

“ข้าเพิ่งกลับมา ยังไม่ได้กลับไปที่บ้าน อีกอย่างน้าอันของเจ้าก็ควรอยู่ที่หอซือเป่า ข้ากลับมาย่อมไม่เห็นนาง ประเดี๋ยวตอนเย็นคงได้พบกัน”

“เช่นนั้นท่านก็เดาผิดแล้ว น้าอันออกจากหอซือเป่าแล้ว ตอนนี้นางอยู่ที่บ้าน”

“นางไม่ได้รับความเป็นธรรมอันใดใช่หรือไม่?” เมื่อได้ยินดังนี้ เซี่ยคุนก็เดินออกไปข้างนอกทันที “ข้ากลับบ้านก่อน หากเห็นพ่อเจ้า บอกเขาด้วยว่าข้าจะกลับมาหาอีกทีตอนเย็น”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท