สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 565 เจ้าผิดหวังหรือ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 565 เจ้าผิดหวังหรือ

บทที่ 565 เจ้าผิดหวังหรือ

องค์หญิงใหญ่มองแม่นางน้อยสองคนตรงหน้าและสาวใช้ที่ถูกโยนลงบนพื้น ใบหน้าที่สงบนิ่งของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

วันนี้เป็นวันแต่งงานของเซวียนอ๋อง จู่ ๆ กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ ผู้ที่รับผิดชอบในการรับรองแขกฝ่ายหญิงอย่างนางยังจะยินดีได้อย่างไร?

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาตรวจสอบเรื่องนี้” สตรีที่อยู่ข้าง ๆ นางเอ่ย “นำตัวสาวใช้ผู้นี้ไปกักขังไว้ก่อน รอจนกระทั่งงานเลี้ยงเสร็จสิ้น พรุ่งนี้ค่อยตรวจสอบว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร?”

องค์หญิงใหญ่ระงับโทสะเอาไว้แล้วพยักหน้าเบา ๆ “เช่นนี้ดียิ่ง”

มู่ซืออวี่พาตัวลู่จื่ออวิ๋นไป

สายตาขององค์หญิงใหญ่จับจ้องอยู่ที่ลู่จื่ออวิ๋น

นางได้ยินฉู่กุ้ยเฟยเอ่ยถึงแม่นางลู่ผู้นี้ ได้ยินว่าเซวียนอ๋องชมชอบนางเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ได้พบหน้าแล้ว นิสัยของนางค่อนข้างดื้อดึงทีเดียว

เจี่ยงจือก็ถูกฮูหยินหรงพาไปแล้วเช่นกัน

หลังจากถูกเจี่ยงเฟิงหยางตักเตือน ฮูหยินหรงก็ไม่ได้จงใจสร้างปัญหาให้มู่ซืออวี่อีก ทว่าเมื่อนางเห็นเจี่ยงจือสร้างความลำบากให้ลู่จื่ออวิ๋นก็หาได้เข้าไปห้ามปรามไม่

ในความคิดของนาง เจี่ยงจือยังไม่โต แม้นางจะมีเรื่องอันใดกับลู่จื่ออวิ๋น นั่นก็เป็นเพียงเรื่องของ ‘เด็ก’ เท่านั้น หรือยังจะกล่าวโทษนางเรื่องนี้ได้อีก? นึกไม่ถึงว่าเจี่ยงจือจะก่อเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ตอนนี้นางตกที่นั่งลำบากแล้ว ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

ฟ่านเหยี่ยนกลับมาจากไปรับเจ้าสาวแล้ว

ทุกคนล้วนมามุงดูด้วยความครึกครื้น

ขั้นตอนต่อไปคือกราบไหว้ฟ้าดินในโถง

ฟ่านเหยี่ยนเห็นลู่จื่ออวิ๋นท่ามกลางฝูงชนอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางเปล่งประกายเกินไปหรือเป็นเพราะหัวใจของเขาอยู่ที่นางกันแน่ ทั้งที่ไม่รู้ว่านางอยู่ที่ใด แต่กลับมองเห็นได้เพียงปราดเดียวเท่านั้น

ลู่จื่อออวิ๋นเห็นฟ่านเหยี่ยนเริ่มทำอะไรโง่ ๆ อีกครั้ง สี่เหนียง*[1] ตะโกน ‘หนึ่งคำนับฟ้าดิน’ ขึ้นถึงสองครั้ง ทว่าเขากลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ลู่จื่ออวิ๋นขมวดคิ้วแล้วออกจากโถงจัดงานแต่งไป

เมื่อนางออกมา ก็เห็นเซี่ยเฉิงจิ่นอีกครั้ง

ตอนนี้ทุกคนล้วนอยู่ในโถงจัดงานแต่ง ข้างนอกจึงดูร้างผู้คน

ลู่จื่ออวิ๋นนึกถึงลูกดอกเมื่อครู่นี้ขึ้นมา นางจึงเดินไปหาเซี่ยเฉิงจิ่น

“ท่านซื่อจื่อ”

เซี่ยเฉิงจิ่นได้ยินเสียงนั้นจึงหมุนตัวกลับมา

“เหตุใดเจ้าจึงออกมาแล้ว?”

“ข้างในคนมากเกินไป ข้ารู้สึกเบื่อเล็กน้อย” สิ่งสำคัญที่สุดคือสายตาของฟ่านเหยี่ยนนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง นางกังวลว่าเขาจะเป็นบ้าขึ้นมากะทันหันแล้วหนีจากพิธีแต่งงานไปก่อน

เซี่ยเฉิงจิ่นมองไปรอบ ๆ แล้วชี้ไปยังศาลาซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป “อยากไปนั่งตรงนั้นหรือไม่?”

ตรงนี้สะดุดตายิ่ง อาจจะดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ง่าย ๆ

เขาไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งใด ทว่านี่จะไม่เป็นการดีต่อชื่อเสียงของแม่นางน้อย

“ท่านซื่อจื่อ ท่านขว้างลูกดอกเป็นหรือ?”

เซี่ยเฉิงจิ่นเหลือบมองนาง “ไม่เป็น”

“อ้อ”

“ข้าขว้างลูกดอกไม่เป็น เจ้าผิดหวังมากหรือ?”

ลู่จื่ออวิ๋นหัวเราะออกมา “จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร? เพียงแต่เมื่อครู่นี้มีวีรบุรุษช่วยข้าเอาไว้ ข้าจึงอยากขอบคุณเขา”

“เจ้าคิดว่าวีรบุรุษผู้นั้นเป็นข้าหรือ?”

“ข้าเพียงแค่เห็นท่านซื่อจื่อผ่านไปพอดี ดังนั้นจึงลองสอบถามดู”

“ข้าขว้างลูกดอกไม่เป็น แต่… ผู้ติดตามข้าขว้างเป็น” เซี่ยเฉิงจิ่นกล่าวนิ่ง ๆ “เจ้าคิดจะขอบคุณเขาอย่างไร?”

“หมายความว่า เมื่อครู่นี้ท่านซื่อจื่อช่วยข้าไว้จริง ๆ หรือ?”

“ผู้ติดตามของข้าต่างหาก”

“หากไม่ใช่เพราะท่านซื่อจื่อ ผู้ติดตามของท่านคงไม่บุ่มบ่ามลงมือกระมัง”

มุมปากของเซี่ยเฉิงจิ่นยกขึ้น “นับว่าเป็นเช่นนั้นกระมัง!”

“เช่นนั้น ข้าต้องขอบคุณท่านซื่อจื่อเป็นอย่างยิ่งแล้ว อย่างไรเสียครั้งนี้ท่านซื่อจื่อก็ช่วยชีวิตข้าเอาไว้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย

“ภายหน้าเจ้าหาคนติดตามข้างกายเจ้าเพิ่มสักสองคนเถิด เจ้ามีคนเกลียดชังมากมายเพียงนี้ เรื่องเช่นนี้ภายหน้าจะต้องเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยด้วยท่าทีนิ่งสงบ

ฟ่านเหยี่ยนไม่เห็นลู่จื่ออวิ๋นจึงยอมเข้าห้องหอไปแต่โดยดี หลังจากเข้าห้องหอไปแล้ว เขาก็ยกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกด้วยไม้ที่ใช้ในพิธีแต่งงาน

ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมเจ้าสาวนั้นจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ทว่าไม่ได้โดดเด่นอันใด ถึงแม้นางจะผัดแป้งแต้มชาดแล้ว รูปโฉมของนางก็ยังคงธรรมดา

แววตาของฟ่านเหยี่ยนยังคงนิ่งสงบ

เขาได้พบกับคุณหนูรองหยางแล้วและรู้ว่าหน้าตานางเป็นเช่นไร แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยตั้งตารอ ในเมื่อไม่ได้คาดหวัง แน่นอนว่าย่อมไม่มีความผิดหวัง

หยางอีเหรินมองฟ่านเหยี่ยนด้วยท่าทีขัดเขิน

“ท่านพี่ กลับมาเร็ว ๆ นะเจ้าคะ”

ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยนิ่ง ๆ “เจ้าทานอาหารเถอะ หากง่วงก็นอนก่อนเลย”

หยางอีเหรินขมวดคิ้ว

คำพูดของฟ่านเหยี่ยนฟังดูแล้วเหมือนใส่ใจนาง ทว่า…

มีที่ใดให้เจ้าสาวนอนก่อนกัน?

นางมองฟ่านเหยี่ยน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกใจไม่สงบขึ้นมา

บนใบหน้าของฟ่านเหยี่ยนไม่มีความยินดีแม้แต่น้อย ผู้ไม่รู้คงคิดว่าเขาถูกบังคับให้แต่งงานแล้ว

หยางอีเหรินแสดงสีหน้านิ่งสงบออกมาแล้วเอ่ยว่า “ข้าจะรอให้ท่านพี่กลับมา”

ฟ่านเหยี่ยนสาวเท้าออกไปจากห้องหอ

หัวใจของหยางอีเหรินนหนักอึ้งอีกครั้ง

สีหน้าเช่นนั้นของฟ่านเหยี่ยน บ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่พึงใจนาง

นางรู้ว่าตนเองไม่ใช่คนหน้าตางดงามชวนตกตะลึง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ทำให้เขารังเกียจเช่นนี้กระมัง?

ฟ่านเหยี่ยนสาละวนอยู่ท่ามกลางกลุ่มขุนนางบุ๋นบู๊ รับคารวะสุราจากทุกคนที่เข้ามา เห็นได้ชัดว่ามีคนที่ถูกจัดเตรียมไว้มาดื่มแทนเขาแล้ว ทว่าทุกครั้งฟ่านเหยี่ยนกลับดึงดันที่จะดื่มเอง คนเหล่านั้นที่คิดจะห้ามปรามไม่ให้เขาดื่มมากเกินไปจึงทำอะไรไม่ได้

ในคราแรกทุกคนล้วนส่งเสียงครึกครื้น แต่ไม่นานก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

นี่ไม่ใช่การดื่มสุรามงคล กลับดูเหมือนการดื่มสุราย้อมใจ จงใจมอมให้ตนเองเมามายเสียมากกว่า

ฟ่านเหยี่ยนเดินหาไปทั่ว แต่กลับไม่พบลู่จื่ออวิ๋น

อย่างไรก็ตาม เขาเป็นบุรุษ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไปดื่มที่โต๊ะของสตรี

ลู่จื่ออวิ๋นตามมู่ซืออวี่กลับบ้านไปก่อนแล้ว

งานแต่งของเซวียนอ๋องอย่างไรก็ต้องเขาร่วม ขอเพียงแค่นางปรากฏตัวก็ไม่มีผู้ใดว่านางได้ ทว่าอาหารที่นั่นไม่ชวนให้อยากกินจริง ๆ นางจึงออดอ้อนขอให้มู่ซืออวี่พากลับก่อน อย่างไรเสียความสนใจของทุกคนล้วนอยู่ที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ไม่มีทางมาใส่ใจว่าผู้ใดกลับจวนก่อน

หลังจากกลับมายังจวน มู่ซืออวี่ทำบะหมี่หม้อหนึ่งเป็นอันดับแรก สองแม่ลูกเติมท้องของตนให้อิ่มหนำ

ตอนที่ลู่อี้กลับมาค่อนข้างดึกแล้ว

มู่ซืออวี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เขาฟัง

ในตอนแรกลู่อี้ดื่มมามากจึงเมาเล็กน้อย ทว่าเมื่อได้ยินเรื่องนี้ สายตาของเขาพลันเต็มไปด้วยจิตสังหาร

“ดูเหมือนจะมีคนไม่จดจำบทเรียน”

“พรุ่งนี้พวกเราต้องไปที่จวนเซวียนอ๋อง”

“เจ้ารอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน” ลู่อี้เอ่ย “ข้าจะไปดูเอง”

“ได้”

ณ จวนเซวียนอ๋อง ฟ่านเหยี่ยนดื่มสุราไปไม่น้อย ขนาดมีบ่าวรับใช้คอยพยุงยังไม่อาจเดินได้อย่างมั่นคง เขาโงนเงนไปมา มองสิ่งใดล้วนสั่นไหวทั้งสิ้น

ตุ้บ!

ฟ่านเหยี่ยนล้มลงบนพื้น

“ท่านอ๋อง ท่านไม่เป็นไรนะขอรับ?” บ่าวรับใช้ช่วยพยุงฟ่านเหยี่ยนขึ้นมา

ฟ่านเหยี่ยนกอดเสาเอาไว้ แล้วพูดกับเสาต้นนั้น “เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าใจร้ายเหลือเกิน!”

บ่าวรับใช้ไม่อาจดึงตัวฟ่านเหยี่ยนขึ้นมาได้ เขาเห็นสาวใช้คนหนึ่งผ่านมาจึงตะโกนเรียกนาง “แม่นางตรงนั้นน่ะ เจ้ารีบเข้ามาช่วยข้าเร็วเข้า!”

จ้าวอวิ๋นซวงเดินมาหา เมื่อเห็นฟ่านเหยี่ยน จึงรีบเข้าไปช่วยพยุงเขา

ฟ่านเหยี่ยนมองจ้าวอวิ๋นซวงแล้วตกตะลึงไปชั่วขณะ

“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์”

จ้าวอวิ๋นซวงช่วยพยุงฟ่านเหยี่ยนขึ้นมา “ท่านอ๋อง ข้าจะพาท่านกลับไปที่ห้อง”

“ข้าไม่กลับห้อง ข้าจะไปหาเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์!”

“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์รอท่านอยู่ในห้องเจ้าค่ะ!”

“จริงหรือ?”

“จริงเจ้าค่ะ”

ฟ่านเหยี่ยนตามจ้าวอวิ๋นซวงไป

เมื่อเห็นห้องหออยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มพลันได้สติขึ้นมาเล็กน้อย เขากอดเสาข้าง ๆ ไว้อีกครั้ง “ในนั้นไม่มีเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้หลอกข้า”

“ท่านอ๋อง หวางเฟยยังรอท่านอยู่นะเจ้าคะ!” จ้าวอวิ๋นซวงเอ่ย

“หวางเฟย… หวางเฟยบ้าบออะไรกัน?” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยวาจาเหยียดหยาม

เมื่อเห็นฟ่านเหยี่ยนเป็นเช่นนี้ จ้าวอวิ๋นซวงรู้ดีว่าหากพาเขากลับไปห้องหอคงไม่ดีนัก

นางเอ่ยกับบ่าวรับใช้ข้างกาย “รอให้ท่านอ๋องสร่างเมาก่อนเถอะ! ไม่เช่นนั้นกลับห้องหอไปเช่นนี้ หวางเฟยคงไม่ยินดีเป็นแน่”

[1] สี่เหนียง เป็นสตรีที่เชี่ยวชาญเรื่องมารยาทในพิธีการต่าง ๆ ที่ครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าวจ้างมาเมื่อจัดพิธีแต่งงาน หน้าที่รับผิดชอบหลักคือชี้แนะและตระเตรียมพิธีการในงานแต่ง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท