บทที่ 553 แม่สาวน้อย จะล้างหน้าอย่างนั้นไม่ได้
บทที่ 553 แม่สาวน้อย จะล้างหน้าอย่างนั้นไม่ได้
บริการย่างเนื้อของลู่จื่ออวิ๋นได้รับคำชมเป็นเสียงเดียวกัน
เมื่อทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น นางจึงไปที่น้ำพุเพื่อทำความสะอาดมันที่ติดมือและฝุ่นที่เปื้อนใบหน้า
มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง
เมื่อลู่จื่ออวิ๋นหันกลับไปมองก็เห็นเพียงเซี่ยเฉิงจิ่นกำลังหาที่นั่งแล้วหย่อนตัวลง
“แม่นางน้อย เจ้ามาล้างหน้าอยู่บนภูเขาเช่นนี้ ไม่กลัวถูกตัวอะไรโจมตีเข้าหรือ?”
ลู่จื่ออวิ๋นล้างมืออันบอบบางของนาง “หากข้าอยู่เพียงลำพัง แน่นอนว่าย่อมต้องระวังให้มากขึ้น แต่พวกท่านเองก็อยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ?”
“นับว่าเจ้าค่อนข้างฉลาดทีเดียว” เซี่ยเฉิงจิ่นกล่าวอย่างสงบ
“ขอบคุณท่านซื่อจื่อที่กล่าวชม” ลู่จื่ออวิ๋นดึงพืชชนิดหนึ่งมาถูลงบนฝ่ามือ เพียงถูไปมาไม่กี่ครั้ง ฟองก็พลันปรากฏขึ้น จากนั้นคราบความมันก็ถูกชะล้างออกไปจนเกลี้ยง
“เสื้อผ้าครั้งที่แล้วซ่อมแซมได้ดีมาก ท่านแม่ข้าเองก็ชอบมากเช่นกัน หอซือเป่าของพวกเจ้ารับงานหรือไม่? เจ้าช่วยทำเสื้อผ้าให้ข้าสักสองชุดสิ”
“หลายวันนี้ข้าหยุดพักผ่อน”
“หลังจากหยุดพักผ่อนก็ไม่ทำงานแล้วหรือ?”
“ท่านซื่อจื่อจะกลับเมืองยามใด?”
“ในเมื่อมีที่พักและอาหารโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสามวัน แน่นอนว่าข้าจะอยู่ที่นี่สามวันก่อนกลับ”
“เช่นนั้น ข้าจะตัดเย็บเสื้อผ้าให้ท่านซื่อจื่อในภายหลัง เมื่อกลับไปที่หอซือเป่าแล้วข้าจึงจะเลือกเนื้อผ้าให้ท่าน” ลู่จื่ออวิ๋นยืนขึ้นแล้วสะบัดน้ำออกจากมือ
เซี่ยเฉิงจิ่นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาและโยนให้นาง “เช็ดมือให้สะอาดเถิด เจ้าทำน้ำกระเด็นใส่ข้าแล้ว”
ลู่จื่ออวิ๋นมองผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินเข้มในมือ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะใช้มันดีหรือไม่ สุดท้ายกลับพบว่ามือเปียก ๆ ของนางทำให้ผ้าเช็ดหน้าของเขาเปียกไปด้วยแล้ว
ในเมื่อมันเปียกไปแล้ว แน่นอนว่าทำได้เพียงใช้มัน
“ข้าซักทำความสะอาดแล้วจะส่งคืนให้ซื่อจื่อภายหลัง” ลู่จื่ออวิ๋นเก็บผ้าเช็ดหน้าใส่แขนเสื้อของนาง
เซี่ยเฉิงจิ่นเฝ้ามองทุกอากัปกิริยาของแม่นางน้อย เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ลงจากภูเขากันเถอะ”
เซี่ยชิงโจวกระโดดลงมาจากต้นไม้แล้วยื่นผลไม้ป่าที่เก็บมาให้เจี่ยหลิงหลง
“เมื่อครู่นี้เจ้าอยากกินนี่ไม่ใช่หรือ? ข้าให้เจ้า”
เจี่ยหลิงหลงหน้าแดงเรื่อเอ่ยถามว่า “ให้ข้าหรือ?”
“แน่นอน เมื่อครู่นี้เจ้าอยากได้มันไม่ใช่หรือ?” เซี่ยชิงโจวกล่าวตามความจริง “เก็บไว้เถอะ ภายหน้าอย่าได้ทำเรื่องอันตรายเช่นนั้นอีก”
เจี่ยงหย่งหยางมองดูทั้งสองคู่ที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พูดกับนกบนต้นไม้ “ข้าไม่หล่อเหลาหรือไร? แม่นางน้อยเหล่านี้ชมชอบคนเช่นใดกัน?”
มู่ซืออวี่ออกมาสูดอากาศข้างนอกก็เห็นลูกสาวของตนกลับมาพร้อมกับเด็กหนุ่ม ดวงตาของนางพลันหยุดอยู่ที่เซี่ยเฉิงจิ่น
เด็กคนนี้…
หน้าตาหล่อเหลาอยู่บ้าง
หากแต่ดูเย็นชาเล็กน้อย
อืม เหตุใดจึงดูคุ้นตาเสียจริง
จริงสิ เด็กนี่เหมือนกับลู่อี้ไม่ใช่หรือ?
มู่ซืออวี่มองเซี่ยเฉิงจิ่น ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้นเท่านั้น
ทว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีภูมิหลังไม่ธรรมดา บรรยากาศสูงส่งรอบกายเขาไม่อาจปิดบังได้เลย ทุกอากัปกิริยาของเขาให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม
จากที่นางดูแล้ว ในนิยายต้นฉบับ ฟ่านเหยี่ยนจะเป็นผู้ชนะและกลายมาเป็นผู้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้ในท้ายที่สุด ทว่าหลังจากได้พูดคุยกับฟ่านเหยี่ยนหลายครั้งหลายครา นางกลับไม่พบราศีน่าเกรงขามของกษัตริย์ในตัวเขา
แต่เด็กหนุ่มผู้นี้กลับมีราศีนั้น!
“บนเขาสนุกหรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยปากถาม
“ฮูหยิน บนภูเขาค่อนข้างสนุกทีเดียวขอรับ” เซี่ยชิงโจวกล่าว “กระต่ายป่าก็อร่อยเช่นกัน”
มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา “นอกจากกระต่ายป่าแล้ว บนภูเขายังมีของอร่อยอีกมากมาย ผลไม้ป่าในมือของหลิงหลงเป็นเพียงหนึ่งในนั้น ข้าจะให้พวกเจ้าได้ลองอย่างอื่นในภายหลัง”
“ขอบคุณฮูหยิน” เซี่ยชิงโจวกล่าวด้วยท่าทีอ่อนน้อม
“ฮูหยินเจ้าคะ…” จื่อซูวิ่งสับเท้าเข้ามา “เซวียนอ๋องพาใต้เท้าหลายคนมาเที่ยวเล่นที่นี่เจ้าค่ะ”
“เซวียนอ๋อง…” มู่ซืออวี่หันกลับไปมองลู่จื่ออวิ๋น
ลู่จื่ออวิ๋นรีบกล่าว “ท่านแม่ ข้าเหนื่อยแล้วจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเจ้าค่ะ”
ในฐานะเจ้าของที่นี่ แน่นอนว่าคนสกุลลู่ย่อมมีห้องของตนโดยเฉพาะ
เห็นได้ชัดว่าลู่จื่ออวิ๋นต้องการหลบเลี่ยงฟ่านเหยี่ยน อย่างไรเสียหากฟ่านเหยี่ยนได้เกาะติดคนแล้วเขาย่อมเกาะติดไม่ยอมปล่อย
มู่ซืออวี่รับคำ “ไปเถอะ”
ระยะนี้วังหลวงกำลังจัดหาพระชายาให้ฟ่านเหยี่ยน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้มีใจต่อฟ่านเหยี่ยน ถึงแม้นางจะมีใจ ในเวลาเช่นนี้นางก็ยังคงต้องหลีกเลี่ยง
ฟ่านเหยี่ยนพาใต้เท้าหลายคนมาเที่ยวเล่นที่นี่ หลังจากจัดเตรียมที่ทางให้ใต้เท้าเหล่านั้นแล้ว เขาจึงเอ่ยถามบ่าวรับใช้ทันทีว่าลู่จื่ออวิ๋นอยู่ที่ใด
เซี่ยชิงโจวนั่งอยู่ตรงหน้าต่าง เขาเอ่ยกับเซี่ยเฉิงจิ่นซึ่งอยู่ไม่ไกล “เซวียนอ๋องเป็นผู้ลุ่มหลงในความรักจริง ๆ ท่านดูความหลงใหลที่เขามีต่อแม่นางสกุลลู่สิ ข้าเกือบจะซาบซึ้งใจแล้ว”
“อย่าได้พูดจาส่งเดช” เซี่ยเฉิงจิ่นเหลือบมองสหายและกล่าวตักเตือน
“ข้าเพียงแค่พูดกับท่าน ข้าไม่กล้าออกไปพูดข้างนอกหรอก ไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นการทำลายชื่อเสียงของแม่นางคนนั้นหรือ?” เซี่ยชิงโจวกล่าว
“ภายหน้าพวกเรามารวมตัวกันที่นี่เถอะ ที่นี่ช่างดีเหลือเกิน!” เจี่ยงหย่งหยางกินเนื้อย่างเสียบไม้พลางดื่มน้ำผลไม้ด้วยสีหน้าเบิกบานใจ
“หากเจ้าทำตามที่ข้าบอก แน่นอนว่าย่อมขาดเจ้าไม่ได้” เซี่ยเฉิงจิ่นกล่าวด้วยท่าทีนิ่งสงบ
“วางใจเถิดท่านซื่อจื่อ มีเมื่อไหร่กันที่ข้าจัดการเรื่องที่ท่านไหว้วานให้ทำไม่สำเร็จ?” เจี่ยงหย่งหยางกล่าวต่อ “ทว่า… จากที่ข้าดู สถานะของจวนอู่อันโหวของท่านมั่นคงจนแทบไม่อาจคลอนแคลนแล้ว เหตุใดต้องวุ่นวายเช่นนี้ด้วย?”
“มีเพียงต้องแข็งแกร่งมากเท่านั้นจึงจะมั่นคง การมอบชีวิตเจ้าให้อยู่ในกำมือของผู้อื่นนั้นโง่เขลาที่สุด” เซี่ยเฉิงจิ่นกล่าวนิ่ง ๆ
เซี่ยชิงโจวเห็นด้วย
ฟ่านเหยี่ยนตามหาลู่จื่ออวิ๋นไปทั่ว ท้ายที่สุดเขาก็พบห้องของนาง ทว่าเขากลับไม่กล้าเคาะประตู ทำเพียงยืนอยู่นอกประตูห้องลู่จื่ออวิ๋นอย่างโง่เขลาเท่านั้น
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าเด็กใจร้ายคนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะไม่สนใจข้าจริง ๆ” น้ำเสียงของฟ่านเหยี่ยนดูเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง
เขาพิงตัวกับประตูแล้วกล่าวต่อ “ข้าบอกเสด็จแม่แล้วว่าตอนนี้ยังไม่อยากเลือกพระชายา นางบอกว่าจะไม่บังคับข้า ดังนั้นข้าไม่แต่งงานอย่างแน่นอน ข้าใคร่ครวญดูแล้ว ข้าจะรออีกสองสามปีจนกว่าเจ้าจะอายุมากพอแล้ว….”
แอ๊ด!
ลู่จื่ออวิ๋นเปิดประตูออกมามองฟ่านเหยี่ยนด้วยท่าทีจริงจัง “เซวียนอ๋อง ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นกับท่าน ท่านกระจ่างแก่ใจอยู่แล้วใช่หรือไม่?”
“เจ้ายังเด็ก ไม่รู้ว่าความรักระหว่างชายและหญิงคือสิ่งใด ข้าเข้าใจ ข้าไม่ได้บีบบังคับเจ้า ดังนั้นเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้กังวล อย่าได้รีบร้อนปฏิเสธข้า อีกไม่กี่ปีเจ้าอาจจะ…”
ลู่จื่ออวิ๋นสั่นศีรษะ “ข้าไม่เข้าใจเรื่องราวระหว่างชายหญิง ทว่าข้ารู้ดีว่าข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นกับท่าน ข้าเห็นท่านพ่อท่านแม่ข้ารักกันทุกวัน ข้ารู้ว่าการชอบใครสักคนเป็นอย่างไร เซวียนอ๋อง ท่านเองก็อายุไม่น้อย ท่านถึงวัยแล้ว มารดาท่านต้องการให้ท่านแต่งงานเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หากท่านบอกนางว่าต้องการรอให้ข้าโต อันที่จริงนั่นจะเป็นการทำร้ายข้า”
ฉู่กุ้ยเฟยท่านนั้นคงเกลียดนางไปแล้วกระมัง
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าคิดเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?” ฟ่านเหยี่ยนก้มหน้าลง
“อืม”
“เอาละ ข้าเข้าใจแล้ว” ฟานเหยี่ยนจากไปด้วยความโกรธเคือง
ถึงแม้เขาจะชอบนาง แต่นั่นก็เป็นเพราะใบหน้านั้น
สำหรับบุตรหลานในราชวงศ์เช่นเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตกหลุมรักใครสักคนจนยอมทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีไป ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นเช่นนี้
เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?
ฟ่านเหยี่ยนกลับไปที่ห้องของตนด้วยความโกรธ
ใต้เท้าหลายคนมองหน้ากันด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสีหน้าของเซวียนอ๋อง หนึ่งในนั้นเป็นใต้เท้าที่เยาว์วัยคนหนึ่ง ดูจากท่าทีไม่ระมัดระวังของเขาแล้ว บางทีอาจไม่ใช่ขุนนางขั้นสูงอันใด
“เกิดอะไรขึ้นหรือเซวียนอ๋อง? ไยถึงโกรธเช่นนี้ หรือว่ามีผู้ใดไม่ลืมหูลืมตาทำให้ท่านขุ่นเคืองเอา ไม่สู้ข้าน้อยไประบายโทสะแทนท่านเป็นอย่างไร?”
“ได้ยินว่าที่บ้านเจ้ามีภรรยาและสนมห้าคน” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยถาม “สตรีเหล่านั้นเต็มใจที่จะอยู่กับเจ้าจริงหรือ?”