บทที่ 637 บัณฑิตก่อความวุ่นวาย
บทที่ 637 บัณฑิตก่อความวุ่นวาย
“พวกเขากล่าวว่าการประกาศผลสอบมีปัญหา” จือเชียนกล่าว “ตอนที่ข้ากลับมา พวกเขากำลังก่อจลาจล มีเจ้าหน้าที่ทางการหลายคนรุดมาควบคุมสถานการณ์ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
“นี่เป็นเรื่องของกรมพิธีการ” เจี่ยเฉิงผิงเอ่ย “คงเป็นเพราะพวกเขาจัดการได้ไม่เหมาะสม พวกเราไม่ต้อง…”
“จือเชียน ไปตรวจสอบว่าพวกเขาก่อความวุ่นวายอะไร”
“ขอรับ”
บัณฑิตเหล่านั้นก่อความวุ่นวายอะไร?
หากอยากตรวจสอบ เพียงชั่วครู่ก็สามารถตรวจสอบออกมาได้แล้ว
ลู่ฉาวอวี่เป็นฮุ่ยหยวน เรื่องนี้ล้วนไม่มีผู้ใดคิดว่ามีปัญหา อย่างไรก็ตาม ปัญหาเริ่มต้นจากลำดับที่สอง อีกทั้งยังเป็นปัญหาอย่างใหญ่หลวงเสียด้วย
เดิมทีนอกจากลู่ฉาวอวี่แล้ว ยังมีบัณฑิตอีกหลายคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ทว่าบัณฑิตเหล่านั้นที่ควรอยู่ในห้าอันดับสูงสุดกลับรั้งอยู่ในอันดับท้าย ๆ หากเรื่องมีเพียงเท่านี้ก็แล้วไปเถิด แต่ผู้ที่ได้อันดับที่สอง อันดับที่ห้า อันดับที่เจ็ด และอันดับที่เก้าล้วนเป็นผู้ที่มีความสามารถพื้น ๆ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงลำดับที่ดีเช่นนั้น แค่พวกเขาได้อยู่บนรายชื่อผู้สอบผ่านก็นับว่าเป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูลแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนล้วนมองออกว่าการสอบมีปัญหา
เช้าวันถัดมา ขณะที่ฮ่องเต้ยังคงง่วงงุน เหล่าขุนนางที่อยู่เบื้องล่างล้วนโมโหหน้าดำหน้าแดง
“พอแล้ว” เสียงแหบแห้งของฮ่องเต้เฒ่าดังขึ้น “พวกเจ้ามาโต้เถียงอยู่ตรงนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา? หากรายชื่อผู้สอบผ่านมีปัญหา ลำดับขั้นและความสามารถของบัณฑิตไม่เท่าเทียมกัน นั่นหมายความว่าพวกเจ้าจัดการได้ไม่เหมาะสม หากยังโต้เถียงกันอีก ข้าจะลากทั้งหมดออกไปโบยจนกว่าจะเงียบเสียง”
“เสด็จพ่อ ลูกยินดีไปตรวจสอบเรื่องนี้” ฟ่านเหยี่ยนก้าวออกมา
“ได้ เช่นนั้นมอบให้เจ้าจัดการ”
เช่นนี้แล้ว เรื่องการสอบเคอจวี่นี้จึงถูกส่งต่อไปยังเซวียนอ๋อง
ลู่อี้ยังคงเงียบเชียบเช่นเคย หลังจากการหารือจบสิ้นแล้ว ขุนนางหลายท่านต่างก็เดินเข้ามาหา
“ใต้เท้าลู่ การสอบขุนนางครั้งนี้ฮุ่ยหยวนเป็นบุตรชายของท่าน หากเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เกรงว่าบุตรชายของท่านจะถูกดึงเข้าไปพัวพันแล้ว!”
“เหตุใดถึงจะดึงเขาเข้าไปพัวพันเล่า? หรือว่าใต้เท้าอู่รู้สึกว่าบุตรชายของข้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งฮุ่ยหยวนอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่ ๆๆ ทุกคนล้วนทราบว่าบุตรชายของท่านมากพรสวรรค์เพียงใด อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างให้บัณฑิตทั่วทั้งใต้หล้า”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับบุตรชายของข้าเล่า?” ลู่อี้เอ่ยนิ่ง ๆ “ใต้เท้าอู่ระมัดระวังคำพูดด้วยเถิด”
“สหายอู่พูดจาไม่เป็น ใต้เท้าลู่อย่าได้โมโหไป ได้ยินว่าใต้เท้าลู่มีบุตรชายอีกคนแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย เช่นนั้นวันดื่มสุราครบเดือนเล่า กำหนดแล้วหรือ?”
“เอาไว้ว่ากันทีหลังเถิด! ตอนนี้ราชสำนักมีหลายสิ่งหลายอย่างต้องจัดการ ทหารมีเรื่องชายแดน พลเรือนมีเรื่องการสอบขุนนาง ตอนนี้ยังไม่มีเวลาวุ่นวายเรื่องอื่น” ลู่อี้ประกบมือคำนับก่อนจะสาวเท้าออกไป
ทันทีที่ลู่อี้เดินออกไป ใต้เท้าอู่ก็เบ้ปากตามหลังเขาแล้วเอ่ยว่า “ลู่อี้ผู้นี้เป็นแค่เพียงผู้บัญชาการศาลต้าหลี่เล็ก ๆ คนหนึ่ง ชักจะโอหังขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้ว”
“ผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ผู้นี้จัดการได้ยากยิ่งกว่าผู้บัญชาการศาลต้าหลี่คนก่อนเสียอีก ในมือเขามีเรื่องของพวกเราไม่น้อย ใต้เท้าอู่ อย่าได้ดื้อรั้นดึงดันพุ่งชนเขา ไม่เห็นหรือว่าแม้กระทั่งหน่วยลับยังยำเกรงลู่อี้?”
“เอ่ยถึงหน่วยลับแล้ว นี่แปลกประหลาดจริง ๆ เมื่อก่อนหน่วยลับมักจะแย่งชิงคดีไปจากศาลต้าหลี่ บัดนี้กลับน้อยลงแล้ว”
“ดั้นนั้นข้าถึงบอกอย่างไรเล่าว่าลู่อี้เป็นคนโหดเหี้ยม แน่นอนว่าหน่วยลับก็คือหน่วยลับ พวกเราไม่อาจล่วงเกินผู้ใดทั้งสิ้น”
ตอนที่คดีการสอบขุนนางเริ่มต้น มีเพียงบัณฑิตไม่กี่คนเท่านั้นที่ก่อปัญหา บัดนี้กลับลุกลามใหญ่โต เหล่าบัณฑิตต่างเรียกร้องหาความยุติธรรมอยู่หน้ากรมพิธีการทุกวัน
ฟ่านเหยี่ยนรวบรวมหลักฐานทั้งหมด อีกทั้งยังเผยแพร่กระดาษคำตอบของผู้เข้าสอบออกไป จากการตรวจสอบยืนยัน ผู้เข้าสอบที่มีปัญหาเหล่านั้นแสดงความสามารถได้ดีจนน่าประหลาดใจ ดีเสียจนเกินกว่าระดับความรู้ของพวกเขา
หลังจากตรวจสอบจึงพบว่าบัณฑิตเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลู่ฉาวอวี่
“มีความสัมพันธ์อันดีอย่างนั้นหรือ?” ลู่ฉาวอวี่ได้ยินคำพูดของลู่อี้ก็กล่าวขึ้น “ข้าไม่ได้พูดคุยกับพวกเขาสักคำ”
“บัณฑิตเหล่านั้นล้วนแต่มาจากเมืองฮู่เป่ย” ลู่อี้เอ่ย “ตอนที่เจ้าคุยกับพวกเขา มีคนพบเห็นหรือไม่?”
“ข้าเข้าร่วมชุมนุมกวีบ้างเป็นบางครั้ง ทุกคนล้วนพูดคุยเรื่องบทกลอนนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ข้าไม่ได้ถามว่าพวกเขามาจากที่ใด พวกเขาเข้ามาขอคำแนะนำ ข้าก็เพียงแต่ให้คำแนะนำไปตามตรงเท่านั้น นี่นับว่ามีความสัมพันธ์อันดีแล้วหรือ?”
“ดูเหมือนน้ำโคลนครานี้ต้องการสาดใส่เจ้าแล้ว” ลู่อี้เอ่ยอย่างเยือกเย็น “สาดน้ำโคลนใส่เจ้า นั่นหมายความว่าคิดจะลากข้าลงบ่อโคลนนี้ไปด้วย หากไม่ใช่เช่นนั้น ไยหลักฐานทั้งหมดจึงชี้มาที่พวกเรา?”
มู่ซืออวี่ยังอยู่ในช่วงอยู่เดือน เรื่องราวภายนอกถูกปิดไว้อย่างมิดชิด ไม่มีผู้ใดบอกเรื่องเหล่านี้กับนาง
นางเพียงแค่รู้ว่าลู่ฉาวอวี่เป็นฮุ่ยหยวน
เพียงแต่มู่ซืออวี่กลับสัมผัสได้ว่าบรรยากาศในจวนผิดแปลกไป
ซูจือหลิ่วอยู่ข้าง ๆ มองดูนางทานน้ำแกงไก่จนหมด แล้วส่งพุทราจีนให้กินคลายความเลี่ยน
“จือหลิ่ว ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
“ไม่มีนี่!”
“เจ้าคิดว่าข้ามองไม่ออกหรือ?”
“อืม…” ซูจือหลิ่วส่งพุทราจีนให้นางอีกลูก “เอาเถอะ ข้าจะบอกท่าน ดูเหมือนว่าการสอบขุนนางครั้งนี้จะมีปัญหาแล้ว”
เมื่อได้ยินรายละเอียดที่ซูจือหลิ่วเล่าให้ฟัง มู่ซืออวี่จึงเอ่ยว่า “บัณฑิตเหล่านั้นว่าอย่างไร? พวกเขาไม่ได้อธิบายหรือว่าเหตุใดจึงทำออกมาได้ดี?”
“พวกเขาออกมาพูดแล้ว เพียงกล่าวว่าพวกเขาตอบปัญหาได้เพราะความสามารถของตนเอง ไม่นับเป็นปัญหาอะไร” ซูจือหลิ่วเอ่ย “ข้าได้ยินว่าทั้งหมดล้วนเป็นบัณฑิตจากเมืองฮู่เป่ย”
“เมืองฮู่เป่ย การสอบขุนนางมีปัญหา อีกทั้งยังมีข่าวลือว่าพวกเขามีสัมพันธ์อันดีกับฉาวอวี่ของพวกเรา…” มู่ซืออวี่เอ่ยกับซางจือที่อยู่ข้าง ๆ “เรียกท่านพ่อบ้านมา”
พ่อบ้านได้รับคำสั่งก็เร่งฝีเท้ามาทันที
“ฮูหยิน…”
“พ่อบ้าน ข้าถามท่าน ระยะนี้มีบัณฑิตที่ใดเข้าหาท่านหรือผู้ดูแลในจวนหรือไม่?”
“มีบัณฑิตหลายคนส่งของขวัญมาให้จริง ๆ ขอรับ กล่าวว่าพวกเขาต้องการพบฮูหยิน ทว่าข้าน้อยขวางพวกเขาไว้ เพราะหนึ่ง ตอนนั้นฮูหยินจวนจะคลอดแล้ว สอง คนเหล่านี้ล้วนเป็นบัณฑิตธรรมดาทั่วไป ไปมาหาสู่กับพวกเขาจะนำมาซึ่งปัญหาได้ง่าย สาม พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฮูหยิน ไม่จำเป็นต้องไปมาหาสู่กัน ฮูหยิน ข้าน้อยทำอะไรผิดหรือไม่ขอรับ?”
“ท่านทำได้ดีมาก แต่ข้ากังวลว่าผู้อื่นจะไม่มีไหวพริบเช่นท่าน ท่านไปถามผู้ดูแลคนอื่น ๆ ดูว่าพวกเขาทำผิดพลาดหรือไม่”
การตรวจสอบครั้งนี้พบว่ามีปัญหาแล้วจริง ๆ
ภายในจวนใหญ่โตเพียงนี้ มีบ่าวรับใช้มากมายต้องดูแล พ่อบ้านเพียงคนเดียวเดิมทีก็ดูแลได้ไม่ทั่วถึง ดังนั้นจึงมีพ่อบ้านรองอยู่ด้วยกันถึงสองคน และมีผู้ดูแลรับผิดชอบส่วนต่าง ๆ ภายในบ้านสิบคน
บัณฑิตเหล่านั้นไม่เพียงแต่มอบของขวัญให้พ่อบ้าน แต่ยังมอบของขวัญให้กับผู้ดูแลคนอื่น ๆ หนึ่งในนั้นมีผู้ดูแลสองคนที่รับมา
“ท่านพาผู้ดูแลที่รับของขวัญสองคนนี้ไปหานายท่าน” มู่ซืออวี่เอ่ย “เล่าสถานการณ์ให้เขาฟังและปล่อยให้เขาจัดการตามสมควร”
บ่าวในจวนนาง ไยจึงถูกเคี้ยวง่ายปานนี้
ป่าไม้กว้างใหญ่ นกชนิดใดล้วนมีทั้งสิ้น ถึงแม้นางจะจัดการบ้านนี้อย่างเคร่งครัดเพียงใด ย่อมมีเวลาสับสนมึนงง นี่ไม่เท่ากลับว่าเป็นการปล่อยให้คนฉกฉวยประโยชน์หรือ?
ภายในเวลาไม่กี่วัน ข่าวที่ลู่อี้และลู่ฉาวอวี่ช่วยคนจากบ้านเกิดเดียวกันโกงข้อสอบก็แพร่สะพัดออกไป
สกุลลู่มาจากเมืองฮู่เป่ย เรื่องนี้ผู้ใดล้วนทราบทั้งสิ้น ลานหรรษาที่มู่ซืออวี่สร้างในเมืองฮู่เป่ยเป็นจุดเด่นของที่นั่น ไม่มีผู้ใดมองข้ามข่าวลือเสียหายครั้งนี้ บัณฑิตทุกหนทุกแห่งล้วนเกิดโทสะ ผู้ที่สอบผ่านล้วนรู้สึกว่าลำดับของพวกเขาควรจะดีกว่านี้ ผู้ที่สอบตกรู้สึกราวกับมีคนมาแย่งชิงที่นั่งของตนเองไป สถานการณ์เริ่มอยู่เหนือการควบคุม
“ท่านอ๋อง เชิญทางนี้” พ่อบ้านเอ่ยกับเซวียนอ๋องหรือฟ่านเหยี่ยนที่ผ่านเข้าประตูมา
ฟ่านเหยี่ยนเห็นลู่จื่ออวิ๋นกำลังอุ้มแมวสีดำตัวหนึ่งเอาไว้ ฝีเท้าพลันหยุดชะงักลง