สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 585 ความดีความชอบที่ส่งมาให้ถึงหน้าประตู

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 585 ความดีความชอบที่ส่งมาให้ถึงหน้าประตู

บทที่ 585 ความดีความชอบที่ส่งมาให้ถึงหน้าประตู

โจรอีกหลายคนกระโดดเข้ามาล้อมเจียงหว่านเฉินเอาไว้

เจียงหว่านเฉินดูเหมือนเป็นบุตรหลานผู้ดี ทว่าฝีมือเขาไม่ด้อยแม้แต่น้อย

กระบี่อ่อนสะบัดไปมา เห็นเป็นเพียงแค่ลำแสงของกระบี่ไว ๆ ไม่มีแม้กระทั่งเงาด้วยซ้ำ

โจรเหล่านั้นไม่อาจเข้าใกล้เขาได้ ทว่าก็ควรเป็นเช่นนั้น อย่างไรเขาก็เป็นถึงบุตรชายของเสนาบดีกรมกลาโหม

เมื่อพวกโจรไม่สามารถช่วงชิงความได้เปรียบใด ๆ จากเขาได้ จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ลู่จื่ออวิ๋นอีกครั้ง

เลือกลูกพลับก็ต้องเลือกลูกที่อ่อนนิ่มบีบง่าย เดิมทีพวกเขาก็มาหาสกุลลู่ ย่อมต้องใช้บุตรสาวคนโตของสกุลลู่เพื่อข่มขู่ลู่อี้อยู่แล้ว

ลู่จื่ออวิ๋นไปซ่อนตัวแล้ว ทว่านางไปได้ไม่ไกลนักและยังคงจ้องมองสถานการณ์ทางนี้ต่อ

เดิมทีนางเห็นว่าเจียงหว่านเฉินดูเหมือนจะจัดการกับพวกมันได้อย่างง่ายดาย ขณะที่นางกำลังลังเลว่าจะขอความช่วยเหลือดีหรือไม่นั้น คนเหล่านั้นก็เห็นนางเข้า

เสื้อผ้าที่คุณหนูลู่สวมใส่ในวันนี้ดูสดใส ทั้งยังมีสีสันทำให้ตกเป็นเป้าสายตาได้ง่าย

โจรสองคนคอยอยู่รั้งเจียงหว่านเฉิน ในขณะที่คนอื่น ๆ เข้ามาโจมตีลู่จื่ออวิ๋น

ฉึก! ลูกศรดอกหนึ่งพุ่งออกมาปักเข้าที่กลางอกของโจรคนหนึ่งพอดิบพอดี

ลู่จื่ออวิ๋นกลัวจนต้องหลับตาปี๋ เมื่อได้ยินเสียงร้องของโจร นางก็ลืมตาขึ้นและเห็นโม่ชิงเหยียนถือธนูและลูกศรเอาไว้

เมื่อหัวขโมยอีกคนกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าลู่จื่ออวิ๋นเป็นโล่ ลูกศรดอกที่สองของโม่ชิงเหยียนก็พุ่งออกไปแล้ว

ทางหนึ่งคือเจียงหว่านเฉินยอดฝีมือด้านกระบี่ อีกทางหนึ่งคือโม่ชิงเหยียนยอดฝีมือด้านการยิงธนู

พวกโจรถูกโจมตีจากทั้งสองด้าน ไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย

เจียงหว่านเฉินบังลู่จื่ออวิ๋นไว้ด้านหลัง กระบี่ในมือของเขาร่ายรำฉวัดเฉวียนไปมา โจรที่อยู่รอบ ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ทำได้เพียงหลบหลีกเขาเท่านั้น

ในเวลานี้เอง ลู่อี้และเซี่ยคุนก็มาถึงพร้อมกับคนของพวกเขา

“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ มานี่สิ” เซี่ยคุนเรียกนาง

ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังเซี่ยคุนทันที

นางมองเจียงหว่านเฉินแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านลุงเซี่ย ต้องขอบคุณคุณชายเจียงแล้ว ไม่เช่นนั้น…”

“พวกเราทราบแล้ว”

ทันทีที่เซี่ยคุนมาถึง ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป ที่นี่มียอดฝีมือมากมายเพียงนี้ คนไม่กี่คนพวกนั้นเดิมทีก็ไม่อาจหลบหนีได้แม้แต่น้อย

ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าบัดนี้ฉีเซียวก็มาถึงแล้วด้วย

“พวกมันจะกลืนยาพิษฆ่าตัวตาย” เจียงหว่านเฉินร้องเตือนเมื่อเห็นว่าท่าทีของโจรเหล่านั้นผิดปกติ

คนของฉีเซียวจัดการกับคนปากแข็งเหล่านี้ได้ดีมาโดยตลอด

ก่อนที่พวกมันจะได้เคลื่อนไหวก็ถูกคุมตัวและหักกรามก่อน พวกมันไม่มีแม้แต่โอกาสจะฆ่าตัวตาย

“ใต้เท้าฉี คนพวกนี้มาหาข้า ควรส่งตัวไปสอบสวนที่ศาลต้าหลี่” ลู่อี้เอ่ยนิ่ง ๆ

“เพื่อใต้เท้าลู่แล้ว ควรส่งตัวคนเหล่านี้ไปที่หน่วยลับของพวกเรา!” ฉีเซียวกล่าว “หากพบสิ่งใด ข้าจะแจ้งให้ใต้เท้าลู่ทราบทันที”

“เอาอย่างนี้เถอะ” ลู่อี้กล่าว “สามคนนั้นเป็นของท่าน อีกสามคนเป็นของข้า”

“ได้!”

ทุกคน “…”

เซี่ยคุนกล่าวอย่างใจเย็น “เวลาเช่นนี้พวกเราควรเป็นห่วงเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์หน่อยหรือไม่?”

ลู่อี้ดึงตัวลู่จื่ออวิ๋นออกมาจากด้านหลังเซี่ยคุน

“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”

ลู่จื่ออวิ๋นสั่นหัวเบา ๆ

นางหันไปมองเจียงหว่านเฉิน

ลู่อี้จึงพาลู่จื่ออวิ๋นเดินเข้าไปหาเจียงหว่านเฉิน

“ผู้เยาว์คารวะใต้เท้าลู่”

“คุณชายเจียง ขอบคุณที่ช่วยลูกสาวข้า ท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” ลู่อี้เอ่ยถาม

เจียงหว่านเฉินส่ายหน้าเบา ๆ “ขอบคุณใต้เท้าที่เป็นห่วง ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บขอรับ”

“เมื่อครู่นี้ยังต้องขอบคุณคุณชายสกุลโม่” เซี่ยคุนกล่าว “หากคุณชายสกุลโม่ยิงลูกศรไม่ทัน เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์คงตกไปอยู่ในมือของพวกโจรและกลายเป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อข่มขู่พวกเรา”

เมื่อโม่ชิงเหยียนได้ยินเซี่ยคุนเอ่ยถึงตนเองจึงก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วเอ่ยว่า “ผู้เยาว์เพียงแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ ขอเพียงแค่น้องหญิงอวิ๋นเอ๋อร์ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

“ขอบคุณพี่ใหญ่โม่” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าวขอบคุณเขา

“เอาละ เรื่องนี้สิ้นสุดแล้ว เช่นนั้นก็แยกย้ายกันเถิด” ลู่อี้กล่าว “ทุกคนกลับไปที่งานเลี้ยงทานข้าวต่อเถอะ!”

หลังจากมู่ซืออวี่และคนอื่น ๆ รับรู้เรื่องนี้ก็ดึงลู่จื่ออวิ๋นมาตรวจดูโดยละเอียด

ลู่จื่ออวิ๋นยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านางเพียงแค่ได้รับความหวาดกลัว ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ในตอนนี้เอง นางก็นึกถึงเจี่ยหลิงหลงที่เมาขึ้นมาจึงให้คนไปดูอีกฝ่าย

“คุณหนูวางใจเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูเจี่ยพักผ่อนอยู่ที่เรือนปีกข้างแล้ว”

“เช่นนั้นก็ดี”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ลู่จื่ออวิ๋นยังคงตกใจเป็นอย่างมาก

“สวรรค์ช่างยุติธรรม ตอนนั้นฮูหยินและคุณหนูจิตใจดี เคยได้ช่วยเหลือคุณชายสกุลเจียงเอาไว้ บัดนี้คุณชายสกุลเจียงได้ตอบแทนบุญคุณครั้งนั้นแล้ว” จื่อเยวี่ยนกล่าว

“ในตอนนั้น เจ้านั่นกำลังจะลงมือ เขาดึงกริชออกมามากกว่าครึ่งแล้ว ข้าคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถึงแม้ข้าจะได้เรียนรู้วรยุทธ์เล็ก ๆ น้อยมาบ้างและจัดการกับอันธพาลทั่วไปได้ ทว่าหากต้องจัดการพวกนักฆ่าจิตใจโหดเหี้ยมที่ไม่ได้มาด้วยเจตนาดีเหล่านี้ ข้าคงต้านเขาได้ไม่ถึงสองกระบวนท่าเป็นแน่ ตอนที่คุณชายเจียงปรากฏตัวออกมา ข้ารู้สึกว่าเขาเป็นเทพเซียนอย่างไรอย่างนั้น” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “ท่านแม่ ท่านเก่งกาจเช่นนี้ เหตุใดไม่ปรับปรุงเรือนของเราอีกครั้งล่ะเจ้าคะ! ติดตั้งกลไกบางอย่างไว้ที่นี่และซ่อนไว้สำหรับโอกาสฉุกเฉินเถอะ”

“ข้าจะคิดให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง” มู่ซืออวี่กล่าว “ขอพียงแค่คิดว่าเจ้าต้องผ่านการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวมา ใจของข้าก็ไม่อาจสงบแม้แต่น้อย ข้าจะต้องแปลงโฉมเรือนใหม่แล้วจริง ๆ”

“คุณชายเจียงและคุณชายโม่ช่วยคุณหนูของพวกเราเอาไว้ ไม่ควรเตรียมของขวัญขอบคุณสักหน่อยหรือเจ้าคะ?”

“ควรเตรียมจริง ๆ”

เมื่อฟังบทสนทนาของคนเหล่านั้นแล้ว เซี่ยชิงโจวก็ตบบ่าของเซี่ยเฉิงจิ่นแปะ ๆ “เวลาสำคัญที่วีรบุรุษต้องช่วยสาวงามเช่นนี้ ท่านไปอยู่ที่ใดเล่า?”

“ท่านพ่อของข้าดื่มหนักเกินไป ทั้งยังอาเจียนออกมา ข้ากำลังดูแลเขา” เซี่ยเฉิงจิ่นกล่าวด้วยท่าทีสงบ “ไม่เช่นนั้นจะเป็นอย่างไร? หากข้าปล่อยให้สาวใช้เข้าใกล้ท่านพ่อ ท่านแม่คงฉีกอกข้าเป็นชิ้น ๆ แน่”

“นั่นก็จริง ไม่รู้ว่าท่านพ่อของท่านโตมาอย่างไร อายุมากเพียงนี้เหตุใดถึงยังหล่อเหลาปานนั้น?” เซี่ยชิงโจวจดจ้องไปที่ใบหน้าของเซี่ยเฉิงจิ่น “จุ๊ ๆ ดูเหมือนข้าจะเห็นอนาคตของคนบางคนแล้ว ”

“นาง… โจรพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยถาม

“ถูกจับตัวไปแล้ว ข้าได้ยินมาว่ามีหกคน หน่วยลับพาตัวไปสามคนและศาลต้าหลี่พาตัวไปสามคน” เซี่ยชิงโจวนั่งยืดตัวตรง ท่าทีกระปรี้กระเปร่ามากกว่าเดิม “ท่านว่าสามคนที่เข้าไปในศาลต้าหลี่จะอยู่รอดสักกี่วัน? สามคนที่เข้าไปในหน่วยลับจะอยู่ได้กี่วัน?”

“เจ้าอยากรู้เพียงนี้ ไม่สู้เข้าไปดูเองเล่า?” เซี่ยเฉิงจิ่นยิ้มบาง ๆ

“ไม่! ข้าไม่อยากรู้” เซี่ยชิงโจวเอ่ย “คนผู้นั้น… คือเด็กหนุ่มที่คล้ายคลึงกับแม่นางสกุลลู่อยู่หลายส่วน นายน้อยของสกุลลู่ ลู่ฉาวอวี่!”

สายตาของเซี่ยเฉิงจิ่นเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่ลู่ฉาวอวี่

“เหตุใดเมื่อใบหน้านี้อยู่บนร่างกายของเขาแล้ว กลับดูไม่มีกลิ่นอายของสตรีแม้แต่น้อย?”

“นั่นน่ะสิ เห็นได้ชัดว่าคล้ายกับแม่นางลู่ถึงห้าในสิบส่วน ทว่าเขากลับยังดูหล่อเหลาเพียงนั้น” เซี่ยชิงโจวกล่าว “ข้านับได้ว่ามองออกแล้ว ภายในเมืองหลวงแห่งนี้นอกจากสกุลเซี่ยของพวกท่าน สกุลที่มีอำนาจมากที่สุดก็คือสกุลลู่ของพวกเขา ก่อนหน้านี้แม่นางสกุลลู่ไม่ค่อยได้ปรากฏตัว คนจากจวนต่าง ๆ ที่เคยพบเห็นนางมีไม่มาก วันนี้นางปรากฏตัวแล้ว เมื่อครู่นี้ข้ายังได้ยินคนมากมายถามว่านางได้พูดคุยเรื่องแต่งงานแล้วหรือไม่”

เซี่ยเฉิงจิ่นหันไปมองเซี่ยชิงโจว

เซี่ยชิงโจวรีบเอ่ย “จริง ๆ นะ ข้าไม่ได้โกหกท่าน”

“เกี่ยวอะไรกับข้า” เซี่ยเฉิงจิ่นกล่าวด้วยท่าทีนิ่งสงบ “เจ้าไปจับตาดูท่านพ่อของข้าให้ดี อย่าให้สตรีเข้าใกล้เขา”

“ท่านจะไปที่ใด?” เซี่ยชิงโจวตะโกนไล่หลังเซี่ยเฉิงจิ่น

“มีเรื่องต้องทำ!”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท