สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 559 ลูกเอ๋ย แม่มาหาเจ้าแล้ว

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 559 ลูกเอ๋ย แม่มาหาเจ้าแล้ว

บทที่ 559 ลูกเอ๋ย แม่มาหาเจ้าแล้ว

หน้าประตูเรือนกรุ่นฝันมีหญิงชราในสภาพกระเซอะกระเซิงนั่งอยู่ โดยมีกลิ่นเหม็นฉุนโชยออกมาจากตัวนาง

เมื่อผู้คนที่ผ่านไปมาเห็นนาง ต่างก็หลบลี้หนีห่าง

ลูกค้าที่เดิมทีคิดจะเข้าไปในเรือนกรุ่นฝัน พอเห็นการมีอยู่ของสิ่งอัปมงคลนี้ พวกเขาต่างก็หมุนตัวกลับไปเข้าร้าน ‘เพียงหนึ่งเดียว’ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน

คนงานเห็นลูกค้าหลายคนจู่ ๆ เปลี่ยนทิศทางเช่นนี้จึงออกไปดู และเห็นขอทานชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าประตู

“นี่เงินห้าอีแปะ เจ้าไปที่อื่นเสีย อย่ามาบังหน้าร้านพวกเรา” คนงานคนนั้นโยนเงินห้าอีแปะไปตรงหน้าขอทานชรา

ขอทานชราเก็บเงินขึ้นมาแล้วเอ่ยกับอีกฝ่าย “เจ้านายพวกเจ้าใช่แซ่มู่หรือไม่?”

“เจ้าจะทำอันใด?” คนงานผู้นั้นมองนางอย่างหวาดระแวง

สัญลักษณ์เรือนกรุ่นฝันโด่งดังเพียงนี้ การที่นางรู้ว่าเจ้านายของพวกเขาแซ่มู่ไม่ได้แปลกอันใด ทว่าคนผู้นี้มีพิรุธ อีกทั้งยังมาสอบถามเกี่ยวกับเจ้านายของพวกเขา จะไม่ให้หวาดระแวงได้อย่างไร

“ข้ามาหาคน” ขอทานชราเอ่ย “ลูกสาวของข้านามว่าอันอวี้ นางแต่งงานกับเซี่ยคุนที่ทำงานให้เจ้าของร้าน เจ้านายของพวกเจ้าอยู่ที่ใด? ข้าอยากพบลูกสาวของข้า”

มู่ซืออวี่เพิ่งกลับมาจากกองคาราวานของสกุลฉิน นางหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความกังวล ก่อนจะหาร้านน้ำเต้าหู้แห่งหนึ่งแล้วนั่งลงทานเต้าฮวย

“เหตุใดน้ำจึงเข้าได้?” จื่อซูเอ่ยขึ้น

“เรือทั้งลำมีน้ำเข้า สินค้าทั้งหมดบนเรือล้วนใช้การไม่ได้” จื่อซูเอ่ย “กองคาราวานของสกุลฉินไม่เพียงส่งแต่ไม้ แต่ยังมีสิ่งอื่นส่งมาด้วย เหตุใดมีเพียงเรือลำนี้ที่น้ำเข้า?”

“หรือว่าจะมีปัญหา?” จื่อเยวี่ยนเอ่ยถาม

“มีปัญหาหรือไม่ กองคาราวานของสกุลฉินย่อมต้องตรวจสอบ ตอนนี้พวกเราต้องคิดหาวิธีทดแทนสินค้าชุดนี้ก่อน” มู่ซืออวี่เอ่ย “วัสดุชุดนี้หาได้ยากยิ่ง สกุลฉินช่วยข้าหาอยู่นานกว่าจะพบมัน กลับเกิดปัญหาขึ้นระหว่างทาง ในเวลาสั้น ๆ นี้คงหาสินค้าชุดใหม่ไม่ได้ง่าย ๆ แต่อย่างไรก็ต้องหามา ไม่เช่นนั้นค่ายกเลิกสัญญาซื้อขายคงต้องสูงเทียมฟ้าเป็นแน่”

“หากเถ้าแก่ฉีอยู่ที่นี่คงดี” จื่อซูเอ่ย “เมื่อก่อนท่านลำบากอันใดเขาก็จะช่วยเหลือ”

“ไม่เช่นนั้น ฮูหยินไปถาม ‘ร้านเพียงหนึ่งเดียว’ ดีหรือไม่เจ้าคะ? เจ้าของร้านตอนนี้ดูพูดคุยได้ง่ายทีเดียว” จื่อเยวี่ยนเอ่ย

มู่ซืออวี่ลังเลใจไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ทานเต้าฮวยก่อนเถอะ เรื่องนี้ค่อยว่ากันทีหลัง พวกเราจะต้องหาทางออกได้แน่นอน”

นางยังคงตั้งใจจะส่งคนไปสอบถามรอบ ๆ ว่าพอจะมีแหล่งสินค้าหรือไม่ หากไม่มีแหล่งสินค้าค่อยว่ากัน

“ฮูหยิน…” ขณะที่จื่อเยวี่ยนกำลังทานเต้าฮวย นางเงยหน้าขึ้นมาเห็นคนงานในร้านกำลังวิ่งผ่านทางไปพอดี จึงเอ่ยขึ้น “นั่นจางเฉียงไม่ใช่หรือเจ้าคะ? เหตุใดเขาจึงดูร้อนรน? บ่าวจะไปถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น?”

จื่อเยวี่ยนไล่ตามเขาไป ไม่นานก็พาจางเฉียงกลับมา

“ฮูหยิน หน้าร้านเรามีขอทานชราคนหนึ่งขอรับ นางกล่าวว่านางเป็นแม่ยายของนายท่านเซี่ย ผู้น้อยเดิมทีกำลังจะไปที่บ้านสกุลเซี่ยหาฮูหยินเซี่ยขอรับ”

“ไม่ต้องไปหานาง ข้าจะไปดูพร้อมเจ้า” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “หากเป็นนางจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องพานางไปหาฮูหยินเซี่ย ฮูหยินเซี่ยกำลังพักฟื้นร่างกาย”

หากเป็นอวี้ซื่อจริง ๆ เช่นนั้นก็พานางไปหาอันอี้หางก็พอแล้ว เหตุใดต้องไปพบอันอวี้?

ตั้งแต่อันอวี้แต่งงานออกจากบ้านมาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับนางแล้ว

เมื่อมู่ซืออวี่กลับมา ขอทานชรายังคงอยู่ที่ประตู อย่างไรเสียหากไม่รู้ตัวตนของนาง ก็ไม่อาจเชิญนางเข้าไปได้

“แม่ฉาวอวี่…” อวี้ซื่อพุ่งเข้ามาหา

ทว่าจื่อซูกลับหยุดนางไว้

อวี้ซื่อเปิดผมที่ปิดบังใบหน้าตนขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าชรา “ข้าเอง แม่อันอวี้ จำได้หรือไม่?”

“จำได้ แต่ท่านมาหาลูกชายของท่านกระมัง?” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้าจะให้คนพาท่านไปส่งที่นั่น”

“อันอวี้ นาง…” อวี้ซื่อใบหน้าแข็งค้าง

แน่นอนว่านางมาหาลูกชาย แต่ในเมื่ออันอวี้แต่งงานให้เซี่ยคุนแล้ว ชีวิตของสกุลลู่ดีเพียงนี้ ชีวิตของอันอวี้จะต้องดีมากเป็นแน่ บัดนี้นางมาถึงที่นี่แล้ว อันอวี้คงไม่อกตัญญูต่อนางกระมัง?

มู่ซืออวี่ไม่สนใจอวี้ซื่อ เพียงแค่สั่งให้คนพานางไปที่บ้านอันอี้หางทันที

ด้วยสภาพของนางในตอนนี้ หากไม่มีคนนำทาง แม้นางจะหาบ้านของอันอี้หางเจอก็เกรงว่าจะเข้าไปไม่ได้

ได้ยินอันอวี้กล่าวว่าสตรีที่อันอี้หางแต่งงานด้วยพอมีรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ นางซื้อบ้านสามทางเข้าสามทางออกหลังหนึ่งไว้ในเมืองหลวง อีกทั้งที่บ้านยังมีสาวใช้ด้วย ชีวิตดูไม่เลวทีเดียว

“เอาละ ทำงานต่อเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งเดินออกมาจาก ‘ร้านเพียงหนึ่งเดียว’ ชายหนุ่มผู้นั้นสวมใส่ชุดคลุมสีน้ำเงิน ศีรษะประดับกวานหยก บนใบหน้าอ่อนโยนนั้นแต้มรอยยิ้มบาง ๆ ทำให้คนรู้สึกราวกับสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ

เมื่อมู่ซืออวี่เห็นเขา นางลังเลใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเดินเข้าไปหา

“เถ้าแก่หร่วน”

“เถ้าแก่เนี้ยมู่ มีอันใดหรือ?”

“ไม่ทราบว่าน้องชายท่าน… หมู่นี้สบายดีหรือไม่?”

หร่วนจวินโจวให้ผู้ติดตามด้านหลังเขาขนของขึ้นรถม้า แล้วเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “เถ้าแก่เนี้ยมู่มีเรื่องอันใดกระมัง? ไม่สู้บอกข้าแทนดีกว่า น้องชายของข้าผู้นั้นติดเล่นเกินไป คงไม่กลับมาเร็ววันนี้”

“เช่นนั้นก็ได้ ข้าขาดไม้อยู่ชุดหนึ่ง ไม่รู้ว่าเถ้าแก่หร่วนมีแหล่งค้าไม้แนะนำหรือไม่?”

“นี่ง่ายดายนัก สกุลหร่วนเราทำกิจการนี้มาเป็นเวลานานแล้ว ไม่เคยขาดแหล่งจัดหาไม้” หร่วนจวินโจวเอ่ย “พวกเรามีสินค้าชุดหนึ่งเพิ่งมาถึงพอดี เมื่อสินค้าชุดนั้นมาถึง พวกเราจะมอบให้ท่าน”

“จริงหรือ?”

“แน่นอน คำพูดของสุภาพชนเอ่ยแล้วไม่อาจบิดพลิ้ว หากท่านยังต้องการสิ่งใดอีก เพียงแค่บอกข้า ข้ารับปากว่าจะส่งให้ท่านภายในห้าวัน” หร่วนจวินโจวเอ่ย “เมื่อก่อนน้องชายข้าเคยเอ่ยว่าเขาและเถ้าแก่เนี้ยมู่มีสัมพันธไมตรีต่อกัน เพียงแต่เถ้าแก่เนี้ยมู่ยุ่งถึงเพียงนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะได้ทานอาหารกับท่านสักมื้อ”

“เถ้าแก่หร่วนช่วยข้าไว้มาก ถึงอย่างไรข้าต้องเลี้ยงท่านสักมื้อแน่นอน” มู่ซืออวี่กล่าว

“เช่นนั้นข้าจะเฝ้ารอ” หร่วนจวินโจวเอ่ย “ต้องขอตัวก่อนแล้ว ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการ ไว้มีโอกาสจะไปดื่มกับเถ้าแก่เนี้ยมู่วันหลัง”

“เชิญเถิด”

หลังจากจัดการเรื่องไม้ได้แล้ว มู่ซืออวี่ก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อย

“ดียิ่งนัก ในที่สุดก็จัดการปัญหาใหญ่ได้แล้ว” จื่อซูเอ่ย “วันนี้โชคดีจริง ๆ”

“หากเป็นเช่นนี้ การมี ‘ร้านเพียงหนึ่งเดียว’ อยู่ตรงข้ามก็ไม่มีอันใดไม่ดี” จื่อเยวี่ยนเอ่ย “ฮูหยิน ตอนนี้ไม่กังวลแล้วกระมังเจ้าคะ?”

“กังวลสิ เหตุใดจะไม่กังวล? ข้าจะไปหาอันอวี้” มู่ซืออวี่เอ่ย “มารดาสมองมีปัญหาผู้นั้นของนางมาที่นี่ ข้าต้องไปเตือนนางหน่อย นางจะได้ไม่ต้องตกหลุมพรางอีก”

เมื่ออันอวี้ได้รู้ข่าวนี้ นางรู้สึกตกใจอยู่บ้างจริง ๆ

นางจิบน้ำแกงเข้าไปหนึ่งคำ หลังจากจับต้นชนปลายได้แล้วก็รู้สึกสับสน

“ข้าไม่ได้นึกถึงนางนานเท่าใดแล้วนะ?”

“เช่นนี้ไม่ดีหรือ? ถึงอย่างไรนางก็มีเพียงพี่ชายเจ้าอยู่ในสายตา” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้นมา “ครั้งนี้เจ้าคงไม่โง่เขลาปล่อยให้นางรังแกเจ้าอีกกระมัง? ตอนนี้เจ้ามีคนเป็นที่พึ่งพิงแล้ว”

“วางใจเถิด ข้าจะไม่คิดถึงผู้อื่นแล้ว ข้ายังต้องคิดถึงเสี่ยวอันไม่ใช่หรือ?” อันอวี้เอ่ย “ท่านพี่ข้าคงไม่อยู่บ้าน นางมาเวลานี้ อีกทั้งยังแต่งกายเช่นนั้น พี่สะใภ้ของข้า…”

“ข้ายังไม่เคยพบพี่สะใภ้ของเจ้าเลย นางเป็นอย่างไรหรือ?”

“นางหรือ…” อันอวี้ขมวดคิ้ว “ข้ามักจะรู้สึกว่าพี่ชายของข้าผิดปกติไป ทว่า ข้าไม่ค่อยได้พบพี่สะใภ้ บางทีอาจเป็นเพราะข้าไม่คุ้นเคยกับนาง จึงได้รู้สึกแปลก ๆ กระมัง!”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท