สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 622 เจ้าถูกวางยาพิษ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 622 เจ้าถูกวางยาพิษ

บทที่ 622 เจ้าถูกวางยาพิษ

“อวิ๋นเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้?”

มู่ซืออวี่ลืมตาขึ้นมาเห็นลู่จื่ออวิ๋นกำลังร้องไห้จึงลุกขึ้นนั่งอย่างร้อนรนทันที

“ผู้ใดรังแกเจ้า?”

ลู่จื่ออวิ๋นปาดน้ำตาออกแล้วเอ่ยว่า “ไม่มีผู้ใดรังแกข้า ข้าเพียงแค่เห็นท่านแม่ตั้งครรภ์น้องชายและต้องลำบากถึงเพียงนี้ ข้าก็นึกขึ้นมาว่าตอนท่านแม่ตั้งครรภ์ พวกเราจะลำบากเพียงใด”

“เด็กโง่…” มู่ซืออวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “การเป็นแม่คน ตั้งครรภ์เพียงสิบเดือนไม่ใช่ความยากลำบากอะไร แต่เป็นการได้รับพรวิเศษจากสวรรค์ เจ้าลองคิดดู ช่วงเวลานี้ลูกที่อยู่ในท้องจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นมาจนถึงเวลาคลอด ความผูกพันทางสายเลือดนี้น่ายินดีมากไม่ใช่หรือ? นี่เป็นสิ่งที่บุรุษไม่อาจเข้าใจได้”

“ท่านแม่ ท่านหิวหรือไม่? ข้าจะไปหาอะไรมาให้ทาน”

“ข้าไม่หิว”

มู่ซืออวี่ขมวดคิ้วมุ่น

เหตุใดนางถึงยังไม่มีกำลังอีก?

กล่าวกันตามเหตุผลแล้ว นางพักผ่อนมานานเช่นนี้ควรฟื้นฟูร่างกายได้ ไม่ควรรู้สึกเหนื่อยถึงเพียงนี้

“พ่อเจ้าเล่า?”

“ยังอยู่ในห้องตำราเจ้าค่ะ”

“ข้าจะไปพบเขา”

ทุกคนปิดบังบางอย่างกับนาง

ร่างกายของนางมีบางอย่างผิดปกติ นี่ไม่ใช่อาการของการตั้งครรภ์อย่างแน่นอน แม้ว่านางจะตั้งครรภ์ลูกแฝด แฝดสาม หรือแม้แต่แฝดสี่ก็ไม่ควรเป็นเช่นนี้

“ท่านแม่ ข้าจะไปตามท่านพ่อมา ท่านไม่ต้องไปที่นั่นแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นดึงมู่ซืออวี่ไว้แล้วตะโกนออกไปข้างนอก “บ่าว!…”

ลู่อี้รุดเข้ามาจึงเห็นว่ามู่ซืออวี่ตื่นแล้ว เขาจับผมที่ตกลงมาขึ้นทัดใบหูให้นางและเอ่ยถาม “อยากทานอะไรหรือ?”

“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ เจ้ากลับไปที่ห้องก่อน แม่มีเรื่องจะคุยกับพ่อเจ้า”

“ข้าอยากอยู่กับท่านแม่”

ในยามนี้ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกจิตใจไม่สงบเท่าใดนัก

นางอยากถามเรื่องยาถอนพิษกับลู่อี้ ทว่าอยู่ต่อหน้ามู่ซืออวี่ นางไม่กล้าเปิดเผยเรื่องที่ว่าตนเองรู้ความจริงแล้ว

“แม่เจ้าก็ต้องพักผ่อนเช่นกัน ฟังพ่อ พรุ่งนี้ค่อยมาหาแม่” ลู่อี้เอ่ย

ลู่จื่ออวิ๋นลังเลไม่อยากจากไป แต่ท้ายที่สุดก็ยอมออกไปโดยดี

ทันทีที่นางไป มู่ซืออวี่ก็ตรงเข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว “ท่านกำลังปิดบังอะไรข้ากันแน่?”

ลู่อี้คาดเดาไว้แล้วว่าเขาไม่อาจปิดบังภรรยาได้นานเพียงนั้น และเขาเองก็ไม่คิดจะปิดบังนางเรื่องนี้ อย่างไรเสียนางก็ฉลาดหลักแหลมเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ปรุงยาถอนพิษได้ ช่วงวิกฤตผ่านพ้นไปแล้ว จะบอกหรือไม่บอกนางก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากนัก

“เจ้าถูกวางยาพิษ”

มู่ซืออวี่ยังคงนิ่งสงบ

อย่างน้อยผิวเผินก็ดูสงบ…

“ท่านหมอว่าอย่างไร?”

“นี่เป็นยาพิษเรื้อรัง ตอนนี้กำลังเตรียมยาถอนพิษ ทว่าเจ้าวางใจเถิด จะต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”

“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร”

ลู่อี้บีบแก้มนางเบา ๆ “ข้าไม่อยากให้เจ้าคิดเหลวไหลไปไกล แต่เจ้าใจเย็นเช่นนี้ แกร่งเกินหญิงไปแล้วหรือไม่?”

“ข้าเชื่อท่าน หากท่านบอกว่ามียาถอนพิษ นั่นก็หมายความว่าข้าไม่ตายแล้ว ในเมื่อไม่ถึงตาย ข้าก็ไม่มีอะไรต้องกังวล”

“พิษมาจากปิ่นปักผมของเจ้า ปิ่นปักผมอันนั้นข้าเป็นคนมอบให้ เจ้าจึงใส่มันบ่อย ๆ พิษค่อย ๆ แทรกซึมลงในเส้นผมของเจ้า ปิ่นปักผมไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใดก็สัมผัสได้ สาวใช้สองคนของเจ้าน่าสงสัยที่สุด ทว่าพวกนางล้วนถูกเซี่ยคุนเลือกมาอย่างดี ระยะนี้หลังจากสังเกตมาสักพักก็ไม่มีวี่แววจะทรยศ เจ้าลองคิดดูเถิดว่านอกจากสาวใช้ของเจ้าแล้ว ยังมีผู้ใดแตะต้องปิ่นปักผมของเจ้าอีก”

“ปิ่นปักผม…” มู่ซืออวี่สัมผัสบนศีรษะของตน

ตรงนั้นยังคงว่างเปล่า

นางปล่อยมือลงแล้วกล่าวว่า “นับตั้งแต่ท่านให้ปิ่นปักผมข้ามา ข้าก็ปักมันทุกวัน ปกติแล้วฉานอีกับซางจือจะแต่งตัวให้ข้า สาวใช้คนอื่น ๆ ไม่มีโอกาสได้สัมผัส”

“เจ้าเคยลืมใส่หรือไม่?”

“ไม่เคย”

“ไม่ต้องคิดแล้ว ข้าจะตรวจสอบให้ชัดเจนเอง”

“ข้านึกอะไรบางอย่างได้แล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “ตอนที่ข้าทำโถงพระเล็กเสร็จสมบูรณ์ได้ไม่นาน ฉินเหม่ยเหรินจากพระตำหนักกานลู่ขอให้ข้าช่วยนางเปิดกล่องใบหนึ่ง ข้าใช้ปิ่นปักผมเปิดมัน”

“ฉินเหม่ยเหริน…”

ยาถอนพิษของหมอหลวงยังปรุงออกมาไม่ได้ สุขภาพมู่ซืออวี่ทรุดลงเรื่อย ๆ นางไม่อาจแม้กระทั่งลุกจากเตียงได้ด้วยซ้ำ

ลู่อี้ไม่กล้าออกห่างจากมู่ซืออวี่ไปแม้เพียงชั่วขณะ

อย่างไรก็ตาม ในวังเรียกตัวเขา เขาไม่อาจไม่เข้าวังได้

หลังจากเข้าวังไปได้ไม่นานเขาก็ออกมาอีกครั้ง

ที่แท้หอชมจันทร์ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมโยธาธิการเกิดปัญหาขึ้น ใต้เท้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ถูกปรับเบี้ยหวัด ทั้งยังถูกนำตัวไปขังคุก ฮ่องเต้นึกถึงมู่ซืออวี่ขึ้นมาจึงจะให้ลู่อี้พานางเข้าวังหลวงเพื่อให้รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้

แน่นอนว่าลู่อี้ปฏิเสธ

“ท่านปฏิเสธฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่ตำหนิท่านหรือ?”

“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าป่วย ลุกจากเตียงไม่ได้ ไม่ว่าฮ่องเต้จะโง่เขลาเบาปัญญาเพียงใด คงไม่อาจส่งคนมาแบกเจ้าเข้าวังกระมัง?”

“นายท่าน มีคนจากวังมาแล้ว” เสียงบ่าวดังมาจากด้านนอก

ลู่อี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ หันกลับไปมองมู่ซืออวี่ “ข้าจะไปดู”

“ดูเหมือนข้าจะปากอัปมงคลเสียแล้ว เกรงว่าจะพูดถูก คนจากในวังจะมาพาตัวข้าเข้าไปในวังจริง ๆ”

“ตอนนี้เจ้าไม่อาจขยับตัวได้” ลู่อี้จับไหล่ของนางไว้ “ฟังข้า ข้าจะไม่ยอมให้พวกเขาพาตัวเจ้าไป”

พิษในร่างกายของมู่ซืออวี่ยังไม่ได้รับการรักษา เดิมทีร่างกายของนางก็อ่อนแอมากอยู่แล้ว หากยังต้องเผชิญกับความวุ่นวายนี้อีก เกรงว่าแม้กระทั่งทารกในท้องก็ไม่อาจออกจากครรภ์มาได้

และถึงแม้นางจะได้รับการถอนพิษแล้ว นางก็ไม่อาจเคลื่อนไหวไปมาอย่างสะดวกได้อีกระยะหนึ่ง

ลู่อี้ออกไปจัดการคนที่วังส่งมา

“ฉานอี เจ้าไปดูที่ห้องโถงใหญ่ หากมีเรื่องอะไร จำไว้ว่าต้องมารายงานข้า”

“เจ้าค่ะ”

ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉานอีจึงกลับมารายงาน “นายท่านขัดขวางขันทีผู้นั้นอยู่ครึ่งค่อนวัน ผ่านไปหนึ่งก้านธูป ก็มีคนจากในวังมาเรียกตัวขันทีผู้นั้นกลับไป”

“ดูเหมือนข้าจะไม่ต้องเข้าวังแล้ว”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”

“นายท่านช่างเก่งกาจยิ่งนัก” ซางจือเอ่ย “เขากล่าวว่าฮูหยินไม่ต้องเข้าวัง ฮูหยินก็ไม่ต้องเข้าวังจริง ๆ”

“คำพูดเช่นนี้เจ้าอย่าได้พูดไปข้างนอกเป็นอันขาด” มู่ซืออวี่เอนกายลงไปอีกรอบ “นอกจากนี้ พวกเจ้าไปดูทางหมอหลวงซิว่าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าไม่รู้ว่าท่านพี่บอกความจริงกับข้าหรือไม่ พวกเจ้าไปหาคำตอบดูสักหน่อยเถิด”

“คิดว่าสามีจะโกหกเจ้าหรือ?” ลู่อี้เปิดประตูเดินเข้ามา

“ไม่ใช่…” มู่ซืออวี่เอื้อมมือออกไปหา “ลำบากใต้เท้าลู่แล้ว ไหนเล่าให้ข้าฟังซิ ท่านไล่เขากลับไปได้อย่างไร?”

“ขอเพียงแค่คนในวังไม่มีเวลาใส่ใจหอชมจันทร์ก็พอแล้ว” ลู่อี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฮ่องเต้เสวยยามากเกินไป พลานามัยจึงไม่แข็งแรง หากพระวรกายไม่แข็งแรง เขายังจะมีกะจิตกะใจชมจันทร์อยู่อีกหรือ?”

“ชั่วร้ายยิ่งนัก”

“นี่เรียกว่ากลอุบาย” ลู่อี้กล่าว “รีบนอนลงเถิด อย่าได้วิ่งวุ่นไปมา”

หากไม่ใช่ฮ่องเต้โง่เขลาเบาปัญญาผู้นี้มีประโยชน์ต่อเขาก็คงอยู่มาไม่ถึงวันนี้

หากวันใดฮ่องเต้ทำให้เขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าชะตากรรมฮ่องเต้คงถึงที่สิ้นสุด

“จือเชียน ไปเร่งท่านหมอหลวง” ลู่อี้เอ่ย “ถามว่าเขายังขาดสิ่งใดหรือไม่ หากไม่ขาดสิ่งใดก็รีบเตรียมยาถอนพิษเสีย”

จือเชียนรุดไปยังที่อยู่อาศัยของหมอหลวงผู้นั้น

ในคืนนั้น หมอหลวงนำยาถอนพิษมาให้มู่ซืออวี่

หมอหลวงพักอยู่ที่จวนลู่ รออยู่ในห้องรับรองแขกด้านข้าง คอยเฝ้าสังเกตการตอบสนองของร่างกายนางอย่างใกล้ชิด วันถัดมา ท้ายที่สุดหมอหลวงจึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขาคาดว่าหากสามารถรักษาฮูหยินลู่ไว้ได้ เขาจะได้เชยชมชีวิตที่มั่งคั่งรุ่งเรืองอย่างไร้ที่สิ้นสุด แต่หากไม่อาจรักษาฮูหยินลู่ได้ เกรงว่าชีวิตน้อย ๆ ของเขาก็คงรักษาได้เพียงวันนี้เท่านั้น…

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท