ที่บนแท่นผู้ชม เสียงโห่ร้องของผู้คนมากมายดังก้องไปทั่วสารทิศ
สำหรับผู้ชมทั่วไปนั้น พวกเขาไม่สนใจว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะการประลอง สิ่งที่พวกเขาต้องการคือ การได้เห็นการปะทะอันดุเดือดแสนเร้าใจ
ที่พวกเขายอมเสียเงินมากมายเข้ามาดู ก็เพราะอยากเห็นโลหิตที่สาดกระจาย!
เพราะงั้นเมื่อเห็นว่าในที่สุดหลิงฮันก็ได้รับบาดเจ็บและมีโลหิตไหลออกมา ความตื่นเต้นของเหล่าผู้ชมจึงพุ่งสูงถึงขีดสุด
“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!” ใครบางคนถึงขนาดดวงตากลายเป็นสีแดงฉาน และแสดงท่าทีโหดเหี้ยมที่ยิ่งกว่าจ้าวชิงเฟิงออกมา
ซุนตงก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาตะโกนส่งเสียงโห่ร้อง ในขณะที่แกว่งมือทั้งสองข้างไปมา
‘เพี๊ยะ’Anchorหลู่เซียนหมิงตบหน้าอีกฝ่ายทันที
ร่างของซุนตงถูกตบจนหมุนรอบตัวหนึ่งรอบ ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสงสัย “นายน้อยหลู่ ท่านตบข้าทำไมกัน?”
หลู่เซียนหมิงเค้นเสียงเย็นชา ด้วยสถานะของเขาที่สูงส่งกว่า จำเป็นด้วยรึที่เขาต้องอธิบายเรื่องราวให้ผู้ติดตามที่ต่ำต้อยกว่าฟัง?
เจ้าที่ดูสถานการณ์ไม่ออก ยังมีคุณสมบัติจะมาเป็นผู้ติดตามคนสนิทของข้าอยู่อีกรึ?
ช่างโง่เง่านัก!
ในขณะเดียวกัน เฉิงเฟิงหยุนเองก็กำลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาต้องพบเจอความอัปยศมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเพราะหลิงฮัน ทั้งๆที่เขามีฐานะเป็นถึงนายน้อยของตระกูลเฉิง แต่กลับต้องมาแทะกินโต๊ะ ต้องตบหน้าตัวเอง แถมยังต้องหลบหนีการเดิมพันอีก
ทางด้านของธิดาโร๋วนั้น นางรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก และอดคิดไม่ได้ว่าทำไมบุรุษอันธพาลผู้นั้นถึงไม่รีบยอมแพ้ไปเสียที เขาไม่ถึงว่าตนเองจะถูกสังหารรึไง?
ไม่ใช่แค่นางเท่านั้น สตรีนกอมตะเองก็เริ่มวิตกกังวล ถึงแม้นางจะมั่นใจในพลังของหลิงฮันแค่ไหน แต่จ้าวชิงเฟิงผู้นี้ก็น่าสะพรึงกลัวเกินไป การโจมตีของอีกฝ่ายสามารถทำให้แม้แต่กายหยาบของหลิงฮันเกิดบาดแผลได้
“พี่ชาย หมอนั่นเริ่มต้านไม่ไหวแล้ว!” ซานเถี้ยนอู๋กล่าวอย่างตื่นเต้น
ถึงแม้เขาจะไม่ยุ่งกับหลิงฮันอีกตามคำสั่งของพี่ชาย แต่ก็ใช่ว่าความเกลียดชังที่มีต่อหลิงฮันจะหายไป
ซานเถี้ยนจิ่วยิ้มด้วยท่าทีนิ่งเฉย เพราะเขาคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว
จ้าวชิงเฟิงแข็งแกร่งขึ้นขนาดที่ ก่อนหน้านี้เขาสามารถกำราบผู้สืบทอดราชานิรันดร์ได้ภายในไม่กี่ลมหายใจ เพราะงั้นหลิงฮันที่น่าจะเป็นผู้สืบทอดราชานิรันดร์เช่นกัน ก็ย่อมต้องพ่ายแพ้ให้กับจ้าวชิงเฟิงเช่นกัน
การที่หลิงฮันสามารถรับมือมาได้นานสองนาน จนเพิ่งได้รับบาดเจ็บตอนนี้ ก็ถือว่าเกินคาดมากแล้ว
“จ้าวชิงเฟิง!”
“จ้าวชิงเฟิง!”
“จ้าวชิงเฟิง!”
เสียงโห่ร้องของเหล่าผู้ชม ดังสนั่นจนราวกับจะสั่นสะท้านไปถึงสวรรค์
จ้าวชิงเฟิงเผยรอยยิ้ม และชี้ปลายดาบไปยังหลิงฮัน “ในเมื่อเจ้าไม่มีสามารถช่วยขัดเกลาศาสตร์วรยุทธให้ข้าได้แล้ว จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร? ตายซะ!”
เขาคำรามและพุ่งโจมตีหลิงฮัน
“ฮึ่ม!” หลิงฮันคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด เขากวัดแกว่งดาบอสูรนิรันดร์พร้อมกับโคจรแก่นกำเนิดนิรันดร์ และปลดปล่อยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงออกมา
เนื่องจากก่อนหน้านี้เขามีความรู้สึกว่าจ้าวชิงเฟิงยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด เขาจึงโจมตีด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนี ซึ่งเป็นพลังที่อ่อนแอที่สุดของเขามาโดยตลอด
แต่ตอนนี้เมื่ออีกฝ่ายเผยไพ่ลับในมือออกมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่เขาจะแสดงพลังบางส่วนออกมาบ้างเช่นกัน
ตูม!
เมื่อดาบทั้งสองเล่มเข้าปะทะกัน คลื่นพลังอันทรงพลังของดาบก็ไหลทะลักไปทั่วสารทิศ
‘ครืนน’ ที่รอบด้านของลานประลอง รูปแบบอาคมของค่ายกลป้องกันค่อยๆปรากฏขึ้นมา เพื่อปิดทางไม่ให้คลื่นดาบเล็ดรอดออกไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้เหล่าผู้ชมอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ราวกับวิญญาณกำลังหลุดออกจากร่าง
แข็งแกร่ง! แข็งแกร่งอะไรอย่างนี้!
นี่ใช้พลังของระดับโลกียนิพพานจริงๆงั้นรึ?
ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดก็คือการที่หลิงฮันพลิกสถานการณ์เสียเปรียบกลับขึ้นมาได้ ร่างของเขาในตอนนี้ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงอันเกรี้ยวกราด ราวกับเทพดวงตะวันที่ส่องแสงเจิดจรัสไปทั่วยุทธภพ
ที่บนแท่นผู้ชม เหล่าปรมาจารย์ทุกคนต่างปิดปากเงียบ ทำให้บรรยากาศตกอยู่ในความสงบ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คนแคระที่ทักเปียเต็มหัวก็เอ่ยขึ้นมา “พลังของเจ้าหนูนั่น ยังอยู่ในระดับสามนิพพานสูงสุดเท่านั้น”
ถึงแม้พลังของหลิงฮันจะไม่อยู่ในสายตาของปรมาจารย์เหล่านี้ แต่การที่พลังต่อสู้ในระดับสามนิพพาน สามารถแข็งแกร่งเกือบจะเทียบเคียงกับระดับแบ่งแยกวิญญาณได้นั้น นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
ถ้าหากบรรลุระดับสี่นิพพาน เจ้าจะไม่ต่อกรกับนิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณได้เลยงั้นรึ?
“เป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลังเทียบเท่าระดับแบ่งแยกวิญญาณ ขนาดเอี๋ยนเซียนลู่ในระดับสี่นิพพานก็ยังไม่สามารถต่อสู้ทัดเทียมกับนิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณได้ เขาเพียงแค่ไร้เทียมทานในระดับโลกียนิพพานเท่านั้น” ปรมาจารย์ผู้หนึ่งเอ่ยแทรก “นอกเสียจากว่า…”
“จะบรรลุระดับห้านิพพาน!” ปรมาจารย์หลายคนเอ่ยพร้อมกัน
แต่หลังจากที่กล่าวประโยคนี้ออกมา พวกเขาทุกคนก็ต่างส่ายหัว เนื่องจากความเป็นไปได้ที่จะบรรลุระดับห้านิพพานนั้นเรียกว่า แทบจะเท่ากับศูนย์
“เหอๆ หากเจ้าไม่พอใจเจ้าหนูน้อยคนนั้นขนาดนั้น งั้นข้าก็จะขอรับเขาเป็นศิษย์เอง” คนแคระที่ทักเปียเต็มหัวกล่าว
ชายชราร่างสูงคนหนึ่งรีบเอ่ยแทรก “จิ้งจอกเฒ่าหู ข้าเองก็สนใจอยากรับเจ้าหนูนั่นเป็นศิษย์เหมือนกัน!”
“ส่วนข้าไม่ได้อยากรับเขาเป็นศิษย์ แต่ต้องการให้เขามาเป็นเขยของข้า!” ปรมาจารย์อีกคนกล่าว
ทันใดนั้น เหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายก็เริ่มทะเลาะกันทันที
….
“ฮ่าๆๆ นับว่าน่าสนใจไม่เลว!” จ้าวชิงเฟิงไม่ได้ตกตะลึงกับการโจมตีตอบโต้ของหลิงฮัน แต่เผยสีหน้าตื่นเต้นออกมาแทน พลังต่อสู้ของหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งพอที่จะ กระตุ้นความรู้สึกอยากสังหารภายใจจิตใจของเขา
“ตาย!” จ้าวชิงเฟิงคำรามและกวัดแกว่งดาบยาวในมือ ปราณดาบหลายร้อยล้านคลื่นถูกปลดปล่อยออกมา และกลืนกินพื้นที่ไปทั่วลานประลอง
ปราณดาบเหล่านี้คือการโจมตีที่ถูกควบแน่นขึ้นมาจากอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทองคำ และด้วยการที่มันเป็นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ควบคุมโดยนิรันดร์สี่นิพพาน พลังทำลายล้างของมันจึงน่าสะพรึงกลัวเกินกว่าจะจินตนาการ
‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ ปราณดาบทั้งหมดกระหน่ำพุ่งโจมตีพร้อมกันจากทุกทิศทาง จนมองไม่เห็นร่างของหลิงฮัน
“เจ้าหนูนั่นจะตายรึเปล่า?” ที่ด้านบนลานผู้ชม ทุกคนๆคนที่มองดูการประลองอยู่ต่างกลั้นหายใจเอาไว้ การประลองนัดสุดท้ายนี้ดุเดือดเกินไป จนพวกเขาลืมแม้กระทั่งหายใจ
ตูม!
เปลวเพลิงอันร้อนระอุระเบิดออกเป็นวงกว้าง และหลอมละหลายปราณดาบนับไม่ถ้วนจนสลายหายไป พร้อมกับปรากฏร่างของหลิงฮันที่ยังคงยืนแน่นิ่งไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
ฮึ่ม!
เหล่าผู้ชมสูดหายใจลึก หลิงฮันผู้นี้เป็นใครกันแน่? หรือแท้จริงแล้วอีกฝ่ายจะเป็นผู้สืบทอดขุมอำนาจราชานิรันดร์สักแห่ง ที่จงใจปกปิดสถานะของตนเองเอาไว้?
จ้าวชิงเฟิงหัวเราะลั่นและกวัดแกว่งดาบเข้าจู่โจม ความแข็งแกร่งของหลิงฮันทำให้จิตสังหารของเขาเดือดพล่านจนหยุดไม่อยู่