สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 545 เขาเป็นคนดี

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 545 เขาเป็นคนดี

บทที่ 545 เขาเป็นคนดี

วันต่อมา ลู่จื่ออวิ๋นนั่งรถม้ามายังจวนอู่อันโหว

ฮูหยินอู่อันโหวเพิ่งลุกขึ้นมา เมื่อได้ยินว่ามีแม่นางน้อยจากหอซือเป่าต้องการพบนาง ใบหน้างดงามของแม่นางน้อยผู้นั้นพลันปรากฏในหัว

“หรือว่าจะเป็นแม่นางน้อยที่ติดตามผู้ดูแลเมิ่งมาคราวนั้น?”

แม่นมเฒ่าที่นำโจ๊กรังนกแดงเข้ามาเอ่ยตอบ “เป็นนางเจ้าค่ะ”

“ให้นางเข้ามาเถอะ!”

ทันทีที่ลู่จื่ออวิ๋นผ่านประตูมา นางก็เห็นฮูหยินหน้าตาใสกระจ่างกำลังอ้าปากหาว ปิ่นระย้าบนศีรษะอีกฝ่ายส่งเสียงกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ฮูหยินจึงลืมตาหันมามอง “แม่นางน้อย เช้าตรู่เช่นนี้มีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ?”

“เรียนฮูหยิน เป็นเช่นนี้…” ลู่จื่ออวิ๋นเอาผ้าที่นางทำให้อีกฝ่ายดู จากนั้นจึงอธิบายว่านางพัฒนาผ้าแบบเดียวกับอาณาจักรเฟิ่งหลินออกมา

ฮูหยินอู่อันโหวลูบผ้าตรงหน้าด้วยนิ้วที่สวยงามเบา ๆ ดวงตาของนางเปี่ยมไปด้วยความโหยหา

“เจ้าเป็นเด็กที่ขยันหมั่นเพียรจริง ๆ ถึงกับคิดค้นมันออกมาได้แล้ว”

“ข้าอยากจะถามฮูหยินว่าสิ่งนี้พอจะแทนที่ผ้าที่เสียหายได้หรือไม่ ข้าจะต้องทำให้มันกลมกลืนเหมือนกับของเก่าอย่างแน่นอน”

“เปลี่ยน เปลี่ยนไปเถอะ ขอแค่เจ้าซ่อมแซมมันให้ดี จะทำอย่างไรก็ได้” ฮูหยินอู่อันโหวเอ่ยด้วยท่าทีสงบ “แต่เจ้าคงไม่ได้มาที่นี่เพียงเพราะเรื่องนี้กระมัง?”

“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าจะถามฮูหยินเกี่ยวกับผ้าเจ้าค่ะ”

“ช้าก่อน…” ฮูหยินอู่อันโหวบอกให้นางหยุด “แขกมาได้ครู่หนึ่งแล้ว เหตุใดพวกเจ้าสายตาย่ำแย่ปานนี้ ไปนำชากับผลไม้มาให้คุณหนูลู่ซิ”

“ขอบคุณฮูหยิน ทว่าไม่จำเป็นต้องยุ่งยากเจ้าค่ะ”

“ไม่ยุ่งยาก เจ้านั่งลงพูดคุยกันเถอะ!” ฮูหยินอู่อันโหวเอ่ย “ทานอะไรเสียหน่อย ค่อย ๆ จิบชาค่อย ๆ พูดไป ไม่รีบร้อน ข้ามีเวลาเหลือเฟือ”

ลู่จื่ออวิ๋นขอบคุณที่อีกฝ่ายเมตตา เมื่อบ่าวรับใช้นำผลไม้และน้ำชามาให้ นางก็ทานผลไม้และจิบชาด้วยอากัปกิริยาท่าทีชดช้อยนุ่มนวล

ฮูหยินมองทุกการเคลื่อนไหวของแม่นางน้อยแล้วพยักหน้าเบา ๆ

จากคำพูดและกิริยาท่าทางของนางที่แสดงออกมา คุณหนูลู่ผู้นี้คงได้รับการอบรมมาพอสมควร อีกทั้งยังได้ร่ำเรียนมารยาทมาจากแม่นม ไม่เช่นนั้น นางคงไม่มีท่าทีอย่างสตรีสูงศักดิ์เช่นนี้

ลู่จื่ออวิ๋นรับความเมตตาจากฮูหยินอู่อันโหวแล้วก็กล่าวต่อไปว่า “ครั้งนี้พวกเราได้พัฒนา ‘ผ้าหม่อนเมฆ’ ออกมา ข้าต้องการกระจายข่าวออกไปและนำออกขายในท้องตลาด”

“เจ้าเด็กคนนี้ช่างขี้เกรงใจเสียจริง เจ้าเป็นคนคิดค้นผ้าหม่อนเมฆออกมา กล่าวกันตามหลักแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องถามข้าว่าจะนำไปขายได้หรือไม่ ทว่ามันเป็นสิ่งที่พิเศษของอาณาจักรเฟิ่งหลิน เจ้าถามข้าเป็นเพราะความเคารพนั่นทำให้ข้าสุขใจยิ่งนัก เจ้าขออนุญาตตามพิธีรีตองแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ดำเนินการเถิด ข้าก็อยากให้คนได้ชื่นชมความสง่างามและความประณีตของผ้าหม่อนเมฆเราเช่นกัน”

“ขอบพระคุณฮูหยิน เช่นนั้นจื่ออวิ๋นต้องขอตัวก่อนแล้ว”

“ไปเถอะ!”

สาวใช้ข้างกายฮูหยินอู่อันโหวส่งลู่จื่ออวิ๋นออกไป

ทันทีที่เดินออกมาจากลานหลัก จู่ ๆ ก็เกิดเสียงบางอย่างแหวกผ่านอากาศดังขึ้น

ลู่จื่ออวิ๋นหลบไปข้าง ๆ ราวกับเสือตัวน้อย ความเคลื่อนไหวของนางทั้งปราดเปรียวและดูสง่างาม

“นั่นน้องสาวสกุลใด? ไยถึงได้หน้าตางดงามเพียงนี้” เสียงหยอกล้อของคนผู้หนึ่งดังขึ้น

ลู่จื่ออวิ๋นมองลูกศรที่ปักอยู่บนประตูข้าง ๆ นาง จากนั้นจึงหันไปมองชายหนุ่มในชุดผู้ลากมากดีที่กำลังเดินเข้ามา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“คุณชายหร่วน ท่านนี้เป็นแขกของฮูหยินพวกเราเจ้าค่ะ” สาวใช้ลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้าลู่จื่ออวิ๋น

หร่วนซือเต๋อเบ้ปาก มองลู่จื่ออวิ๋นด้วยสายตาราวกับมีเมฆหมอกปกคลุม “แม่นางเฝ่ยชุ่ย เหตุใดต้องตระหนกเพียงนั้น? ข้าเพียงแค่อยากรู้จักแม่นางท่านนี้”

“บ่าวต้องส่งแม่นางกลับแล้ว ขอตัวนะเจ้าคะ” สาวใช้ขยิบตาให้ลู่จื่ออวิ๋น

ลู่จื่ออวิ๋นตามสาวใช้คนนั้นออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

“นี่ อย่ารีบร้อนไปสิ…” หร่วนซือเต๋อรั้งลู่จื่ออวิ๋นเอาไว้ “บอกชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าเสียก่อนแล้วค่อยไปยังไม่สาย น้อง…”

พรึ่บ!

เสียงแหวกผ่านอากาศที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้รวดเร็วเป็นอย่างมาก

หร่วนซือเต๋อเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทีแข็งทื่อ เห็นเพียงลูกศรดอกหนึ่งกำลังพุ่งมาทางเขา

สิ่งที่รวดเร็วกว่าลูกศรเป็นเงาร่างสีดำร่างหนึ่ง คนผู้นั้นพุ่งมาทางเขาด้วยสีหน้าเยือกเย็น ก่อนจะเอื้อมมือออกไปดึงแขนของลู่จื่ออวิ๋นให้ไปหลบด้านข้าง ปลายลูกศรปัดผ่านคอของหร่วนซือเต๋อ

หร่วนซือเต๋อแตะบริเวณที่ถูกลูกศรปัดผ่าน เขาก้มหน้าลง เห็นเลือดที่ติดอยู่บริเวณปลายนิ้ว

“เลือด… เลือด…”

“จิ๊ พลาดเป้าเสียได้ น่าเบื่อยิ่งนัก” เซี่ยเฉิงจิ่นเล่นลูกศรในมือด้วยท่าทีเบื่อหน่าย

หลังจากเขาดึงลู่จื่ออวิ๋นออกมาแล้ว เขาก็กลับไปยืนอยู่อีกด้าน ราวกับเมื่อครู่นี้ที่ดึงลู่จื่ออวิ๋นออกมาเป็นเพียงภาพลวงตา

ทว่าลู่จื่ออวิ๋นเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาเข้ามาใกล้ ๆ อีกทั้งยังดึงนางไปด้านข้าง ลูกศรดอกนั้นเฉียดผ่านคอของหร่วนซือเต๋อไปนิดเดียว

“เซี่ยเฉิงจิ่น! เจ้า!…” หร่วนซือเต๋อโมโหเป็นอย่างมาก “เจ้าชักจะเอาใหญ่เกินไปแล้ว ข้าจะไปหาอู่อันโหว เรื่องนี้จะต้องได้รับคำอธิบายจากอู่อันโหว”

“อธิบายอันใด? เจ้าที่เป็นคนนอกคนหนึ่งสามารถยิงธนูในจวนอู่อันโหวได้ เหตุใดข้าที่เป็นเจ้าบ้านที่นี่จะยิงธนูในที่ของตนเองไม่ได้เล่า?”

“เจ้า… เจ้าจงใจ!” หร่วนซือเต๋อเขม่นมองเซี่ยเฉิงจิ่น

เซี่ยเฉิงจิ่นเลิกคิ้วขึ้น “หากข้าจงใจ แล้วเจ้าจะทำอันใดข้าได้? เจ้ามาทำอะไรที่จวนของข้า? หากข้าจำไม่ผิด เจ้ามาขอความช่วยเหลือจากท่านพ่อใช่หรือไม่?”

หร่วนซือเต๋อ “…”

“หากเจ้าคิดจะร้องขอบางอย่างจากผู้อื่นก็ควรทำตัวอย่างผู้ที่มาร้องขอ” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “ยังไม่ไปให้พ้นอีก!”

“เซี่ยเฉิงจิ่น เจ้าอย่างได้ยโสโอหังนัก” หร่วนซือเต๋อมองเขาด้วยสายตาเหี้ยมโหด “วันหนึ่งข้าจะต้องทำให้เจ้าตายอย่างอนาถให้ได้!”

“วางใจเถอะ ก่อนจะถึงตอนนั้น ข้าคงตัดหัวเจ้าก่อนแล้ว” เซี่ยเฉิงจิ่นยิ้มบาง ๆ

“หึ!” หร่วนซือเต๋อเหลือบมองลู่จื่ออวิ๋นแวบหนึ่งแล้วหมุนตัวจากไป

เซี่ยเฉิงจิ่นหันกลับมามองลู่จื่ออวิ๋น “นั่นเป็นหร่วนซือเต๋อจากจวนอี๋ผิงโหว ตัวร้ายที่โด่งดังในเมืองหลวง เจ้าถูกเขาจับจ้องแล้ว แม่นางน้อย”

“เคราะห์ร้ายที่อยู่ดี ๆ หล่นลงมาจากฟ้า ข้าก็ไม่ต้องการเช่นกัน นี่ไม่ใช่หลบเลี่ยงไม่ได้หรือ!” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ขอบคุณท่านซื่อจื่อที่ช่วยไล่เขาไป”

“ที่นี่เป็นจวนอู่อันโหว หากเขาคิดจะทำนิสัยป่าเถื่อนในนี้ ล้วนขึ้นอยู่กับว่าข้ายินยอมหรือไม่ แต่หลังออกจากจวนนี้ไป นั่นขึ้นอยู่กับโชคของเจ้าแล้ว”

เซี่ยเฉิงจิ่นโบกมือ ดึงลูกศรออกจากประตู จากนั้นก็สาวเท้าจากไปพร้อมกับคันศรและลูกธนู

“ซื่อจื่อของพวกเราข้างนอกเย็นชาข้างในอบอุ่น ผู้อื่นไม่รู้จักเขาดีพอ รู้แค่ว่าเขาโหดเหี้ยม ทว่าซื่อจื่อของพวกเราไม่ใช่คนเช่นนั้นนะเจ้าคะ!” สาวใช้ผู้ที่ยืนเงียบอยู่เป็นเวลานานเอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋น

“ใช่ ท่านซื่อจื่อเป็นคนดีมาก” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยด้วยความจริงใจ

หลังจากลู่จื่ออวิ๋นจากไปแล้ว เซี่ยเฉิงจิ่นก็เดินออกมาจากด้านหลัง ยกนิ้วให้ผู้ติดตามของตนที่อยู่ข้าง ๆ

“ส่งคนไปจับตาดูเจ้าชั่วหร่วนซือเต๋อเอาไว้”

“นายท่าน ผู้ใดกันที่บอกว่าออกนอกประตูจวนนี้ไปก็จะไม่สนใจแล้วเล่าขอรับ?” ผู้ติดตามที่อยู่ข้าง ๆ หยอกล้อ

“ผู้ใดให้แม่นางน้อยคนนี้สายตากว้างไกล รู้ว่าข้าซื่อจื่อผู้นี้เป็นคนดีเล่า” เซี่ยเฉิงจิ่นยกยิ้มมุมปาก

เจ้าชั่วหร่วนซือเต๋อผู้นั้นไม่เก่งทำเรื่องดี ๆ ทว่าเรื่องต่ำทรามนั้นกลับเรียนรู้ได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากท่านอ๋องน้อยจวินกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ กลุ่มเล็ก ๆ ของพวกเขาก็สงบเสงี่ยมไปพักหนึ่ง ทว่าหมู่นี้กลับมาเริ่มก่อปัญหาอีกครั้งแล้ว

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท