บทที่ 518 อาจต้องใช้เวลามากกว่าสองสามวัน
บทที่ 518 อาจต้องใช้เวลามากกว่าสองสามวัน
คนของฉีเซียวรีบไปหาเครื่องมือช่างมาอย่างรวดเร็ว
มู่ซืออวี่ไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง เพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อนางก็ช่วยพวกเขาแก้ปัญหาและช่วยเหลือคนที่กำลังจะตายออกมาจากข้างในได้
คนของหน่วยลับล้วนได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี แต่ละคนรับใช้เพียงฉีเซียวผู้บังคับบัญชาโดยตรงของพวกเขาเท่านั้น ทว่าสายตาของหน่วยลับที่มองมู่ซืออวี่ในยามนี้กลับเปลี่ยนไป
พวกเขาพยายามทำทุกวิถีทาง ทั้งเชิญช่างไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด ทั้งเชิญปรมาจารย์ด้านกลไกจากหลายเมืองใกล้เคียงมา แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าแตะกล่องใบนี้ แล้วจะแก้มันได้อย่างไร?
“เอาละ” มู่ซืออวี่มองฉีเซียว “คงไม่มีอะไรให้ข้าทำอีกแล้วกระมัง?”
“ที่เหลือพวกเราจัดการเอง” ฉีเซียวเอ่ยนิ่ง ๆ “แต่ฮูหยินลู่อย่าได้เตร็ดเตร่ไปทั่ว โปรดรออยู่ข้างนอกพักหนึ่ง ผู้น้อยแซ่ฉียังต้องการความช่วยเหลือจากใต้เท้าลู่อยู่”
โรงพนันแห่งนี้ถูกทิ้งร้างไว้นานแล้ว ดูจากร่องรอยที่เหลืออยู่คงเคยเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้นที่นี่ ทุกคนที่อยู่ในโรงพนันจึงหนีไปหมด
นิ้วของมู่ซืออวี่ปัดผ่านอุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่นพนันบนโต๊ะ
คนเหล่านั้นวิ่งเร็วเสียจนไม่แม้แต่จะเก็บเงินไปด้วย
มู่ซืออวี่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองออกไปทิศทางตรงกันข้าม
ตรงข้ามเป็นร้านขายชาด ที่นั่นมีสตรีนางหนึ่งยืนอยู่หน้าร้าน เมื่อสตรีนางนั้นเห็นมู่ซืออวี่ นางพลันรีบหลบเข้าไปแล้วปิดประตู
ทั่วทั้งถนนไร้ซึ่งชีวิตชีวา ไม่มีผู้ใดเดินอยู่ แต่นางรู้ว่ามีคนอยู่ในร้านรวงเหล่านั้น เพราะมีเสียงพูดคุยกันดังขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“ผู้ใดน่ะ?” คนของหน่วยลับหยุดชายผู้หนึ่งที่กำลังจะเดินผ่านประตูไว้
“ข้าน้อยเฉาเต๋อเฉวียน เป็นนายอำเภอท้องถิ่น” ชายในเครื่องแต่งกายทางการผู้นั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินว่ามีใต้เท้าจากเมืองหลวงมาตรวจสอบคดีที่นี่ ข้าน้อยจึงมาเพื่อรับคำสั่งขอรับ”
“เจ้ารออยู่ตรงนี้”
ไม่นานนัก ผู้ใต้บังคับบัญชาก็ออกมาอนุญาตให้นายอำเภอเฉาเข้าไป
ในคืนนั้นเอง ทุกคนจึงไปพักอาศัยอยู่ที่จวนของนายอำเภอเฉา
นายอำเภอเฉาจัดงานเลี้ยงรับรองทุกคน ทว่ามู่ซืออวี่ไม่อยากร่วมวงสนทนาจึงไม่ได้ไป ฮูหยินเฉาเตรียมอาหารมาส่งที่ห้องนาง หลังจากทานเสร็จแล้ว นางก็พิงอยู่ข้างหน้าต่างมองภาพทิวทัศน์หิมะ รอให้ลู่อี้กลับมา
“เหตุใดเจ้ามายืนตากลมอยู่ตรงนี้เล่า?” ทันทีที่ลู่อี้เข้าห้อง เขาก็รั้งนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ถูมือนางเบา ๆ “ยืนอยู่ตรงนั้นคงไม่ดี เหตุใดจึงยืนตากลมเล่า?”
“ต้นเหมยต้นนั้นสวย…” มู่ซืออวี่ชี้ไปยังต้นเหมยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ข้าถึงกับเหม่อไปชั่วขณะ ไม่ได้ตั้งใจที่จะยืนอยู่ตรงนี้ให้ท่านเป็นห่วง”
หลังกล่าวออกไปเช่นนั้น นางก็หัวเราะออกมา
ลู่อี้ลูบแก้มของนางเบา ๆ “ข้าคิดว่าเจ้าจงใจ”
“มิได้ดื่มสุราหรือ?” มู่ซืออวี่ดมฟุดฟิดไปบนร่างกายของสามี
“ผู้ใดจะกล้าชวนใต้เท้าฉีดื่มสุราเล่า?” ลู่อี้คิดถึงท่าทีประหม่าของนายอำเภอเฉาและเจ้าหน้าที่ทางการชั้นผู้น้อยแล้วก็หัวเราะออกมา
“ดูเหมือนภาพลักษณ์โหดร้ายก็มิได้แย่ไปเสียทีเดียว” มู่ซืออวี่เอ่ย “แต่แสดงคมเขี้ยวของตน ก็ทำให้ผู้อื่นเกลียดชัง!”
ราตรีนั้น หิมะขาวโพลนและต้นเหมยที่เยือกเย็นก็ผสมผสานกับทิวทัศน์อย่างกลมกลืน บรรยากาศโชยกลิ่นหอมของดอกเหมยมาจาง ๆ ทำให้หิมะฤดูเหมันต์ดูนุ่มนวลขึ้นมาเล็กน้อย
ลู่อี้มองต้นเหมยในสวนต้นนั้น “หากเจ้าชอบ กลับไปแล้วพวกเราก็ปลูกมันดีหรือไม่ พวกเราปลูกสักสองสามต้น เช่นนี้ฤดูหนาวหน้า พวกเราจะได้ดื่มด่ำกับต้นเหมยที่บ้าน”
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะปลูกต้นเหมย” มู่ซืออวี่มองเขา “งานเสร็จแล้วกระมัง? ยามใดที่พวกเราจะได้กลับไป?”
“เกรงว่าจะต้องล่าช้าไปสักสองสามวัน” ลู่อี้เอ่ย “ลูกน้องของใต้เท้าฉีถูกไล่ล่าสังหารเพราะตรวจสอบคดีหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะเจ้า เขาย่อมรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว ข้าในฐานะที่เป็นขุนนางศาลต้าหลี่ พบเจอคดียุ่งยากเช่นนี้ จำต้องรั้งอยู่ช่วยค้นหาหลักฐาน”
“ได้”
ลู่อี้และฉีเซียวยุ่งอยู่กับการตรวจสอบคดี ขณะที่มู่ซืออวี่มีฮูหยินเฉาและบุตรสาวคอยดูแล
ผ่านไปหลายวัน คดียังคงไม่คืบหน้า มู่ซืออวี่เริ่มเบื่อแล้ว จึงไปสั่งทำไพ่นกกระจอกขึ้นมาชุดหนึ่ง แล้วลากฮูหยินเฉา คุณหนูเฉา และสาวใช้มาเล่นด้วยกัน
ไม่นานนัก ไพ่นกกระจอกก็กลายเป็นที่นิยมในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้
คดีที่ฉีเซียวและลู่อี้ตรวจสอบยังไปไม่ถึงไหน มู่ซืออวี่ก็เข้ากับฮูหยินและคุณหนูเฉาเป็นปี่เป็นขลุ่ยไปแล้ว
ณ ที่ว่าการอำเภอ ฉีเซียววางหลักฐานที่รวบรวมมาได้เมื่อไม่นานมานี้ลง แล้วหันไปเอ่ยถามลู่อี้ “ไม่ว่าพวกเราจะตรวจสอบอย่างไร ก็มักจะขาดบางอย่างไปเสมอ ท่านลองดูว่าอะไรขาดหายไป?”
“เงินของทางการที่เดิมทีควรส่งไปที่เวินโจวถูกปล้นกลางทาง จากนั้นไม่ว่าข้าจะตรวจสอบเพียงใดก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ อีก พอดีกับมีเงินปลอมที่ไม่ทราบที่มาผุดขึ้นมากมายในตลาด การหลอมเงินของทางการให้กลายเป็นเงินปลอมไม่ใช่เรื่องที่เพียงไม่กี่คนจะทำได้ หลังจากทำเสร็จแล้ว ยังต้องมีคนกระจายเงินปลอมเหล่านี้ไปในตลาดด้วย เจ้าของโรงพนันเป็นหนึ่งในพยานคนสำคัญ”
“ข้าจับเขาไม่ได้”
“คนผู้นี้ชอบการพนัน” ลู่อี้เอ่ยนิ่ง ๆ “ไม่นานมานี้ฮูหยินสร้างสิ่งที่เรียกว่าไพ่นกกระจอกขึ้นมา นี่เป็นการละเล่นชนิดใหม่ เหล่านักพนันไม่เคยพบเห็นมาก่อน ทว่าบัดนี้พวกเขาได้เห็นแล้ว จะต้องถูกดึงดูดจนโผล่ออกมาเป็นแน่ เมืองนี้ไม่ใหญ่โต เมื่อก่อนเคยมีโรงพนันอยู่สามแห่ง ทว่าตอนนี้เหลือเพียงสอง ท่านว่าเขาจะปรากฏตัวในโรงพนันสองแห่งนี้หรือไม่?”
“ลองไปดูก็ได้” สิ้นคำ ฉีเซียวก็หันไปมองลู่อี้ “ฮูหยินลู่เป็นคนที่แปลกเสียจริง”
“แม้แต่นางเองยังคิดไม่ถึงว่าของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สร้างขึ้นมาเพราะความเบื่อหน่ายจะช่วยเราตรวจสอบคดีได้!” ครั้นเอ่ยถึงมู่ซืออวี่ รอยยิ้มของลู่อี้ดูออกมาจากใจ ไม่เสแสร้งเฉกเช่นยามปกติ
สองวันต่อมา คนของฉีเซียวจับพยานคนสำคัญชื่อว่าหวังชีผู้นั้นได้ในโรงพนัน
หวังชีตกอยู่ในมือของหน่วยลับ ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วยามเขาก็คลายทุกอย่างออกมาอย่างหมดเปลือก ตามคำสารภาพของหวังชี พวกเขาค้นพบร้านที่ทำเงินปลอมขึ้นมา ทั้งยังจับคนได้กลุ่มหนึ่ง
ฉีเซียวควบม้าเข้ามาจากข้างนอก เขาไม่ได้นอนถึงสองวันเพราะคดีนี้ บัดนี้เขาจับพยานคนสำคัญได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องกระวนกระวายใจอีกต่อไป สามารถฟื้นพลังให้ตนเองก่อนได้
“ใต้เท้า จางฉงกลับมารายงานว่าคุณหนูเฉาและฮูหยินลู่กำลังเดินซื้อของ จู่ ๆ ก็มีหลายคนโผล่ออกมาโจมตีคิดจะลักพาตัวฮูหยินลู่และคุณหนูเฉาไปขอรับ” ลูกน้องคนหนึ่งมาหาฉีเซียว เอ่ยรายงานอย่างร้อนรน
“พวกเขาอยู่ที่ใด?”
“ถนนอวี้สือขอรับ”
ฉีเซียวควบม้ารุดไปทันที
“ตอนนี้ใต้เท้าลู่อยู่ที่ใด?”
“ใต้เท้าลู่คงอยู่ที่ว่าการอำเภอและกำลังเขียนหนังสือรายงานขอรับ”
ณ ถนนอวี้สือ มู่ซืออวี่บังคุณหนูเฉาเอาไว้ มองนักฆ่าที่ปรากฏตัวออกมากะทันหันต่อสู้กับคนที่คอยคุ้มครองนางอย่างลับ ๆ
“คุณหนูเฉา ท่านไปหาที่ซ่อนตัวก่อน” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกเขามาเพราะข้า ย่อมไม่ทำร้ายแม่นางน้อยคนหนึ่งเช่นท่าน”
“ฮูหยินลู่ ท่านโปรดระวังตัว” คุณหนูเฉาเอ่ยก่อนจะไปหาที่หลบซ่อนตัว
มู่ซืออวี่กดปุ่มบนข้อมือ เล็งไปทางหนึ่งในนักฆ่าเหล่านั้น
พรึ่บ!
เข็มเงินพุ่งออกไปจากข้อมือของนาง เข็มเงินนี้อาบย้อมด้วยประกายสีดำ
ไม่ผิด! นั่นเป็มเข็มพิษ เพียงแต่ไม่ได้ฆ่าคนได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น
นับตั้งแต่มู่ซืออวี่ถูกลักพาตัวไปขังในคราก่อน นางก็พกสิ่งของติดตัวไว้ไม่น้อย ของเหล่านี้สามารถช่วยเหลือนางในยามวิกฤตได้
มีคนควบม้าทะยานมาทางนาง
มู่ซืออวี่สัมผัสได้ถึงจุดประสงค์ของศัตรู จึงยิงเข็มเงินใส่ม้าของพวกเขา
เพียงแต่คนผู้นั้นฝีมือเยี่ยมยอดเป็นอย่างยิ่ง จึงหลบได้ทันพอดี
นางกำลังจะยิงเข็มเงินออกไปอีกครั้ง แต่ก็มีคนผู้หนึ่งทะยานออกมา ต่อสู้กับนักฆ่าที่พยายามจะจับตัวนางไป
เป็นฉีเซียวอีกแล้ว!