บทที่ 583 เหมาะสมกันตรงไหน
บทที่ 583 เหมาะสมกันตรงไหน
ชิงเหอจวิ้นจู่ขวยเขินอยู่เป็นนาน ทว่าเซี่ยเฉิงจิ่นกลับไม่มองนางแม้แต่น้อย
เขาหันไปมองลู่จื่ออวิ๋นแล้วเอ่ยนิ่ง ๆ “คุณหนูลู่ แม่นมทางนั้นดูเหมือนจะกำลังตามหาเจ้า”
ลู่จื่ออวิ๋นหันกลับไปมองจึงเห็นว่ามีแม่นมเฒ่าคนหนึ่งอยู่ไม่ไกลจริง ๆ แต่นางดูไม่เหมือนกำลังมองหาใครสักคนอยู่ ทว่าลู่จื่ออวิ๋นเข้าใจความหมายเซี่ยเฉิงจิ่นอย่างรวดเร็ว
นี่ก็เพื่อพานางออกจากเรื่องยุ่งยากของชิงเหอจวิ้นจู่
“ขอบคุณท่านซื่อจื่อที่เอ่ยเตือน” ลู่จื่ออวิ๋นค้อมคำนับ แล้วหมุนตัวกลับเดินไปทางแม่นมเฒ่า
ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของเซี่ยเฉิงจิ่นดังขึ้นมาจากด้านหลัง “จวิ้นจู่ วันนี้ตอนออกจากจวน ท่านลืมทานยาหรือไร? ถ้อยคำและการกระทำเมื่อครู่นี้ของท่าน แม้แต่หญิงโสเภณียังไม่อาจทำได้ ท่านเป็นถึงเป็นเชื้อพระวงศ์ กระทำเรื่องไร้ซึ่งความละอายใจเช่นนี้ออกมา ผู้ใดทำให้ท่านหลงผิดและคิดว่าซื่อจื่อผู้นี้เหมาะกับท่านกัน?”
สีหน้าของชิงเหอจวิ้นจู่แปรเปลี่ยนฉับพลัน “ท่านซื่อจื่อ ข้าจวิ้นจู่ผู้นี้เพียงแค่กล้าพอที่จะเอื้อนเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา เหตุใดข้าถึงได้กลายเป็นคนไร้ยางอายไปแล้ว?”
“หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น แน่นอนว่าย่อมไม่มีผู้ใดกล่าววาจาเช่นนี้กับท่าน หากคนเหล่านั้นได้รับความโปรดปรานจากจวิ้นจู่ผู้สูงศักดิ์คงประจบเอาใจท่านน่าดู เสียดายที่ข้าไม่ได้ชมชอบท่าน จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่คุ้นชินกับนิสัยไม่ดีของท่าน” เซี่ยเฉิงจิ่นยิ้มหยัน “หากครั้งหน้าท่านไปพูดเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ข้างนอก แล้วข้าได้ยินเข้า เช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิข้าที่จะกล่าวอะไรสักสองสามคำหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท”
“ท่านคิดจะทำอะไร?” ชิงเหอจวิ้นจู่กลืนน้ำลาย
เซี่ยเฉิงจิ่นหน้าตาดีจริง ๆ
แม้ว่าจะเป็นการยิ้มเย้ยอย่างยโสโอหัง เป็นรอยยิ้มที่สื่อว่านางไม่อยู่ในสายตา แต่ชิงเหอจวิ้นจู่ก็ไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย
นางรู้ว่านี่ไม่ถูกต้อง
ในเมืองหลวงแห่งนี้ มีบุรุษมากมายให้นางเลือก ขอแค่เพียงนางพึงใจก็สามารถส่งแม่สื่อไปถึงประตูบ้านเพื่อสู่ขอได้ในทันที
ยกเว้นเพียงเซี่ยเฉิงจิ่น
อาจเป็นเพราะความพิเศษนี้ นางจึงได้หมกมุ่นอยู่กับเขา บุรุษอื่นนางล้วนไม่พึงใจ
“ข้าไม่ทำอันใดมากหรอก” เซี่ยเฉิงจินเอ่ยอย่างเย็นชา “เพียงแค่จะขอให้ฝ่าบาทเตรียมการแต่งงานของท่านให้เร็วขึ้นหน่อย จะได้ไม่ขวางหูขวางตาของซื่อจื่อผู้นี้เท่านั้น”
“ซื่อจื่อ พวกเราไปกันเถอะ!” เซี่ยชิงโจวกล่าว “ทางโอวหยางลั่วยังรอให้ท่านไปหาอยู่นะ! ข้าคิดว่าเขาต้องการทำอะไรบางอย่าง”
“อืม” เซี่ยเฉิงจิ่นเดินไปทางเซี่ยชิงโจว
เซี่ยชิงโจวเหลือบมองชิงเหอจวิ้นจู่และลอบหัวเราะเบา ๆ “ท่านไม่เห็นสีหน้าของจวิ้นจู่น้อยผู้นั้น นางสามารถเปิดโรงย้อมผ้าได้เชียวละ ท่านโหดร้ายเสียจริง เอาหน้าตาของบุตรสาวผู้สูงศักดิ์ปาลงพื้นแล้วเหยียบย่ำไม่พอ แต่ยังบดขยี้หน้านางแหลกละเอียดจนต่อไม่ติด”
“นางยังต้องการหน้าตาอยู่อีกหรือ?” เซี่ยเฉิงจิ่นกล่าวด้วยท่าทีไม่แยแส “นับตั้งแต่เอ่ยถ้อยคำไร้ยางอายเหล่านั้นออกมา นางก็ไม่เหลือหน้าตาอันใดแล้ว”
ชิงเหอจวิ้นจู่เฝ้ามองแผ่นหลังของเซี่ยเฉิงจิ่นค่อย ๆ เลือนหายไป นางกระทืบเท้าด้วยความโมโห
นางไม่มีวันยอมแพ้!
ลู่จื่ออวิ๋นกลับไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยง จากนั้นจึงเอ่ยทักทายบุตรสาวผู้มั่งมีเหล่านั้นตามปกติ
“พี่หญิงสกุลลู่ ท่านมาพอดี พวกเราปวดหัวยิ่งนัก!” ฉินเหลียนกล่าว “นี่คืออะไร? กินอย่างไร?”
ลู่จื่ออวิ๋นมองดูแวบหนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “นี่เรียกว่าเค้ก รอประเดี๋ยว ข้าจะให้บ่าวรับใช้ตัดมันเดี๋ยวนี้”
บ่าวรับใช้ได้ยินลู่จื่ออวิ๋นเรียก จึงหยิบมีดมาตัดเค้กทันที
“อร่อยจริง”
“ข้านึกออกแล้ว ที่เรือนพักผ่อนบนภูเขาก็มีขนมนี้ด้วยใช่หรือไม่ เพียงแต่ตอนนั้นมันเป็นชิ้นเล็ก ๆ ข้าไม่เคยเห็นมันก่อนตัด จึงจำไม่ได้อยู่พักหนึ่ง”
“ใช่ เป็นแบบเดียวกับที่รีสอร์ตเรือนพักผ่อนบนภูเขาจริง ๆ ทว่ารสชาติของวันนี้ไม่เหมือนกัน” ลู่จื่ออวิ๋นอธิบายให้ทุกคนฟัง
“เท่านี้เองหรือ” หยางอีเหรินชิมดูคำหนึ่ง แล้วแสดงสีหน้ารังเกียจออกมา
ในตอนนี้เอง ชิงเหอจวิ้นจู่ก็กลับมาแล้ว
ทันทีที่นางกลับมา นางก็จ้องมองลู่จื่ออวิ๋นด้วยสายตาโหดเหี้ยม
ลู่จื่ออวิ๋นแสร้งทำเป็นไม่เห็น ทว่าเมื่อหยางอีเหรินเดินเข้าไปหาชิงเหอจวิ้นจู่ นางก็ค่อย ๆ ลอบยื่นเท้าออกไปขวางไว้
ตุ้บ! หยางอีเหรินโผเข้าหาชิงเหอจวิ้นจู่
เค้กในมือนางโปะเข้าที่ใบหน้าของชิงเหอจวิ้นจู่เต็ม ๆ
“กรี๊ดดดด!” ชิงเหอจวิ้นจู่สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่เย็นและเหนียวเหนอะบนใบหน้า นางพลันกรีดร้องขึ้นมาด้วยความโกรธ
หยางอีเหรินรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดแก้มของชิงเหอจวิ้นจู่ “ขออภัยเจ้าค่ะ จวิ้นจู่ ข้าไม่ได้จงใจทำเช่นนั้น”
หยางอีเหรินมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชิงเหอจวิ้นจู่ ก่อนที่นางจะแต่งงาน ทั้งสองคนต่างก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ทว่าของอย่างครีมจะเช็ดทำความสะอาดหมดจดได้อย่างไร?
ยิ่งนางเช็ดคราบครีม อะไรต่อมิอะไรก็ยิ่งเปรอะเปื้อนใบหน้าของชิงเหอจวิ้นจู่มากขึ้นเรื่อย ๆ
“เกิดอะไรขึ้น?”
เหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงรีบรุดมา
เมื่อเห็นฉากนี้ องค์หญิงใหญ่ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว “ยังไม่รีบพาจวิ้นจู่ไปทำความสะอาดอีก”
บ่าวรับใช้ของจวนลู่พาตัวชิงเหอจวิ้นจู่จากไป
“อยู่ดี ๆ เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร” ฮูหยินอินเอ่ยถาม
หยางอีเหรินขมวดคิ้ว “เมื่อครู่ตอนที่ข้าเดินผ่านตรงนี้ ดูเหมือนจะมีคนขัดขาข้า ทำให้ล้มไปทางจวิ้นจู”
“ใครกันทำตัวน่ารังเกียจเช่นนี้?” มู่ซืออวี่ไม่พอใจ “วันนี้เป็นวันดีของสกุลลู่ แต่คนผู้นั้นกลับจงใจทำลายงานเลี้ยง หรือว่าอีกฝ่ายไม่พอใจสกุลลู่ของเรา หรือมีความขัดแย้งกับใต้เท้าลู่?”
นี่เป็นความผิดใหญ่หลวง
ลู่อี้ในยามนี้แม้แต่องค์รัชทายาทยังไม่คิดจะล่วงเกิน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงผู้อื่น
การทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ให้บานปลายใหญ่โตและทำให้ทุกคนหมดสนุกไม่ใช่วิธีของผู้ฉลาด
“บางทีเซวียนหวางเฟยอาจเข้าใจผิดไป” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่มีหินอยู่มากมาย เซวียนหวางเฟยอาจไปสะดุดหินเข้าจึงรู้สึกว่ามีคนขัดขานาง”
“หากเป็นเช่นนั้นก็แล้วไปเถิด!” องค์หญิงใหญ่กล่าว “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ล้วนเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น”
งานเลี้ยงนี้ดูเหมือนจะเงียบสงบ ทว่าจริง ๆ แล้วกลับเต็มไปด้วยระลอกคลื่นมากมาย ทว่าสำหรับสกุลลู่แล้ว ไม่ว่าจะมีปัญหามากมายเพียงใดก็ไม่สำคัญ ทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินต้าน ไม่มีอันใดให้กลัว
แขกฝ่ายหญิงอย่างมากก็เพียงแค่ใช้ลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านี้ ในขณะที่แขกฝ่ายชายกลับเต็มไปด้วยอันตรายที่สามารถปลิดชีพคนได้ตลอดเวลา หรือไม่พวกเขาก็ใช้คนเป็นบันไดในการเลื่อนขั้น
ฉีเซียวยืนอยู่ข้างน้ำพุ
เขาชอบทิวทัศน์ตรงนี้เป็นพิเศษ
วันนี้ดื่มหนักไปเล็กน้อย ดวงตาของเขาจึงแดงก่ำ
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเขาซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากาก ผู้ใดล้วนไม่เห็นว่าสีหน้าของเขาเป็นอย่างไร
“ใต้เท้า” เฉินหลิ่งเดินเข้ามาและกล่าวว่า “พบเห็นคนหลายคนลอบเข้าไปในจวนลู่ขอรับ”
“เป็นผู้ใด?” สีแดงในดวงตาของฉีเซียวหายไป พลันตื่นตัวมากขึ้น
“คงเป็นคนพวกนั้นขอรับ” เฉินหลิ่งกล่าว “สำหรับพวกเขาแล้วไม่ว่าจะใต้เท้าลู่หรือฮูหยินลู่ ทั้งคู่ได้ทำลายแผนการของพวกเขาไปมากมาย ในโอกาสเช่นนี้ พวกเขาย่อมต้องมาสร้างปัญหาให้กับสกุลลู่อยู่แล้ว เดิมทีตามคำสั่งของท่าน คนของพวกเราเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ทว่าระหว่างการแลกเปลี่ยนเวรยาม พวกเขายังคงฉวยโอกาสจากช่องโหว่นี้เข้ามา กว่าเราจะพบเข้า พวกเขาก็ลอบเข้าไปในจวนลู่ได้สำเร็จและปลอมตัวเป็นบ่าวรับใช้จวนลู่เรียบร้อยแล้วขอรับ”
“แจ้งเรื่องนี้ให้ใต้เท้าลู่กับฮูหยินลู่ทราบอย่างเงียบ ๆ ไม่อาจให้ผู้อื่นล่วงรู้ไปมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ง่าย ๆ” ฉีเซียวกล่าว “ไปตรวจสอบอย่างลับ ๆ หาตัวพวกเขาออกมาให้เร็วที่สุด”
ลู่จื่ออวิ๋นประคองเจี่ยหลิงหลง
เจี่ยหลิงหลงดื่มสุราผลไม้จนเมาไปแล้ว อีกฝ่ายเอาแต่กอดนางไว้ไม่ปล่อย แม้กระทั่งสาวใช้ของตนเองก็ไม่ยอมให้จับ
นางไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงพาสหายไปพักผ่อนที่เรือนปีกข้าง