บทที่ 550 ที่นี่มีแดนเซียนอีกแห่งหนึ่ง
บทที่ 550 ที่นี่มีแดนเซียนอีกแห่งหนึ่ง
ทุกเตียงมีฟูกนอน ข้าง ๆ ยังมีโซฟา ทั้งยังมีห้องอาบน้ำและห้องสุขาด้านใน แต่ละห้องล้วนมีรองเท้าสำหรับใส่ในบ้าน แปรงสีฟัน และยาสีฟันแบบใช้แล้วทิ้ง
หากดูจากการจัดวางของห้อง ทุกห้องจะมีภาพวาดภาพหนึ่ง หากคนจากเมืองฮู่เป่ยมาที่นี่ พวกเขาย่อมจดจำได้ว่านี่เป็นภาพที่มู่ซืออวี่วาดด้วยตนเอง
ภายในห้องมีข้อความแจ้งไว้อย่างชัดเจนถึงราคาที่ต้องชดใช้หากของภายในห้องเสียหาย อย่างเช่นเตียงต้องชดใช้ห้าร้อยตำลึงเงิน โซฟาต้องชดใช้สามร้อยตำลึงเงิน อ่างอาบน้ำและอ่างล้างหน้าก็ต้องชดใช้เช่นกัน ของที่แพงที่สุดคือภาพวาดซึ่งมีค่าชดใช้สูงถึงหนึ่งพันตำลึงเงิน
“ราคาที่พักของเจ้าคงไม่ใช่ถูก ๆ เลยกระมัง?” ฮูหยินถานเอ่ยถาม “คิดราคาอย่างไร?”
“ที่นี่มีบัตรสมาชิกประจำปีและประจำเดือน หากเป็นสมาชิกประจำปีจะได้ส่วนลด จ่ายเพียงเจ็ดส่วนเท่านั้น แต่หากเป็นสมาชิกประจำเดือนจะได้ส่วนลด จ่ายเพียงเก้าส่วน” มู่ซืออวี่กล่าว “ส่วนที่เหลือ คำนวนตามราคาต่อห้อง ทว่าผู้ที่ยินดีมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่ผู้ใดบ้างขาดเงิน? พวกเขาล้วนคำนึงถึงการผ่อนคลายดื่มด่ำของตนเสียมากกว่า ข้าไม่ได้สนใจว่าจะขาดทุนหรือไม่”
นางจะขาดทุนได้อย่างไร?
“จริงสิ จากตรงนี้มองไปทางนั้น… หากท่านตื่นเช้าหน่อยก็จะสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามได้ ยามบ่ายท่านก็สามารถชมพระอาทิตย์ตกที่น่าอัศจรรย์จากทางนั้นได้เช่นกัน”
หากคะแนนสูงสุดคือเต็มสิบ แม้กระทั่งฮูหยินที่เลือกมากที่สุดยังยินดีที่จะให้คะแนนที่พักแห่งนี้ถึงเก้า ต่อไปก็เป็นเรื่องอาหารการกินแล้ว
ในเมื่อที่หลับนอนไร้ปัญหา อาหารการกินย่อมไม่มีปัญหาเช่นกัน ระหว่างนี้มู่ซืออวี่สอนพ่อครัวของที่นี่ด้วยตนเอง พ่อครัวของที่นี่ไม่เพียงแต่สามารถทำอาหารแปดตระกูลได้เท่านั้น แต่ยังสามารถทำสเต๊กเนื้อ เนื้อแกะย่าง และสปาเกตตีอย่างง่าย ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ทั้งหมู่บ้านถูกนางซื้อเอาไว้แล้ว
ส่วนชาวบ้านในหมู่บ้าน นางจ่ายเงินไปจำนวนมากเพื่อซื้อบ้านและที่ดินของพวกเขา พวกเขาย้ายเข้าไปในเมืองด้วยความเร่งรีบ ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก
“ทำอย่างไรดี? ข้าไม่อยากไปแล้ว” ฮูหยินคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ชีวิตที่นี่สุขสบายจริง ๆ”
“หากถึงฤดูเก็บเกี่ยวเฉ่าเหมย*[1] ทางนั้นมีไร่เฉ่าเหมย พวกท่านสามารถลองเก็บเฉ่าเหมยด้วยตนเองได้” มู่ซืออวี่ชี้ไปที่ไกล ๆ แล้วเอ่ย “ข้ายังปลูกผลไม้ไว้อีกมาก หากมันออกดอกก็จะกลายเป็นทะเลดอกไม้งดงาม หากมันออกผลบรรยากาศก็จะอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของผลไม้ พวกเรายังสามารถทานผลไม้สดและทำขนบอบผลไม้ได้อีกด้วย”
“เจ้าไม่ต้องเอ่ยแล้ว บัตรสมาชิกนี่มีราคากี่มากน้อย ข้าจะรับ” ฮูหยินท่านนั้นเอ่ยขึ้น
“ไม่แพง อย่างที่ข้ากล่าวไว้ ข้าจะลดให้ทุกท่านเหลือเพียงหกส่วน บัตรสมาชิกรายปีจ่ายเพียงหกส่วน ดังนั้นพวกท่านจ่ายหกร้อยตำลึงก็พอแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
การเปิดตัวในครั้งนี้ นอกจากฮูหยินหลายท่านที่นางรับรองด้วยตนเองแล้ว ลูกค้าเก่าแก่ของนางก็มาเช่นกัน ลูกค้าเก่าแก่เหล่านั้นล้วนมีเฟิงเจิงและคนอื่น ๆ คอยรับรองดูแล ขณะที่เรือนกรุ่นฝันนั้นต้องปิดเป็นการชั่วคราว เหตุผลที่ปิดก็แปะประกาศอยู่หน้าประตูร้าน เพื่อที่จะได้ดึงดูดลูกค้าที่เหลือให้มาร่วมสนุกกับการเปิดตัวเรือนพักผ่อนบนภูเขาในครั้งนี้
“ฮูหยิน…” จื่อซูเดินเข้ามา “คนอีกกลุ่มมาถึงแล้วเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่เคยเห็นคนเหล่านี้มาก่อน ไม่ใช่ลูกค้าเก่าของพวกเราเจ้าค่ะ!”
ลู่จื่ออวิ๋นพาเจี่ยหลิงหลงกลับมาจากสวนดอกไม้ด้านหลัง เมื่อผ่านบ่อปลา พวกนางจึงแวะให้อาหารปลาเล็กน้อย
“ปลาเหล่านี้ช่างงามจริง ๆ” เจี่ยหลิงหลงเอ่ย “เจ้าดูพวกมันมีความสุขสิ หากมีความสุขเช่นนี้ตลอดไปก็คงดี”
“เจ้าไม่มีความสุขหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นมองเจี่ยหลิงหลง
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีความสุข เพียงแต่…” เจี่ยหลิงหลงนั่งลงข้าง ๆ อีกฝ่าย “ข้ารู้สึกไม่สบายใจเท่าตอนที่เคยอยู่นอกเมืองหลวง”
“ข้าก็เติบโตมาจากนอกเมืองหลวงเช่นกัน” ลู่จื่ออวิ๋นค่อย ๆ โยนอาหารปลาลงไป
“ข้ารู้ ท่านแม่ข้าเคยบอก” เจี่ยหลิงหลงมองมา “แต่ว่านะเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าราวกับเกิดมาก็เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ แต่ข้าไม่เหมือนกับเจ้า…”
“ไม่เหมือนอย่างไร? หรือเจ้าไม่ได้มีสองตาหนึ่งจมูกเช่นเดียวกันหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเลิกคิ้วขึ้น “ท่านแม่บอกว่าเหตุผลที่คนเรากลายเป็นมนุษย์เพราะเราปรับตัวเก่ง ไม่เช่นนั้น เหตุใดจึงมีเพียงคนที่มีสติปัญญา ไม่ใช่สัตว์อื่นอย่างแมวหรือสุนัขเล่า? คนเราน่ะ เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ย่อมปรับตัวตามสภาพแวดล้อมเหล่านั้นได้”
“เจ้ารู้สึกไม่สบายใจเพราะไม่คุ้นชิน เจ้าไม่คุ้นชินก็แล้วไปเถิด แต่ยังต่อต้านจากส่วนลึกในใจ คิดว่าตนเองทำไม่ได้ เจ้าไม่ควรปล่อยให้เป็นเช่นนั้นนะหลิงหลง” ลู่จื่ออวิ๋นคว้ามือนางมากุมแล้วกล่าวต่อ “ย้อนหลับไปเมื่อหลายชั่วอายุคน ราชวงศ์ในสมัยนั้นยังคงเป็นโจร เหตุใดพวกเขาถึงได้กลายมาเป็นราชวงศ์ เหตุใดจึงยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเป็นเพราะพวกเขาพยายามปรับเปลี่ยนตนเอง เจ้าก็ทำได้เช่นกัน เหตุใดบิดาของพวกเราถึงได้ทำงานหนักเพียงนี้ นั่นก็เพราะต่อสู้เพื่อพวกเราที่เป็นบุตรหลานมีอนาคตที่ดี ขณะที่บิดาเจ้าตรากตรำบากบั่นอยู่ด้านหน้า ควรหรือที่เจ้าจะคอยฉุดรั้งเขาจากด้านหลัง?”
“เจ้าสอนข้าเถอะ! ข้าควรทำอย่างไร”
“นี่ไม่ใช่เรื่องที่ใครต้องสอนใคร แต่พวกเราเรียนรู้ไปด้วยกันได้”
เมื่อเซี่ยเฉิงจิ่นและเซี่ยชิงโจวเดินเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม พวกเขาเห็นลู่จื่ออวิ๋นและเจี่ยหลิงหลงที่นั่งอยู่บนก้อนหินกำลังให้อาหารปลาเข้าพอดี
“เหตุใดจึงพบแม่นางน้อยผู้นี้อีกแล้ว” เซี่ยชิงโจวกระทุ้งแขนเซี่ยเฉิงจิ่น “เจ้าพบกับแม่นางน้อยผู้นี้บ่อยครั้งเกินไปแล้วหรือไม่?”
“รู้หรือไม่ว่าเรือนพักบนภูเขาแห่งนี้เป็นของผู้ใด?” เซี่ยเฉิงจิ่นปรายตามองเขา
“ของผู้ใด?”
“มารดานางเป็นคนสร้าง”
“สวรรค์! แม่นางน้อยผู้นี้เป็นก้อนทองนี่นา!” เซี่ยชิงโจวตกตะลึง “เรือนพักบนภูเขาแห่งนี้มีค่ามากมายมหาศาล”
“ฉายาสตรีผู้ทำการค้าอันดับหนึ่งในใต้หล้าของนางไม่ได้มาเปล่า ๆ” สิ้นคำ เซี่ยเฉิงจิ่นก็มองไปยังเรือนข้างหน้า “ไปเถอะ เจี่ยงเหล่าซานเชิญพวกเรามาที่นี่ ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอันใด”
ฮูหยินถานดื่มน้ำผลไม้ ชื่นชมวิวทิวทัศน์เบื้องหน้า บ่าวรับใช้ข้างกายนางรายงานว่านายน้อยมาที่นี่แล้ว
“ชิงเหยียน?” ฮูหยินถานประหลาดใจ “เขาเล่าเรียนหนังสืออยู่ไม่ใช่หรือ?”
แม่นมเฒ่าเหลือบมองด้านนอก
ฮูหยินถานเข้าใจขึ้นมาแล้ว
เจ้าเด็กคนนี้หวั่นไหวจริง ๆ แล้วกระมัง?
ทว่าก็ควรเป็นเช่นนั้น แม่สาวน้อยจากสกุลลู่ผู้นั้นหน้าตาดีจริง ๆ อีกทั้งเขายังถึงช่วงอายุที่ควรมีความรักแล้ว นางจะจัดการอย่างไรดี?
“เจ้าพาเขาไปเล่นกับสาวน้อยสกุลลู่เถอะ!”
“ฮูหยิน นี่ท่าน…” ยอมรับแล้วหรือ?
“ลู่อี้จะต้องไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้อย่างแน่นอน เจ้าก็เห็นความสามารถของใต้เท้าลู่แล้ว พวกเราอาจเตรียมการแต่งงานนี้ แต่ยังไม่แน่ว่าพวกเราจะสามารถต่อรองได้ ให้พวกเขาได้คบหากันก่อนก็ไม่เป็นไร”
หลังจากมู่ซืออวี่ต้อนรับแขกเหรื่อเสร็จ นางก็ให้บ่าวรับใช้บริการพวกเขา ปล่อยให้พวกเขาทำตัวตามสบาย
งานในวันนี้ใหญ่เกินไป นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องรับรองผู้คนมากมายเพียงนี้ นางจำต้องคอยตรวจตราดูสถานการณ์รอบ ๆ หากมีที่ใดบกพร่องจะได้กำกับดูแลให้ทันการ
“อีเมิ่ง เจ้าทำอันใดน่ะ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามเมื่อนางเห็นเจียงอีเมิ่งกำลังชงชา
“ฮูหยิน ที่นี่ของพวกเราไม่มีห้องน้ำชาเจ้าค่ะ” เจียงอีเมิ่งกล่าว “ทว่าผู้สูงศักดิ์เหล่านี้ล้วนชอบชา อีกทั้งยังมีบางคนที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของชาเป็นพิเศษ ข้าจึงอยากชงชาเตรียมไว้เจ้าค่ะ”
“โชคดีที่เจ้าเตือนข้า ข้าหละหลวมไปแล้วจริง ๆ” มู่ซืออวี่หันไปมองน้ำชาที่อีกฝ่ายชง “ฝีมือของเจ้ายอดเยี่ยมมาก เจ้าชงน้ำชาออกมาได้ดีเยี่ยม ถ้าอย่างนั้นข้าจะหาคนให้เจ้าสักสองสามคน เจ้าจะได้ช่วยข้าสร้างกลุ่มที่ชงชาเป็นการเฉพาะแยกออกมาต่างหาก”
“ฮูหยิน เรื่องนี้เพียงมอบให้ข้าจัดการเถอะ ข้าจะต้องช่วยจัดการให้ท่านเป็นอย่างดีแน่นอนเจ้าค่ะ” เจียงอีเมิ่งเอ่ยอย่างมีความสุข
“เจ้าเด็กคนนี้… ร้ายกาจยิ่งนัก อยากช่วยข้าอยู่ดูแลที่แห่งนี้หรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “ข้าจะแบ่งเงินปันผลให้เจ้า ยอดขายมากเพียงใด เจ้าก็จะได้เงินมากเพียงนั้น”
[1] เฉ่าเหมย คือ สตรอว์เบอร์รี