บทที่ 596 ผู้ใดทำ?
บทที่ 596 ผู้ใดทำ?
ท่านหมอนำสุราเข้ามา
ลู่จื่ออวิ๋นเหลือบมองเซี่ยเฉิงจิ่นแวบหนึ่ง “ท่านซื่อจื่อ ท่านทนหน่อยนะเจ้าคะ”
เซี่ยเฉิงจิ่นยิ้มบาง ๆ “ซื่อจื่อผู้นี้ไม่ได้…”
ถ้อยคำสุดท้ายไม่ได้กล่าวออกมา แต่สีหน้าของเขากลับแข็งทื่อและเผือดสีลงทันที
ลู่จื่ออวิ๋นเป็นผู้ที่ฝึกสายตาและแรงมือเป็นประจำทุกวัน นางจึงทำความสะอาดบาดแผลได้อย่างรวดเร็ว
ในเมื่อรวดเร็ว เช่นนั้นก็อย่าได้หวังว่าการเคลื่อนไหวจะอ่อนโยนนัก ด้วยเหตุนี้คำว่า ‘ใจเสาะ’ ของคนผู้นั้นจึงถูกกลืนลงไป
คนจัดยาอ้าปากค้างขณะที่มองภาพนี้ หน้าตาของแม่นางสกุลลู่งดงามหยดย้อย เหตุใดจิตใจของนางจึงกล้าแกร่งยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก?
ท่านซื่อจื่อได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ก็เพราะนาง เหตุใดนางจึงไม่รู้จัก ‘รักหยกถนอมบุปผา’ เลยเล่า
คนทั่วไปเมื่อเห็นใบหน้าซื่อจื่อผู้นี้ ผู้ใดบ้างไม่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี และหวังว่าจะสามารถแสดงด้านที่อ่อนโยนน่ารักน่าทะนุถนอมที่สุดออกมาให้เขาเห็น
มีเพียงนางเท่านั้นที่ลงมือได้อย่างรวดเร็วและเฉียบขาด แบบที่ใคร ๆ ยังไม่อาจทำได้
ลู่จื่ออวิ๋นจดจ่ออยู่กับการทำความสะอาดบาดแผลให้กับเซี่ยเฉิงจิ่น นางใช้สุราราดลงไปเพื่อฆ่าเชื้อ
“อึก…”
ครั้งนี้ เซี่ยเฉิงจิ่นอดสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้
ลู่จื่ออวิ๋นเงยหน้ามองเขา จึงได้รู้ว่าสีหน้าของเขาซีดเผือดจนน่าหวาดกลัว
“เจ็บหรือ?”
“…แล้วเจ้าว่าอย่างไรเล่า?”
ลู่จื่ออวิ๋นจึงก้มหน้าลงเป่าเบา ๆ
เซี่ยเฉิงจิ่นสัมผัสได้ถึงลมอุ่นร้อนที่เป่าลงไปบนนั้น แม้กระทั่งความเจ็บปวดก็เลือนหายไปหมดสิ้น
ลู่จื่ออวิ๋นเป่าอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยกับท่านหมอที่อยู่ข้าง ๆ “ตอนนี้ทายาพันแผลได้แล้ว”
ท่านหมอรีบเข้ามาหาทันที “ได้ ผู้เฒ่าจะทำแผลให้ท่านซื่อจื่อประเดี๋ยวนี้”
ผู้ติดตามส่งรถม้ากลับไปยังจวนลู่
ข่าวที่ลู่จื่ออวิ๋นได้รับความตื่นตระหนกย่อมไม่อาจปิดบังได้แล้ว
มู่ซืออวี่รีบรุดไปที่โรงหมอ เห็นลู่จื่ออวิ๋นยืนพูดคุยกับเซี่ยเฉิงจิ่นอยู่ตรงนั้น จึงสาวเท้าเข้าไปหาทันที
“เป็นอย่างไรบ้าง? ได้ยินว่าเพื่อช่วยเจ้าแล้วท่านซื่อจื่อได้รับบาดเจ็บ บาดแผลเป็นอย่างไร?”
ท่านหมอได้พันแผลให้เซี่ยเฉิงจิ่นเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้จึงเห็นเพียงบ๊ะจ่างโต ๆ สองลูกบริเวณกำปั้นเท่านั้น
“ขอบคุณฮูหยินที่เป็นห่วง ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “คนขับรถม้าของสกุลท่านหายไปหรือ?”
“ข้ากำลังส่งคนไปตรวจสอบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” มู่ซืออวี่กล่าว
“ท่านแม่ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบแล้ว ข้ารู้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ตรวจสอบว่าคนขับรถม้าเป็นอย่างไรก่อนเถอะนะเจ้าคะ!”
มู่ซืออวี่เหลือบมองเซี่ยเฉิงจิ่นจึงรู้ว่าลู่จื่ออวิ๋นไม่ต้องการเอ่ยเรื่องนี้ต่อหน้าคนนอก นางพยักหน้าแสดงทีท่าว่าตนเข้าใจแล้ว
“ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรอีก เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยขึ้น
“ท่านซื่อจื่อ ขอบคุณที่ช่วยเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ของพวกเราเอาไว้” มู่ซืออวี่เอ่ย “ครั้งนี้พวกเราสกุลลู่ติดค้างบุญคุณท่าน หากต้องการให้ช่วยเหลือสิ่งใด เพียงแค่เอ่ยปากมา”
“ฮูหยินกล่าวมากไปแล้ว ข้าเพียงแค่ลงมือเล็กน้อยเท่านั้น” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยด้วยท่าทีนิ่งขรึม
มู่ซืออวี่พาลู่จื่ออวิ๋นจากมา
“ท่านแม่ เครื่องประดับเหล่านั้นไม่มีปัญหากระมัง?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม
“ข้าได้ยินว่าเจ้าได้รับความตื่นตระหนก จะมีเวลาไปสนใจเครื่องประดับเหล่านั้นที่ใดกัน ข้ารีบรุดมาหาเจ้าก่อน”
“ของเหล่านั้นเป็นเพียงของนอกกาย ทว่าบางครั้งมหันตภัยก็เกิดจากของนอกกายเหล่านี้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “วันนี้ข้าไปที่หอบุปผางาม…”
ครั้นมู่ซืออวี่ได้ฟังต้นสายปลายเหตุแล้ว สีหน้าก็พลันเข้มขึ้น
“ข้าจะตรวจสอบให้ชัดเจน หากเป็นเพราะเรื่องนี้จริง ๆ ข้าจะให้พวกเขาได้ชดใช้” มู่ซืออวี่ยิ้มหยัน “อายุยังน้อยเช่นนี้แต่จิตใจกลับชั่วร้าย ทำให้ม้าตื่นตกใจใช่เรื่องเล็กหรือ? หากเจ้าตกลงมาแขนขาอาจได้รับบาดเจ็บ หากเลวร้ายยิ่งกว่านั้นเจ้าอาจเสียโฉมพิกลพิการได้ พวกเขาไม่ใช่ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงเพียงใด แต่ก็ยังไม่เห็นชีวิตเจ้าเป็นสำคัญ”
ยามนี้หาตัวคนขับรถม้าพบแล้ว
เขาถูกทุบจนหมดสติแล้วโยนไว้ข้างทาง ตอนที่หาเขาพบนั้นเขายังไม่ได้สติ ศีรษะของเขาแตก ทั้งยังเสียเลือดไปไม่น้อย
มู่ซืออวี่มอบเงินให้เขาไปพักฟื้นจำนวนหนึ่ง จากนั้นจึงจัดเตรียมคนขับรถม้าที่มีฝีมือผู้หนึ่งมาแทน
“ฮูหยิน…” ฉานอีเดินเข้ามาจากข้างนอก “พวกเราไม่ต้องลงมือแล้วเจ้าค่ะ ชิงเหอจวิ้นจู่ผู้นั้นออกมาข้างนอกก็ถูกสุนัขกัดแล้ว ทั่วทั้งแขนของนางอาบย้อมไปด้วยเลือดเจ้าค่ะ”
มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “บังเอิญเพียงนี้หรือ?”
“บ่าวก็คิดเช่นกันว่าบังเอิญเกินไปจึงส่งคนไปตรวจสอบดู กลับไม่พบร่องรอยการกระทำของมนุษย์ กล่าวได้เพียงว่าคนชั่วร้ายย่อมโดนสวรรค์ลงโทษ!” ฉานอีเอ่ย “ส่วนเซวียนหวางเฟย นางเห็นชิงเหอจวิ้นจู่ถูกกัด จึงผลักสาวใช้คนหนึ่งออกไป สาวใช้ผู้นั้นจึงถูกกัดด้วย แต่นางไม่เป็นไรและนั่งรถหนีกลับไปที่จวนอ๋องเจ้าค่ะ”
“นางโชคดีจริง ๆ” มู่ซืออวี่พลันนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นเซี่ยซื่อจื่อเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
“ภายหลังเขากลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน ไม่ได้ออกจากจวนเจ้าค่ะ” ฉานอีเอ่ย “หรือฮูหยินคิดว่าเซี่ยซื่อจื่อเป็นคนทำ? แต่เขาไม่ได้คุ้นเคยกับคุณหนู คงไม่ระบายโทสะแทนนางกระมัง?”
“อาจไม่ได้ระบายโทสะแทนนาง แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ในใจอาจรู้สึกโกรธจึงหาทางระบายความโกรธนี้ออกมาก็ได้” มู่ซืออวี่เอ่ย
“เซี่ยซื่อจื่อดูสุขุมทีเดียวนะเจ้าคะ” ซางจือเอ่ย
“ถึงแม้เขาจะเป็นคนทำจริง ๆ ก็ไม่อาจกล่าวว่าเขาไม่สุขุม หากมีความแค้นย่อมต้องชำระ เช่นนั้นจะมีอำนาจไปเพื่ออะไร?” มู่ซืออวี่เอ่ย “ในเมื่อคนทำชั่วได้รับผลของการกระทำแล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยไปเช่นนี้ก่อน! รอมีโอกาสอีกครั้งค่อย ‘ตอบแทน’ อีกฝ่ายอย่างสาสม”
ฉานอีและซางจือมองหน้ากัน
พวกนางคิดว่าฮูหยินคิดจะปล่อยตัวการไปแล้วจริง ๆ ที่แท้กลับรอให้โอกาสอื่นมาถึง
ณ จวนเซวียนอ๋อง ฟ่านเหยี่ยนกลับมาจากข้างนอก
พ่อบ้านรีบรุดเข้ามาแจ้ง “ท่านอ๋อง พระนางหวางเฟยดูเหมือนจะได้รับความหวาดกลัว นางเอาแต่อยู่ในห้อง ไม่ยอมออกมานอกห้องเลยขอรับ”
“วันนี้นางไปทำอะไรมา?” ฟ่านเหยี่ยนขมวดคิ้ว
“พระนางหวางเฟยและชิงเหอจวิ้นจู่ไปที่หอบุปผางามจึงได้พบกับแม่นางลู่ ดูเหมือนจะโต้เถียงกันเล็กน้อย เมื่อออกมา นึกไม่ถึงว่าจะถูกสุนัขกลางถนนพุ่งเข้าหา ชิงเหอจวิ้นจู่ถูกสุนัขตนนั้นกัด พระนางหวางเฟยเองก็ได้รับความหวาดกลัวถึงได้อยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมออกมาขอรับ”
“ลู่…” สีหน้าของฟ่านเหยี่ยนแปรเปลี่ยนฉับพลัน “ตรวจสอบออกมาให้ชัดเจน ข้าต้องการทราบเรื่องนี้โดยละเอียด”
ไม่นานนัก พ่อบ้านก็กลับมารายงานเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง
“ดูเหมือนหวางเฟยจะไม่ได้รับความเป็นธรรม” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยอย่างนิ่งสงบ “เพราะแย่งชิงของของผู้อื่นไม่ได้ จากนั้นจึงหวาดกลัวเช่นนี้ เช่นนั้นข้าคงต้องปลอบใจนางเสียหน่อย”
พ่อบ้านเหงื่อแตกพลั่กแทนเซวียนหวางเฟย
ดู ๆ ไปแล้วท่านอ๋องไม่มีอะไรผิดปกติ ทว่าความนิ่งสงบเช่นนี้เป็นความนิ่งสงบก่อนพายุมา เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมาก
ในฐานะคนสนิทของท่านอ๋อง พ่อบ้านพอรู้ใจฟ่านเหยี่ยนระดับหนึ่งจึงรู้ว่าเซวียนหวางเฟยล่วงเกินและทำให้เขาไม่พอใจแล้ว
เวลานี้หยางอีเหรินที่อยู่ในห้องโมโหเป็นอย่างยิ่ง
สาวใช้ของนางได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ทั้งยังมีรอยกัดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งอยู่บนขา นางโชคดียิ่งนักที่ตอบสนองได้รวดเร็ว ไม่เช่นนั้นคนที่ต้องทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้คงเป็นนาง
“ท่านอ๋อง” เสียงบ่าวค้อมคำนับดังขึ้นมาจากข้างนอก
หยางอีเหรินรีบจัดเสื้อผ้าของตนเองโดยเร็ว
ปกติฟ่านเหยี่ยนมาปรากฏตัวในห้องนางน้อยยิ่งนัก วันนี้เขาจะต้องได้ยินว่านางได้รับความหวาดกลัวจึงมาหาโดยเฉพาะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางย่อมต้องทำตัวดีให้เขารู้สึกสงสารและเห็นอกเห็นใจ
“ท่านอ๋อง…” เสียงของหยางอีเหรินแหบแห้งราวกับนางไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างใหญ่หลวง “ในที่สุดข้าก็ได้พบท่าน”