บทที่ 640 ทำได้ถูกแล้ว
บทที่ 640 ทำได้ถูกแล้ว
ไม่นานงานเลี้ยง ‘สอบผ่านขุนนาง’ ของลู่ฉาวอวี่ก็จัดขึ้น
มู่ซืออวี่ไม่มีกะจิตกะใจเพิ่มลูกเล่นใหม่ให้กับงานครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม นางพร้อมที่จะกิน ดื่ม สนุกสนาน อย่างไรเสียคนรวยก็เหนือผู้อื่นโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำตัวสูงส่งเกินไปนัก
ตัวเอกในงานเลี้ยงครั้งนี้คือลู่ฉาวอวี่ ไม่จำเป็นต้องให้สิ่งอื่นมาขโมยประกายแสงของเขา ผู้คนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ล้วนต้องการทำความรู้จักกับลู่อี้และบุตรชาย ดังนั้นนางต้องทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี
ในที่สุดลู่ฉาวอวี่ก็สามารถสลัดขุนนางที่เข้ามารุมล้อมออกไปได้ เขาออกมาที่ศาลาเพื่อสูดอากาศ
อายุเขายังน้อยจึงไม่ได้ดื่มเหล้า ทว่าหลังจากใช้น้ำชารับการทักทายของผู้คนแทนสุรา ท้องของเขาก็หลงเหลืออาหารไม่มากแต่กลับเต็มไปด้วยน้ำ เมื่อก้าวเดินจึงรู้สึกเหมือนน้ำข้างในร่างกายกำลังสั่นเป็นระลอก
ทันใดนั้น เขาพลันเห็นเงาดำด้านหน้ากำลังเคลื่อนไหว
วันนี้มีแขกเหรื่อมามากมาย ล้วนมีคนทุกประเภท ถึงแม้ว่าจวนลู่จะไม่ขาดผู้คุ้มกันลับ และส่วนใหญ่ล้วนเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ ห้องตำรา แต่ก็ยังมีบางส่วนที่อาจดูแลได้ไม่ทั่วถึง
เขาตามเงานั่นไปทันที
“ผู้คุ้มกัน…”
“นายน้อย” ผู้คุ้มกันลับกระโดดออกมา
“เมื่อครู่นี้มีคนผ่านไป เห็นแล้วหรือยัง?”
“นายน้อยวางใจ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา นั่นเป็นคนที่นายท่านปล่อยให้เข้ามาขอรับ”
เมื่อลู่ฉาวอวี่ได้ยินสิ่งที่ผู้คุ้มกันลับบอกก็เข้าใจในทันที หมายความว่ามีคนคิดจะมาค้นหาของบางอย่างที่จวน ท่านพ่อของเขาคาดเดาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าอีกฝ่ายจะมา ฉะนั้นจึงเฝ้ารออีกฝ่ายอยู่ที่นี่
“จับตาดูไว้”
“ขอรับ”
“กรี๊ดดด…” เสียงกรีดร้องดังขึ้น
ลู่ฉาวอวี่รุดไปตรวจสอบทันที
ผู้คุ้มกันลับก็ตามมาด้วยเช่นกัน
เห็นเพียงแม่นางน้อยคนหนึ่งถูกเชือกพัน ทั้งตัวถูกแขวนอยู่กลางอากาศ
“รีบช่วยข้าลงไปที” แม่นางน้อยผู้นั้นตะโกนบอกลู่ฉาวอวี่ที่อยู่ด้านล่าง “ข้าเพียงแค่อยากหาห้องน้ำ แต่หาทางไปไม่พบ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะบุกเข้าไป”
“ปล่อยนางลงมา” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย
ผู้คุ้มกันลับปล่อยแม่นางน้อยลงมา
แม่นางน้อยผู้นั้นดูคุ้นตายิ่งนัก เป็นสิงเจียซือคุณหนูห้าจวนสิงที่ลู่ฉาวอวี่พบเมื่อคราวก่อนนั่นเอง
ครั้งก่อนบิดาของนางเป็นท่านราชครูองค์รัชทายาท ตอนนี้องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์แล้ว สถานะของท่านราชครูองค์รัชทายาทจึงเริ่มสั่นคลอนขึ้นมา
“เหตุใดเจ้าไม่พาสาวใช้มาด้วย?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยถาม
“สาวใช้คนนั้นกำลังช่วยข้าหาของบางอย่าง” ขณะที่เอ่ย บนใบหน้าของแม่นางน้อยปรากฏสีหน้าอึดอัด
เพราะสีหน้าอึดอัดนี้เองจึงทำให้ลู่ฉาวอวี่เกิดความระแวงสงสัยในตัวนาง
เดิมทีครั้งก่อนที่พบหน้ากัน ความประทับใจแรกที่มีต่อแม่นางน้อยผู้นี้ไม่ย่ำแย่ ตอนนี้นางกลับหลบตาทั้งยังมีท่าทีรู้สึกผิด ชวนให้สงสัยเป็นอย่างยิ่ง
“นางไปหาสิ่งใด?”
“เกี่ยวอะไรกับเจ้า?” สิงเจียซือพูดจากระอึกกระอัก “เจ้าคนผู้นี้… เหตุใดจึงถามข้าซอกแซกนัก?”
“เจ้าไปเหยียบกลไก ทั้งยังเพ่นพ่านไปทั่วบ้านข้า ข้าจะถามคำถามสักสองสามข้อไม่ได้หรือไร?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “เอาเถอะ เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปหาสาวใช้ของเจ้า ตอนนี้เจ้ายังเดินได้หรือไม่?”
“เดินได้ ข้าไม่ได้บาดเจ็บ”
ลู่ฉาวอวี่เหลือบมองผู้คุ้มกันลับ
ผู้คุ้มกันลับถอยออกไป
เหตุใดสิงเจียซือจึงมาปรากฏตัวที่นี่ นางหลงทางจริง ๆ หรือไม่นั้น ล้วนต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ
“เดินมาถึงตรงนี้ข้าจำทางได้แล้ว เจ้าไม่ต้องตามข้ามาหรอก!”
“ข้าจะพาเจ้าไปหาสาวใช้”
“ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าพา…”
ลู่ฉาวอวี่ยังคงเดินตามสิงเจียซือต่อไป
สิงเจียซือเห็นเช่นนี้ นางก็หยุดฝีเท้ายืนอยู่ตรงนั้นแล้วจ้องมองเขา “เจ้าไม่ต้องตามข้ามาแล้ว”
“บ้านพวกเรามีกลไกมากมาย กลไกเมื่อครู่นี้เบาที่สุดแล้ว ยังมีกลไกอันตรายอีกมาก เจ้าไม่อยากให้ข้าพาไปจริง ๆ หรือ?”
“ข้า…” สิงเจียซือกำผ้าเช็ดหน้าในมือ “เช่นนั้นเจ้าช่วยพาข้าไปที่เงียบ ๆ ไม่มีผู้คนได้หรือไม่?”
“เจ้าอยากพักผ่อนหรือ?”
“อืม ข้าเหนื่อยเล็กน้อย อยากพักผ่อนสักประเดี๋ยว” สิงเจียซือหน้าแดงขึ้นมา “ได้หรือไม่?”
“ได้…”
“คุณหนู….” สาวใช้ของสิงเจียซือวิ่งเหยาะ ๆ เข้ามา “คุณหนู ท่านไปอยู่ที่ใดมาเจ้าคะ? ข้าตามหาท่านไปทั่วกลับไม่พบ จริงสิ ของที่ท่านต้องการ…”
สิงเจียซือไม่รอให้สาวใช้กล่าวจบ รีบยัดของนั้นไว้ใส่แขนเสื้อของตนเองทันที
เวลานี้แก้มของนางแดงปลั่ง ราวกับผิงกั่วสุกจัด
ลู่ฉาวอวี่สงสัย ทว่าไม่ได้ถามอะไร
“ไม่ใช่อยากหาที่สงบ ๆ หรือ? มากับข้าสิ”
ลู่ฉาวอวี่พาสองนายบ่าวไปที่ห้องรับรองแขกห้องหนึ่ง
“คือที่นี่ พวกเจ้าต้องการสิ่งใดเพียงแค่เรียกบ่าวก็พอ”
“ขอบคุณ!” สิงเจียซือเอ่ย “เมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้ตั้งใจโมโหร้ายใส่เจ้า เพียงแต่ข้าตกใจกลัวจึงทำเช่นนั้น”
“ไม่เป็นไร” อย่างไรเสียก็ไม่ได้ดูน่ากลัวเท่าใดนัก
อีกฝ่ายแยกเขี้ยวกางเล็บ แต่กลับดูเหมือนลูกแมวพองขนที่ต้องปลอบให้สงบลงเสียมากกว่า
ลู่ฉาวอวี่เดินไปแล้ว
สิงเจียซือถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ข้าตกใจแทบตาย”
“คุณหนู มีอะไรหรือเจ้าคะ?”
“เมื่อครู่นี้ข้าไปเหยียบกลไกของสกุลลู่เข้า”
“เช่นนั้นท่านไม่เป็นไรกระมังเจ้าคะ?”
“ไม่เป็นไร เพียงแค่กะทันหันไปหน่อย ข้ารู้สึก…” แก้มของสิงเจียซือแดงเรื่อขึ้นมา “ข้าจะไปเปลี่ยนก่อน”
สาวใช้บ่นอยู่ข้างหลังฉากบังตา “คุณหนู นับวันดูก็รู้แล้วว่าใกล้วันนั้นของท่าน แต่เมื่อครู่นี้ท่านกลับทานน้ำแข็งไปมากเพียงนั้น ไม่แปลกใจที่จู่ ๆ ระดูท่านจะมาผิดปกติ…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าอยากให้ทุกคนได้ยินหรือไร?” สิงเจียซือแทบอยากหารอยแยกบนพื้นแล้วมุดเข้าไป
“เมื่อครู่นั้นเป็นจ้วงหยวนกระมัง? เขาหน้าตาดีจริง ๆ!” สาวใช้ยกมือขึ้นกุมใบหน้าตนเอง “คุณหนู เมื่อครู่นี้บ่าวอยู่ใกล้คุณชายจ้วงหยวนเพียงนั้น กลับไม่มีโอกาสเอ่ยอะไรแม้เพียงครึ่งคำ ในสมองคิดแต่เพียงว่ากระโปรงท่านจะเลอะเทอะหรือไม่ นั่นคงไม่ใช่ทำให้เพียงท่านขายหน้าแล้ว บ่าวยังจะขายหน้าไปด้วย”
“เจ้าเงียบปากเถอะ ข้าบอกให้เจ้าหยุด เจ้ายังจะพูดต่ออีก” สิงเจียซือเดินออกมาจากฉากบังตา เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ปกติข้าคงตามใจเจ้ามากเกินไปแล้วจริง ๆ”
ลู่ฉาวอวี่ที่อยู่ข้างนอก “…”
เขานึกถึงท่าทีกระอึกกระอักของคุณหนูห้าสกุลสิงผู้นี้ สายตาที่หลบเลี่ยง และสีหน้ารู้สึกผิดบนใบหน้าของนาง คราแรกคิดว่านางมีแผนคิดจะทำอะไร ผลคือ….
เพียงแต่เด็กหญิงผู้นั้นไม่อาจเอ่ยปากเท่านั้น
เมื่อครู่นี้เขาสั่งผู้คุ้มกันลับไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่คิดว่าคงตรวจสอบอะไรออกมาไม่ได้…
ลู่ฉาวอวี่สั่นศีรษะเบา ๆ “คุณหนูห้าผู้นี้… เหตุใดทุกครั้งที่พบนางล้วนต้อง ‘ประหลาดใจ’ อยู่ร่ำไป”
ไม่นานผู้คุ้มกันลับก็รีบกลับมารายงานสถานการณ์ให้ทราบ เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ แม่นางน้อยเพียงแค่ตะกละมากไปจึงรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมาและอยากจะหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้า จึงบุกเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ไม่ต้องสนใจนางแล้ว เพียงแค่จับตามองคนชุดดำผู้นั้นต่อไป”
“ขอรับ”
ลู่จื่ออวิ๋นในฐานะน้องสาวฝาแฝดของลู่ฉาวอวี่ ล้วนถูกบุตรสาวสกุลขุนนางยกย่องชมเชย มีคนเข้ามาพูดคุยกับนางมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มรู้สึกหนวกหู นางจึงหาทางหลบเลี่ยง
“น้องหญิงจื่ออวิ๋น เจ้าจะไปที่ใดหรือ?” เจียงเหยียนหรงเดินนำบุตรสาวสกุลขุนนางหลายคนเข้ามา
เจียงเหยียนหรง หนึ่งในหลานสาวของเจียงเก๋อเหล่า ในสกุลเจียงนางจัดอยู่ในลำดับที่สิบสาม
ปกติเมื่อเจียงเหยียนหรงพบลู่จื่ออวิ๋นที่อื่น ก็มักแสร้งทำเป็นไม่เห็นนางเสมอ ทว่าวันนี้กลับกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
ต้องขอบคุณที่นางคอยหลบเลี่ยง เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นผู้ที่กระตือรือร้นมากที่สุดในหมู่คนที่อยู่ที่นี่
“ข้าจะไปห้องน้ำ”
“บังเอิญจริง ข้าก็อยากไปห้องน้ำเหมือนกัน เมื่อครู่นี้ข้าเพียงแค่อายเพราะหาไม่เจอ ตอนนี้มีน้องหญิงจื่ออวิ๋นที่เป็นเจ้าบ้านนำทาง คิดว่าคงหาไม่ผิดที่แล้ว บ้านสกุลลู่ของพวกเจ้าใหญ่โตเสียจริง สวนต่าง ๆ ก็ออกแบบได้แตกต่างจากบ้านหลังอื่น หากไม่ระวัง คงหลงทางเอาได้ง่าย ๆ”