วิหารนักปรุงยาไม่ใช่แค่สถานที่สำหรับทดสอบเป็นนักปรุงยา หรือผู้ช่วยนักปรุงยาเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่สำหรับขายเม็ดยาอีกด้วย
ซึ่งโอวข่านจะรู้ได้อย่างไรว่าหลิงฮันนั้นจะมาที่นี่เพื่อทดสอบเป็นนักปรุงยา ในสายตาของเขา เขาคิดเพียงว่าหลิงฮันจะต้องมาที่นี่เพื่อซื้อเม็ดยาเป็นแน่
ในฐานะผู้สืบทอด หากเขาตัดสินใจไม่ขายเม็ดยาใคร คนผู้นั้นก็ไม่มีวันได้เม็ดยาไป
หลิงฮันเมินเฉยและมุ่งหน้าต่อ
โอวข่านรีบไล่ตาม เพราะคิดว่าหลิงฮันกำลังพยายามสลัดเขาให้หลุด เพื่อรีบไปซื้อเม็ดยา
เหอะๆ ฝันไปเถอะ!
ที่ด้านหลังของเขา ผู้ติดตามทั้งสี่คนได้ปรากฏตัว และไล่ตามมาอย่างใกล้ชิด
ระยะทางหนึ่งร้อยฟุตไม่นับเป็นอันใดสำหรับนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน ถึงแม้ที่นี่จะมีค่ายกลอาคมสำหรับควบคุมความเร็วในการเคลื่อนไหวเอาไว้ แต่หลิงฮันก็มาถึงทางเข้าวิหารได้ภายในไม่กี่ลมหายใจ
ชั้นแรกของวิหารเป็นสถานที่เอาไว้สำหรับขายเม็ดยา โดยที่เม็ดทั้งหลายนั้นถูกวางเรียงเอาไว้เป็นแถวเหยียดยาวราวกับหางมังกร
หลิงฮันเดินเต็ดเตร่ไปมา โดยที่มีโอวข่านเดินตามมาติดๆ และทุกๆที่ที่โอวข่านเดินผ่าน พนักงานขายทุกคนจะก้มหัวทักทายเขาด้วยความเคารพ
นี่ล่ะคือความสูงส่งของผู้สืบทอด!
หลิงฮันแสร้งทำเป็นหยุดเดิน และเอ่ยถามราคาเม็ดยา
โอวข่านที่ยืนอยู่ด้านล่างรีบเอ่ยแทรก “ห้ามขาย!”
พนักงานขายเผยสีหน้ากระอักกระอ่วน ในแง่การค้าเขาจะทำเช่นนั้นกับลูกค้าได้อย่างไร? แต่ในเมื่อผู้สืบทอดสั่งแบบนั้น เขาก็ไม่กล้าที่จะขัดขืน
“ลูกค้า ข้าต้องขออภัยด้วยจริงๆ แต่เม็ดยาชิ้นนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อขาย” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวเล็กน้อย เขาทั้งกลัวว่าจะตกงานและถูกหลิงฮันแก้แค้นภายหลัง เพราะอย่างไรเขาก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราเท่านั้น
หลิงฮันยิ้มและเดินต่อ
ไม่ว่าเขาจะถามราคากับพนักงานคนใด ด้วยแรงกดดันจากโอวข่าน พนักงานเหล่านั้นก็ไม่กล้าขายเม็ดยาให้เขาสักคน
“เป็นอย่างไร ทีนี้รู้รึยังว่าการเป็นศัตรูกับข้าจะลงเอยเช่นไร?” โอวข่านกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ยิ่งกว่านั้น จริงอยู่ที่เมืองวิถีโอสถแห่งนี้จะห้ามไม่ให้มีการเข่นฆ่ากัน แต่เจ้ารู้รึเปล่าว่า มีใครหลายคนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอยู่ตลอด? ข้าได้ยินว่าเจ้ามีภรรยาอยู่สองคนสินะ เจ้าไม่กลัวว่าพวกนางจะกลายเป็นหญิงม่ายหรืออย่างไร?”
“แถมสตรีก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่จิตใจไม่แน่นอน บางทีสุสานของเจ้ายังไม่ทันสร้างเสร็จ พวกนางอาจจะไปอยู่ในอ้อมแขนของบุรุษผู้อื่นแล้วก็ได้”
คำพูดของเขาแฝงไว้ด้วยคำข่มขู่อย่างสุดโต่ง
เมื่อภรรยาทั้งสองถูกพาดพิง สีหน้าของหลิงฮันก็กลายเป็นมืดมนทันที
หลิงฮันหันหลังไปคว้าหน้าอกของโอวข่าน ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นราชาในระดับสี่นิพพาน แต่ต่อหน้าหน้าพลังของหลิงฮัน อีกฝ่ายย่อมไม่สามารถต่อต้านได้แม้เสี้ยวลมหายใจ
“หากเจ้าคิดจะรนหาที่ตาย ข้าก็จะสนองให้!” หลิงฮันใช้มือกำใบหน้าของโอวข่าน “รอก่อนแล้วกัน หากข้าไม่สังหารเจ้า ข้าก็จะไม่ใช่ชื่อหลิงฮันอีกต่อไป!”
เขารีบปล่อยมือ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้คือวิหารนักปรุงยา การจะผลีผลามลงมือทำอะไรที่นี่ไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับอีกฝ่ายที่เป็นผู้สืบทอด
ชวีวานรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง ดวงตาของหลิงฮันนั้นโหดเหี้ยมจนทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เพียงแต่หลังจากที่ตั้งสติได้ไม่นาน เขาก็กลับมารู้สึกเกรี้ยวกราด
ในเมื่องวิถีโอสถแห่งนี้ แถมยังเป็นที่วิหารนักปรุงยาด้วยแล้ว หลิงฮันกล้าดีอย่างไรมาข่มขู่เขา!
ที่นี่คือสถานที่ของข้า!
เจ้ากล้าดีอย่างไร!
ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นมืดมน เขาตัดสินใจว่า ในวันนี้แม้แต่เม็ดยาระดับต่ำสุด เขาก็จะไม่ให้หลิงฮันซื้อได้แม้แต่เม็ดเดียว! และหลังจากวันนี้ เขาก็จะส่งนักฆ่าไปจัดการหลิงฮันอีกด้วย
อย่างที่เขากล่าวไป ในเมืองวิถีโอสถคนที่หายทั่วไปอย่างไร้ร่องรอยนั้นมีมากมาย ถ้าหากหาศพไม่เจอ ใครจะพูดได้เต็มปากว่าคนที่หายตัวไปตายไปแล้วหรือไม่?
หลิงฮันเดินไปสุดทางของวิหารชั้นแรกก่อนจะหยุดเดิน
“โปรดหยุดอยู่ตรงนั้น ชั้นที่สองไม่เปิดรับคนนอก!” ทหารยามผลักหอกในมือออกมาปิดดั้นทางเดินหลิงฮัน
โอวข่านที่ตามหลังมายกมือกอดอก และยืนดูอยู่เงียบๆ
หลิงฮันยิ้ม “ข้าต้องการทดสอบเป็นนักปรุงยา”
พรวด!
โอวข่านสำลักออกมาทันที เจ้าน่ะรึต้องการทดสอบเป็นนักปรุงยา? ช่างน่าขันนัก เจ้าคิดว่าแค่ตนเองมีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธหน่อย แล้วจะเป็นอัจฉริยะได้รอบด้านงั้นรึ?
ทหารยามเองก็ชะงักเล็กน้อย ตามกฎของวิหารนักปรุงยานั้น หากมีคนต้องการทดสอบเป็นนักปรุงยาก็ย่อมทำได้
ทหารยามกล่าว “โปรดรอสักครู่ ข้าขอแจ้งเรื่องก่อน” เขาทำการส่งสารผ่านหินสื่อสานในมือ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถช่วยให้ติดต่อกับบุคคลอื่นได้ในระยะทางสั้นๆ แน่นอนว่าระยะทางสั้นๆที่ว่า ก็คือทั่วทั้งอาณาเขตที่สี่แห่งนี้!
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง รุ่นเยาว์ที่แต่งชุดราวกับนักปรุงยาฝึกหัดก็เดินออกมาจากทางเดินชั้นสอง เมื่อเห็นหลิงฮันเขาก็กล่าวออกมา “เจ้าคือคนที่จะทดสอบเป็นนักปรุงยางั้นรึ?”
“ไม่ผิด” หลิงฮันพยักหน้า
“ผะ… ผู้สืบทอด!” เมื่อนักปรุงยาฝึกหันเห็นโอวข่าน เขาก็รีบโค้งตัวคารวะทันที
โอวข่านสะบัดมือ ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายไม่ต้องมากพิธี
จากภาพตรงหน้า นักปรุงยาฝึกหัดผู้นี้ได้คิดไปเองหลิงฮันนั้นมาที่นี่พร้อมกับโอวข่าน แววตาหยิ่งทะนงบนใบหน้าของเขาหายไป และกล่าวกับหลิงฮันอย่างสุภาพ “ตอนนี้ท่านเป็นผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงแล้วสินะ?”
“ไม่” หลิงฮันส่ายหัว
“งั้นก็ผู้นักปรุงยาขั้นกลาง?”
“นั่นก็ไม่ใช่”
“งั้นก็ขั้นแรกเริ่ม?”
“ไม่ใช่เหมือนกัน”
หลังจากถามไปสามคำถาม นักปรุงยาฝึกหัดก็ปากกระตุก แม้แต่ผู้ช่วยนักปรุงยาก็ยังไม่ใช่ แต่เจ้ากลับกล้ามาทดสอบเป็นนักปรุงยาเนี่ยนะ?
“ตามกฎของวิหารนักปรุงยา ท่านจำเป็นต้องรับการทดสอบเป็นผู้ช่วยนักปรุงยาแรกเริ่มก่อน มีเพียงหลังจากเป็นผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงได้แล้วเท่านั้น ถึงจะรับการทดสอบเป็นนักปรุงยาได้” นักปรุงยาฝึกหัดยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ เนื่องจากกลัวทำให้โอวข่านไม่สบอารมณ์
“เชิญนำทางไปได้” หลิงฮันพยักหน้า แม้จะเสียเวลาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
นักปรุงยาฝึกหัดนำหลิงฮันขึ้นไปยังชั้นสอง เพื่อเริ่มขั้นตอนทดสอบ
เนื่องจากเป็นเพียงการทดสอบเป็นผู้ช่วยนักปรุงยาแรกเริ่ม ผู้ที่มาเป็นพยานการทดสอบจึงมีเพียงผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นกลางเท่านั้น
“คารวะผู้สืบทอด!” เมื่อผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นกลางเห็นโอวข่าน เขาก็โค้งตัวทักทายด้วยความเคารพ และเข้าใจไปเองว่าหลิงฮันเป็นคนที่โอวข่านพามาทดสอบ เพราะงั้นแล้วต่อให้ทักษะหลอมเม็ดของหลิงฮันจะอ่อนหัดแค่ไหน เขาก็จะยอมให้ผ่าน
เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงการทดสอบผู้ช่วยนักปรุงยาแรกเริ่ม ที่ไม่มีใครมาตรวจสอบอยู่แล้ว
“ให้เขาหลอมเม็ดยารุ้งฟ้าคราม” โอวข่านกล่าว
“ว่าไงนะ!” ผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นกลางอุทานด้วยความตกใจ เม็ดยารุ้งฟ้าครามนั้นเป็นเม็ดยาแรกเริ่มที่หลอมได้ยากที่สุด จนเกือบจะเทียบได้กับเม็ดยาขั้นกลาง