บทที่ 542 หลินอี้เจี๋ยถูกเนรเทศ
บทที่ 542 หลินอี้เจี๋ยถูกเนรเทศ
หลังจากผ่านความวุ่นวายโกลาหลตลอดหลายวันที่ผ่านมา คดีของหลินอี้เจี๋ยรองผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ก็ได้รับการตัดสินในที่สุด
เนื่องจากเรื่องนี้มีขุนนางศาลต้าหลี่เข้ามาเกี่ยวข้อง คดีนี้จึงมอบหมายให้หน่วยลับเป็นผู้ตัดสิน
หลินอี้เจี๋ยรองผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ได้รับการตัดสินให้เนรเทศ
เมื่อลู่อี้กลับมาจากไปปฏิบัติหน้าที่ข้างนอกและเห็นสหายร่วมงานพากันหลบตาเขาคนแล้วคนเล่า จึงหยุดพูดคุยและใช้สายตาแหลมคมคู่นั้นจ้องมองไปยังพวกเขา
เจี่ยงเฟิงหยางตบลงบนบ่าเขาเบา ๆ “ลำบากแล้ว เย็นนี้ไปดื่มด้วยกันสักสองสามจอกเป็นอย่างไร? หลายวันมานี้ทุกคนต่างรู้สึกไม่ดี เช่นนั้นไปดื่มด้วยกันหรือไม่?”
ลู่อี้ตอบเสียงเรียบ “ไม่ละ ข้ายังมีเรื่องต้องทำ”
“ฮูหยินของท่านคงไม่ใจแคบกระมัง?” เจี่ยงเฟิงหยางหัวเราะคิกคัก “ได้ยินมานานแล้วว่าท่านกลัวเมีย ที่แท้ก็เป็นความจริง!”
ลู่อี้มองเจี่ยงเฟิงหยางนิ่ง ๆ “ข้ามิน่าเกรงขามเท่าใต้เท้าเจี่ยงจริง ๆ”
เจี่ยงเฟิงหยางถอนมือกลับไป เอ่ยอย่างจนใจ “ท่านนี่ช่างไม่สนุกเอาเสียเลย ไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย”
“วันนี้ข้าไปติดตามคดีหนึ่งมา หลังจากได้บันทึกคดีทั้งหมดมาแล้ว ข้าพบว่าคดีนั้นเป็นคดีเมื่อห้าปีที่แล้ว” ลู่อี้กล่าวด้วยท่าทีสุขุม “คดีจากห้าปีก่อนกลับถูกรื้อ อีกทั้งยังส่งมาที่ข้าอย่างพอดิบพอดี ไม่รู้ว่าสหายร่วมงานคนใดดูแลข้าดีเช่นนี้?”
“มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ? มีผู้ใดหละหลวมหรือไม่?” เจี่ยงเฟิงหยางเอ่ย “โธ่ ท่านเก่งกล้าสามารถเพียงนี้ แม้จะเป็นคดีจากห้าปีที่แล้วก็ต้องสามารถไขได้แน่นอน คนเก่งย่อมทำงานได้มากกว่า”
“แน่นอนว่าข้าไขคดีได้” ลู่อี้ไปเอาของที่ตนต้องการ จากนั้นจึงเดินออกไปอีกครั้ง “ดังนั้น… ข้าจึงมีเรื่องต้องทำ”
ทันทีที่ลู่อี้เดินจากไป ขุนนางคนอื่น ๆ พลันเข้ามารายล้อม
“รองผู้บัญชาการเจี่ยง พวกเราเล่นลูกไม้กับลู่อี้เช่นนี้ หากเขารู้เข้า เกรงว่าจะไม่มีผลดีอันใด”
“ลู่อี้รับตำแหน่งมานานเท่าใดกัน เหตุใดผู้ตัดสินคดีศาลต้าหลี่ถึงได้เป็นรองผู้บัญชาการศาลต้าหลี่เร็วเพียงนี้ พวกเจ้าเข้ารับตำแหน่งนานกว่าเขา พวกเจ้ายินยอมหรือ?” เจี่ยงเฟิงหยางถอนหายใจเบา ๆ “เดิมทีที่มาของเขาก็ไม่ยุติธรรมแล้ว ข้าเพียงแต่ตระเตรียมคดีให้เขาทำมากหน่อย เช่นนี้ ผู้อื่นจะได้ไม่กล่าวว่าเขาไม่คู่ควรกับตำแหน่ง”
ตอนที่ลู่อี้เพิ่งมา ทุกคนอยู่ในตำแหน่งเท่า ๆ กัน แน่นอนว่าพวกเขาย่อมรักษาความกลมเกลียวผิวเผินไว้ได้ ทว่าภายในระยะเวลาอันสั้น ลู่อี้กลับได้เลื่อนขั้นและมีผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคน ผู้อื่นที่เดิมทีฐานะเท่าเที่ยมกันจะยินดีรับคำสั่งจากเขาได้อย่างไร? เมื่อความสัมพันธ์กลมเกลียวผิวเผินพังทลายลงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความริษยาจึงโผล่ออกมาจากหน้ากาก
เจี่ยเฉิงผิงไล่ตามลู่อี้ไป “ข้าจะไปกับท่าน”
ลู่อี้ค่อย ๆ ก้าวช้าลงแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านกลับไปเถอะ!”
“ไม่ได้ ข้าเป็นคนของท่าน ควรติดตามท่าน” เจี่ยเฉิงผิงเป็นเพียงคนเดียวในศาลต้าหลี่ที่ฟังคำสั่งของเขาอย่างไร้เงื่อนไข
ตอนนั้นที่ลู่อี้เพิ่งมา เขาก็เป็นคนแรกที่แสดงน้ำใจต่อลู่อี้เช่นกัน
“ข้าต้องไปเยี่ยมใต้เท้าหลินที่หน่วยลับ ท่านก็จะไปเช่นกันหรือ?” ลู่อี้กล่าว
“ใต้เท้าหลิน…” เจี่ยเฉิงผิงลังเลใจไปชั่วขณะ “เขาได้รับการตัดสินโทษแล้ว”
“ข้าทราบ ดังนั้นจึงต้องไปพบเขา อีกไม่กี่วันเขาจะถูกส่งตัวไปแล้ว นับแต่นั้นก็จะไม่ได้พบเขาอีกต่อไป” ลู่อี้เอ่ย “หากท่านไม่อยากไป ข้าไม่บังคับท่าน”
“ข้าไป! ข้าก็อยากพบใต้เท้าหลินเช่นกัน”
เจี่ยเฉิงผิงตามลู่อี้ไปที่หน่วยลับ
ทั่วทั้งหน่วยลับมีบรรยากาศน่าขนลุก ถึงแม้ศาลต้าหลี่จะพบเห็นคดีต่าง ๆ มามากมาย อย่างไรเสีย บรรยากาศเช่นนี้ก็ยังให้ความรู้สึกชวนหวาดผวา
“ใต้เท้าหลิน” ลู่อี้ยืนอยู่หน้าห้องขัง “ข้าและใต้เท้าเจี่ยมาพบท่าน”
ลู่อี้ไม่เพียงมาพบเขาเท่านั้น แต่ยังคงนำอาหารและสุรามาให้อีกหนึ่งตะกร้า
“อาหารกับสุราเหล่านี้ฮูหยินของข้าเตรียมเอง” ลู่อี้ไม่ได้โกหก มู่ซืออวี่เป็นคนส่งมาให้จริง ๆ เพียงแต่ส่งมาให้เขา ไม่ได้ส่งให้ใต้เท้าหลิน
“ฝีมือฮูหยินบ้านข้าไม่เลวเลยทีเดียว ใต้เท้าลองชิมเถิด” ลู่อี้เปิดตะกร้าออกและนำของข้างในออกมา
หลินอี้เจี๋ยอยู่ในชุดนักโทษ เดิมทีสีหน้าของเขาเฉยชาราวกับว่าไม่ต้องการสนใจผู้ใดทั้งสิ้น ทว่าเมื่อเห็นขาหมูน้ำแดง ดวงตาของเขาพลันปรากฏอารมณ์สลับซับซ้อนขึ้นมา
ฮูหยินของเขาเองก็ชอบทำขาหมูน้ำแดงให้กินเช่นเดียวกัน
หลินอี้เจี๋ยค่อย ๆ เขยิบเข้ามาใกล้ ๆ สายโซ่ที่คล้องมือเขาส่งเสียงกระทบกันดังเคร้งเคร้ง
เขาไม่ได้หวีผมมานานหลายวัน ผมเผ้าของเขายุ่งเหยิง ไม่ใช่ใต้เท้าหลินที่เข้มงวดผู้นั้นอีกต่อไป
เจี่ยเฉิงผิงที่อยู่ข้าง ๆ มองด้วยสายตาเศร้าโศก
ตอนที่เขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งก็ได้ใต้เท้าหลินนำทาง หลินอี้เจี๋ยไม่ใช่แค่ผู้บังคับบัญชา แต่ยังเป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขา
“มาถึงขั้นนี้แล้ว แต่ยังมีคนนำอาหารและสุรามาส่งให้ข้า ยังนึกถึงข้าได้ ชีวิตผู้เฒ่าคนนี้นับว่าคุ้มค่าแล้ว” หลินอี้เจี๋ยมองลู่อี้ “ภายหน้าอย่าได้ทำเรื่องขลาดเขลาเช่นนี้อีก ระวังข้าจะทำให้เจ้าประสบปัญหา”
“ข้าไม่เสียใจ”
“จิตใจบริสุทธิ์อะไรเช่นนี้” ดวงตาของหลินอี้เจี๋ยแดงก่ำ “ลู่อี้ เจ้าเป็นคนชาญฉลาด จะต้องมีชีวิตที่แตกต่างออกไปจากคนอื่นแน่นอน”
“จอกนี้ มอบให้ใต้เท้า” ลู่อี้รินสุราหนึ่งจอก ยกให้หลินอี้เจี๋ย จากนั้นดื่มลงไปรวดเดียว
ลู่อี้และเจี่ยเฉิงผิงไม่ได้รั้งอยู่นาน ไม่นานทั้งคู่ก็ออกไปจากหน่วยลับ
หลายวันต่อมา หลินอี้เจี๋ยถูกคุมตัวออกจากเมือง คนของหน่วยลับควบคุมตัวเขาไปยังที่ที่เขาถูกเนรเทศ
ต่อมาลู่อี้อุทิศตนให้การตรวจสอบคดี เขาไขคดีที่ปิดไม่ได้มากมายหลายคดีติดต่อกัน ชื่อเสียงของลู่อี้โด่งดังมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับตอนที่อยู่ในเมืองฮู่เป่ย เขาไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียงเรียงนามอีกต่อไป
มู่เจิ้งหานนึกได้ว่าตนไม่เห็นพี่สาวนานแล้วจึงซื้อขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปยังเรือนกรุ่นฝัน ตั้งใจจะออดอ้อนพี่สาวของเขา ระหว่างนั้นก็ถามข่าวคราวว่าท่านแม่ได้ส่งจดหมายมาบ้างหรือไม่
“ลูกค้า…” เจียงอีเมิ่งเดินเข้ามา เมื่อเห็นใบหน้าคุ้นตาจึงชะงักไป “ท่านคือ…”
“แม่นางเจียง” มู่เจิ้งหานมองนางด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า?”
“ท่านคือคุณชายท่านนั้น…”
“ข้าสกุลมู่” มู่เจิ้งหานลูบหัวตนเองเบา ๆ “พบกันอีกครั้งแล้ว”
“ท่านสกุลมู่หรือ? เช่นนั้นท่านกับเจ้าของที่นี่…” เจียงอีเมิ่งงงงัน
“นางเป็นพี่สาวข้า”
เจียงอีเมิ่งประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
ที่แท้นางช่วยเหลือน้องชายของเจ้านายเอาไว้โดยบังเอิญ
มู่ซืออวี่ลงมาจากชั้นสองเพื่อตรวจดูกิจการพอดี เมื่อนางเห็นมู่เจิ้งหานกำลังพูดคุยกับเจียงอีเมิ่งก็หาเสาต้นหนึ่งแล้วไปแอบอยู่ข้างหลัง มองไปทางพวกเขาทั้งคู่ด้วยความสนใจใคร่รู้
จื่อซูและจื่อเยวี่ยน “…”
เสาต้นนั้นเล็กมาก เดิมทีก็ไม่อาจบังผู้ใดได้แม้แต่น้อย
“คุณชายมู่มาหาเจ้านายหรือ? เจ้านายอยู่ชั้นบน เช่นนั้นข้าไม่รบกวนท่านแล้ว” เจียงอีเมิ่งเอ่ย “ตอนนี้ข้าเป็นคนงานของที่นี่ ข้าต้องไปต้อนรับลูกค้า”
“ได้” มู่เจิ้งหานมุ่งหน้าไปทางชั้นสอง เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็หันกลับไปมองเจียงอีเมิ่งที่เดินออกไป
มู่ซืออวี่สังเกตเจียงอีเมิ่งมาหลายวันแล้ว แม่นางน้อยผู้นี้มีอากัปกิริยาท่าทีเหมือนนางในตอนนั้นไม่มีผิด ฝีปากมีคารมคมคาย ขอแค่นางมีโอกาสได้ต้อนรับลูกค้า น้อยนักที่จะไม่ได้รับคำสั่งซื้อ
มู่เจิ้งหานค่อนข้างซื่อ คนอย่างเขาต้องการภรรยาที่ฉลาดและมีคุณธรรม แม่นางน้อยผู้นี้ค่อนข้างเหมาะทีเดียว ทว่านี่เป็นเพียงความคิดของนาง ถึงอย่างไรตอนนี้มู่เจิ้งหานก็ยังไม่เข้าใจ
“เหตุใดวันนี้จึงเต็มใจมาพบพี่สาวเจ้าแล้ว?” มู่ซืออวี่ออกมาจากหลังเสาเล็ก ๆ ต้นนั้น
“ท่านพี่ แม่นางเจียงผู้นั้นช่วยข้าเอาไว้” มู่เจิ้งหานอธิบายเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมด
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…” วันที่นางบังเอิญไปพบทั้งคู่คือวันที่พวกเขาพบกันหรอกหรือ?
เป็นนางที่คิดเลยเถิดไปเองสินะ