บทที่ 624 ภาพเหมือนภาพหนึ่ง
บทที่ 624 ภาพเหมือนภาพหนึ่ง
ครึ่งเดือนต่อมา ร่างกายของมู่ซืออวี่ก็กลับมาเป็นปกติ
เมื่อมองดูบ่าวรับใช้เหล่านั้นก็ไม่มีผู้ใดขาดหายไปแม้เพียงคนเดียว ดูเหมือนคนเหล่านี้จะไม่มีปัญหา
หากมีปัญหาจริง ๆ ลู่อี้คงจัดการก่อนที่นางจะรู้เรื่องเสียด้วยซ้ำ ครึ่งเดือนมานี้ไม่มีผู้ใดหายไป เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้เป็นบ่าวรับใช้ธรรมดาจริง ๆ
“สามี มู่ซือเจียวหายตัวไปแล้วหรือ?”
ลู่อี้โอบแขนรอบเอวมู่ซืออวี่ กระชับตัวนางมานั่งบนตัก
ตอนนี้ท้องของนางหนักอึ้ง ขานางเริ่มบวมแล้ว ยืนเพียงชั่วครู่ชั่วยามก็รู้สึกเหนื่อยล้าได้ง่าย ๆ
“ข้าส่งคนไปค้นหาทั่วทุกที่ ทว่าดูเหมือนนางจะหายไปกลางอากาศ”
“หรือว่านางเปลี่ยนโฉมอีกแล้ว?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “ในเมื่อนางเปลี่ยนโฉมได้ครั้งหนึ่ง ย่อมเปลี่ยนได้เป็นครั้งที่สอง”
“เป็นเช่นนั้น คิดจะตามหานางไม่ได้ง่ายดาย นอกจากนี้ หากนางฉลาด นางย่อมไม่สร้างปัญหาให้เจ้าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ นางจะหลบซ่อนรอคอยโอกาสที่จะได้ลงมืออีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของเจ้า ข้างกายเจ้าไม่อาจเก็บคนแปลกหน้าไว้ได้อีก” ลู่อี้บีบมือนางเบา ๆ “เข้าใจหรือไม่? ไม่ว่าเจ้าหรือลูกก็ไม่อาจแบกรับความเสี่ยงได้อีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ตนเองเป็นเหยื่อล่อนางออกมา นางมีค่าอะไรกัน? ไม่ควรค่าแก่การเสี่ยงของเจ้าแม้เพียงนิด”
“ข้ารู้”
มู่ซืออวี่ไม่ได้โง่เขลา
การถูกวางยาครั้งนี้ นางยังกังวลว่าทารกในท้องจะปลอดภัยดีหรือไม่ นางจะเอาชีวิตของตนกับลูกไปเสี่ยงอีกครั้งได้อย่างไร?
มู่ซือเจียวคู่ควรหรือ?
ใต้หล้าล้วนคิดว่ายามใดกันที่ฮ่องเต้เฒ่าจะถึงคราตาย ไม่ว่าจะตายอยู่ในอ้อมอกของสตรีหรือตายด้วยยาอายุวัฒนะเหล่านั้น ทว่าฮ่องเต้เฒ่าไม่ทันได้ตาย องค์รัชทายาทที่กำลังรุ่งโรจน์กลับถูกลอบปลงพระชนม์อย่างไม่คาดคิดเสียก่อน
องค์รัชทายาทถูกลอบปลงพระชนม์ ทั่วทั้งราชสำนักตกอยู่ในความวุ่นวายโกลาหล
องค์รัชทายาทไร้ความสามารถเป็นเรื่องหนึ่ง ถูกถอดถอนหรือลดขั้นย่อมเป็นเรื่องธรรมดา หากแต่ถูกคนลอบปลงพระชนม์ นั้นเป็นการท้าทายอำนาจของราชวงศ์
ในช่วงเวลาตึงเครียดเช่นนี้ ขุนนางใหญ่มากมายในราชสำนักถูกลดขั้น
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนขององค์ชายรอง เห็นได้ว่าฮ่องเต้เฒ่าโง่เขลาเบาปัญญาผู้นั้นเชื่อว่าการตายขององค์รัชทายาทมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์ชายรองที่ลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทซึ่งกำลังรุ่งโรจน์
หลายปีมานี้ องค์รัชทายาทและองค์ชายรองคานอำนาจซึ่งกันและกันมานาน หลังจากองค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ องค์ชายรองย่อมก้าวเข้ามาควบคุมราชวงศ์ได้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง สำหรับฮ่องเต้เฒ่าที่โง่เขลาหวาดกลัวความตายผู้นั้น เขาย่อมรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน
ที่จวนเซวียนอ๋อง หยางอีเหรินได้ยินว่าเซวียนอ๋องออกมาจากวังหลวงแล้ว ก่อนหน้าที่เขาจะออกจากจวน นางได้สั่งการบางอย่างกับผู้วางแผนไว้ จึงไปที่ห้องตำราของเขา
“หวางเฟย ห้องตำราเป็นสถานที่สำคัญ ท่านอ๋องกำชับไว้ ผู้อื่นไม่อาจเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต” บ่าวรับใช้ขวางหยางอีเหรินเอาไว้
หยางอีเหรินมองบ่าวรับใช้ผู้นั้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “หวางเฟยผู้นี้เป็นผู้อื่นหรือ? ในจวนอ๋องแห่งนี้ นอกจากท่านอ๋องแล้ว หวางเฟยผู้นี้ถือเป็นนาย เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาขวาง?”
“นี่เป็นคำสั่งของท่านอ๋อง…”
“หลีกไป!” สาวใช้ข้างกายหยางอีเหรินตวาด “ในจวนอ๋องแห่งนี้ ไม่ใช่เพียงท่านอ๋องที่จะตัดสินความเป็นความตายเจ้าได้ ประโยคเดียวจากพระนางหวางเฟยก็ทำให้ชีวิตของเจ้าอยู่ไม่สู้ตายเช่นกัน”
บ่าวรับใช้ยอมถอยออกไป
หยางอีเหรินเดินดุ่ม ๆ เข้าไปในห้องตำรา
องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์แล้ว พี่หญิงพระชายาองค์รัชทายาทของนางคลุ้มคลั่งเสียสติยกใหญ่ นางยังอุตส่าห์ใจดีไปเยี่ยม แต่พี่หญิงคนดีของนางกลับยกมือชี้หน้า ตะคอกนางอย่างเกรี้ยวกราด กล่าวว่าความปรารถนาของนางเป็นจริงแล้วสินะ
คราแรกหยางอีเหรินโกรธยิ่งนัก ทว่าเมื่อใคร่ครวญดูอีกที อีกฝ่ายก็กล่าวได้ไม่ผิด
องค์รัชทายาทสิ้นแล้ว สกุลหยางไม่ต้องคอยสนับสนุนองค์รัชทายาทอีกต่อไป อีกอย่างสกุลหยางยังมีบุตรเขยที่เป็นองค์ชายอีกคนนั่นก็คือเซวียนอ๋อง จากสถานการณ์ในตอนนี้ ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับสืบทอดราชบัลลังก์มากที่สุดคือเซวียนอ๋อง หาใช่ใครอื่น
หากเซวียนอ๋องได้ขึ้นครองบัลลังก์ เช่นนั้นนางย่อมได้เป็นฮองเฮา
พรึ่บ!
ตะกร้าภาพวาดที่อยู่ข้าง ๆ นั้น จู่ ๆ ก็ล้มลง
หยางอีเหรินหันกลับไปมอง เห็นเพียงสาวใช้ของตนไปชนตะกร้าภาพวาดนั้น ภาพวาดในตะกร้าจึงตกลงแผ่กระจายไปทั่วพื้น
“หวางเฟยโปรดอภัย บ่าวไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ บ่าวจะเก็บประเดี๋ยวนี้”
หยางอีเหรินหยิบภาพวาดแผ่นหนึ่งขึ้นมา
ในภาพวาดเป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่ง ดูไปแล้วอายุไม่มากนัก มวยผมทรงซาลาเปาสองข้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยาว์วัย รอยยิ้มบนใบหน้ามีลักยิ้มแต่งแต้ม เปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาดุจพระอาทิตย์รุ่งสาง
แม่นางน้อยสกุลลู่ผู้นั้น
แม้ว่าคนในภาพวาดนี้ดูเหมือนอายุน้อยกว่าลู่จื่ออวิ๋นสองสามปี ทว่าเพียงมองแวบเดียวก็สามารถบอกได้ว่าเป็นนาง
หยางอีเหรินดูอีกภาพหนึ่ง
แม่นางน้อยในภาพเติบใหญ่แล้ว แก้มกลม ๆ ของนางหายไป ใบหน้างดงามประณีตมากขึ้น ไม่ได้ดูใสซื่ออีกต่อไป แต่ดูอ่อนโยนเจริญตากว่าเดิม
“หวางเฟย…” สาวใช้มองนางด้วยความกังวล
หยางอีเหรินเย้ยหยัน “ข้าสงสัยนานแล้ว เพียงแต่ไม่มีหลักฐาน บัดนี้ดูเหมือนเซวียนอ๋องของพวกเรายังคงมีความรัก”
“บ่าวคิดว่าท่านอ๋องพึงใจอนุจ้าว”
“สตรีที่รู้จักแต่ใช้แป้งโปะใบหน้าเช่นนั้น เขาจะพึงใจได้อย่างไร? เขาเพียงแค่อยากปกป้องคนที่อยู่ในใจจึงจงใจแสร้งรักใคร่นางให้ข้าดู”
“แต่อนุจ้าวตั้งครรภ์แล้วนะเจ้าคะ”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของหยางอีเหรินพลันไม่น่าดูชมขึ้นมาทันที
ภรรยาแต่งออกหน้ายังไม่ตั้งครรภ์ อนุกลับตั้งครรภ์ก่อนแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นการตบหน้านางอย่างจัง
“นังเด็กสกุลลู่ผู้นั้นมีบิดามารดาปกป้อง เป็นไปไม่ได้ที่นางจะมาเป็นชายารองของเขา วันนั้นข้าเห็นจวนอู่อันโหว อีกทั้งยังมีจวนเจียงของเสนาบดีกรมกลาโหมสุภาพต่อสกุลลู่ คิดว่าคงอยากเกี่ยวดองกันเป็นแน่ หวางเฟยผู้นี้ไม่ต้องการจับจ้องแม่นางน้อยผู้หนึ่งไม่ยอมปล่อย สำหรับบุรุษเหล่านี้แล้ว สิ่งที่พวกเขาไม่ได้มาคือสิ่งที่ดีที่สุด แทนที่ข้าจะไปเสียเวลากับนาง ยังไม่สู้คิดหาวิธีป้องกันไม่ให้จ้าวอวิ๋นซวงนางแพศยาผู้นั้นคลอดเด็กนั่นออกมาจะดีเสียกว่า”
สิ้นคำ หยางอีเหรินก็ส่งภาพในมือให้สาวใช้
“เจ้านำของสิ่งนี้ไปให้อนุจ้าว นางจะได้รู้ซึ้งถึงความซื่อสัตย์ของสามี”
หลังจากจ้าวอวิ๋นซวงตั้งครรภ์ ฟ่านเหยี่ยนพยายามหาอาหารการกินและของใช้ที่ดีที่สุดทุกชนิดให้นาง ทั่วทั้งจวนล้วนทราบว่าอนุจ้าวได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งหวางเฟยยังไม่อาจทำอะไรนางได้
เมื่อภาพเหมือนถูกส่งไปถึง หลังจากมองดูแล้ว สายตาของจ้าวอวิ๋นซวงแฝงไปด้วยแววเย้ยหยัน
“ท่านอย่าได้ถูกหลอกนะเจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยปลอบใจนาง
“ข้าไม่ได้โง่เขลา” จ้าวอวิ๋นซวงลูบท้องของนาง “ท่านอ๋องอยู่ที่นี่กับข้าทุกวัน แน่นอนว่าหวางเฟยย่อมต้องการให้ข้าเป็นสตรีบ้าทำให้ท่านอ๋องขุ่นเคือง ท่านอ๋องมีคนในใจหรือไม่แล้วอย่างไร? ข้าปรนนิบัติรับใช้เขาทุกวัน จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในใจเขามีผู้ใดอยู่หรือไม่?”
ตกกลางคืน ฟ่านเหยี่ยนมักจะเอ่ยเรียก ‘อวิ๋นเอ๋อร์’ อยู่เสมอ นางก็เป็นสตรีเช่นกัน แน่นอนว่าต้องอยากทราบว่า ‘อวิ๋นเอ๋อร์’ ผู้นี้เป็นผู้ใด ต่อมานางจึงสอบถามผู้คนรอบกายเขาและได้รู้ว่าฟ่านเหยี่ยนมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับสกุลลู่ เจี้ยหยวนสกุลลู่เคยเป็นสหายร่วมเรียนของเขา และคุณหนูสกุลลู่ผู้นั้นก็มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวง ชื่อของนางมีคำว่า ‘อวิ๋น’ อยู่ด้วย นี่ไม่ชัดเจนหรือ?
“ภาพเหมือนนี้ควรนำกลับไปที่ห้องตำราหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่จำเป็น” จ้าวอวิ๋นซวงเอ่ย “หวางเฟยส่งมาที่นี่ หากท่านอ๋องถามเรื่องนี้ เพียงแค่ตอบตามความจริงก็พอแล้ว”
“ขออภัยที่ข้าต้องกล่าวตามตรง ตอนนี้ท้องของท่านเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หวางเฟยเห็นท่านเป็นหอกข้างแคร่ เด็กคนนี้ต้องปกป้องไว้ให้ดี ยังมีหมอตำแยและท่านหมอที่ท่านควรกังวลด้วย ท่านต้องคุยกับท่านอ๋องให้เขาเชิญคนที่ไว้ใจได้มานะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นการคลอดครั้งนี้คงยากลำบากยิ่ง อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้ทุกรูปแบบเลยเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้” จ้าวอวิ๋นซวงกล่าว “ข้าจะไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสนั้น สำหรับข้า สิ่งใดข้าล้วนไม่ต้องการ เพียงแค่ปกป้องชีวิตเด็กคนนี้ไว้ได้ ข้าก็มีความสุขไปชั่วชีวิตแล้ว…”