สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 644 ทาบทามสู่ขอ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 644 ทาบทามสู่ขอ

บทที่ 644 ทาบทามสู่ขอ

งานเลี้ยงครบเดือนของบุตรชายคนรองสกุลลู่จัดขึ้นในวันถัดมา

เป็นไปตามคาด มีแขกเหรื่อแวะเวียนมาไม่ขาดสาย นับว่าเป็นงานเลี้ยงที่คึกคักที่สุดในช่วงสองสามปีมานี้

หลังผ่านพ้นงานเลี้ยงครบเดือนไป มู่ซืออวี่เตรียมจะพักผ่อนอย่างเต็มที่ กลับเห็นแม่สื่อมาทาบทามสู่ขอเสียก่อน

ก่อนที่แม่สื่อจะทันได้เปิดปาก มู่ซืออวี่ก็เอ่ยขึ้นก่อนแล้ว

“ลูกข้ายังเล็ก ข้ายังไม่ทันคิดเรื่องแต่งงานในตอนนี้ เกรงว่าการเดินทางมาเที่ยวนี้ของท่านจะสูญเปล่าแล้ว”

แม่สื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณชายใหญ่ได้ลำดับหนึ่งสามครั้งติดต่อกัน ผู้ใดในเมืองหลวงไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้บ้างเล่า ไม่รู้ว่าแม่นางดี ๆ เช่นใดที่คู่ควรกับดาวเหวินฉวี่เช่นนี้ ข้าไม่กล้าเลินเล่อ หากไม่พบแม่นางที่คู่ควรคงไม่กล้ามาทาบทามสู่ขอถึงหน้าประตู”

“เช่นนั้นวันนี้ท่าน…” มู่ซืออวี่ได้ยินคำพูดของแม่สื่อก็วางถ้วยชาในมือลง

หรือว่าไม่ได้มาทาบทามสู่ขอลู่ฉาวอวี่?

ลู่ฉาวอวี่ชื่อเสียงโด่งดังมากจึงน่าจะมีคนมาทาบทามสู่ขอแต่งงานไม่น้อย นางคิดถึงฉากนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ดังนั้นนางจึงเตรียมวิธีการปฏิเสธไว้ในใจหลายสิบวิธี

“ข้าถูกไหว้วานมาทาบทามสู่ขอคุณหนูใหญ่” แม่สื่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม

มู่ซืออวี่ขมวดคิ้วมุ่น

“ลูกสาวคนโตของของข้าอายุเท่ากับลูกชายคนโตของข้า หากลูกชายคนโตยังไม่แต่งงาน ลูกสาวคนโตก็ไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องนี้”

“นั่นไม่เหมือนกัน!” แม่สื่อร้อนรนเอ่ย “ฮูหยินไม่ฟังก่อนหรือว่าเป็นคุณชายสกุลใด?”

“ไม่ต้องบอก ข้าไม่อยากฟัง”

“ฮูหยิน คุณชายใหญ่เป็นเด็กผู้ชาย มีตำแหน่งแล้วจึงสร้างครอบครัว นั่นสามารถเข้าใจได้ ทว่าคุณหนูใหญ่เป็นเด็กสาว ช่วงเวลาที่เบ่งบานอยู่ได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น จะนำไปเทียบกับคุณชายใหญ่ได้อย่างไร?”

“คำพูดนี้ของท่านอย่าให้นายท่านกับคุณชายใหญ่สกุลเราได้ยินเชียว หากได้ยินเข้า เกรงว่าท่านคงไม่มีโอกาสได้เดินออกนอกประตูนี้ไปโดยครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ในครอบครัวเราเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์คือแก้วตาดวงใจของทั้งบ้าน ผู้ใดก็ไม่อาจกล่าวว่านางควรแต่งออกไปโดยเร็ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ผู้มาเยือนล้วนเป็นแขก สกุลลู่ของเราเองก็เข้าใจกฎเกณฑ์ ท่านดื่มน้ำชาแล้วก็กลับไปเสียเถอะ อย่าได้เสียเวลาอีกเลย”

“ผู้ที่ให้มาทาบทามสู่ขอคือคุณชายเจ็ดจวนเจียง” แม่สื่อรีบเผยความลับออกมาทันที “จวนเจียงของเจียงเก๋อเหล่า บุตรชายคนที่สองของภรรยาเอกบ้านรอง นั่นเป็นสิ่งที่คนมากมายเพียงใดใฝ่หาแต่ไม่ได้มาเชียวนะ”

“ยังคงเป็นคำเดิม ลูกสาวของข้ายังเล็ก ไม่รีบร้อนเอ่ยเรื่องแต่งงาน วันนี้เป็นชะตาของท่านที่ต้องเดินทางมาเสียเปล่าแล้ว ดื่มชาแล้วกลับไปเถิด! เชิญไปบอกกล่าวแก่คุณชายเจ็ดสกุลเจียงว่า ลูกสาวของข้ายังต้องอยู่ที่บ้านอีกสองสามปี”

แม่สื่อถูกบ่าวรับใช้สกุลลู่ไล่ออกนอกประตูไป

แม่สื่อเองก็ใจกล้าเช่นกัน นางบ่นอยู่หน้าประตูสองสามคำอย่างวกไปวนมา ล้วนแต่จับใจความได้ว่าแม้กระทั่งหลานชายของเจียงเก๋อเหล่ายังไม่ถูกใจ ดูสิว่าคนจวนลู่คิดจะแต่งลูกสาวให้สกุลใด

คำพูดก็เล่าลือออกไปเช่นนี้ ข่าวลือที่ว่าจวนเจียงมาทาบทามสู่ขอลู่จื่ออวิ๋นแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง เล่าลือไปเล่าลือมา กลับกลายเป็นว่าจวนเจียงกับจวนลู่กำลังจะเกี่ยวดองกันเสียแล้ว

“เจ้าว่าอันใดนะ?” เซี่ยชิงโจวพ่นน้ำชาเต็มปากออกมา “ผู้ใดจะแต่งกับผู้ใด?”

“คุณชายเจ็ดสกุลเจียงกับคุณหนูใหญ่สกุลลู่”

“นี่ไม่ได้การ…” เซี่ยชิงโจวพึมพำ “ก่อนที่เจ้านั่นจะไปก็ได้สั่งให้ข้าจับตาดูแทนเขาให้ดี ๆ หากถูกคนชิงตัวไปเช่นนี้ เขาจะไม่ฆ่าข้าเอาหรือ?”

“นายท่านเซี่ย ทำอย่างไรดีขอรับ?”

“ดูจากเวลาแล้ว ข้าเกรงว่าเขาคงไปได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น พวกเราไม่อาจทำให้เรื่องนี้กระทบต่ออารมณ์ของเขาได้ ไม่เช่นนั้นหากผิดพลาดไปนั่นหมายถึงชีวิต” เซี่ยชิงโจวเอ่ย “ส่งคนไปสอบถาม ดูว่าจวนเจียงและจวนลู่พูดคุยกันถึงขั้นตอนใดแล้ว”

ผู้ที่ได้รับข่าวนี้ไม่ใช่เพียงเซี่ยชิงโจวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนที่เดิมทีก็หมายตาลู่จื่ออวิ๋นด้วย

ไม่ว่าจะเป็นสกุลโม่ สกุลเจียง และเซวียนอ๋องฟ่านเหยี่ยนที่ไม่เคยคิดจะยอมแพ้

ส่วนผู้ที่อยู่ห่างไกลและยังไม่ได้รับข่าวสารย่อมเมินเฉยได้

อย่างไรเสีย สามคนนี้ที่รับข่าวก็แทบจะหายใจไม่ออกเลยทีเดียว

“เจ้าคิดจะไปทาบทามสู่ขอหรือ?” เมื่อฮูหยินถานได้ยินคำพูดของโม่ชิงเหยียนก็ส่ายหัวปฏิเสธทันที “ไปทาบทามสู่ขอยามนี้ นั่นไม่ใช่ว่าจะเป็นการสร้างความบาดหมางกับจวนเจียงหรือ? นี่นับว่าเป็นการล่วงเกินสกุลเจียงเชียวนะ”

“แต่ท่านแม่ หากสกุลลู่เห็นด้วยแล้ว…”

“พวกเขาจะไม่เห็นด้วย” ฮูหยินถานเอ่ย “เท่าที่ข้ารู้จักคนสกุลลู่ พวกเขาย่อมไม่เต็มใจให้ลูกสาวแต่งงานเร็วเพียงนั้น แม้จะเป็นเพียงการพูดคุยหมั้นหมาย หากไม่ถึงตอนสุดท้าย ก็ไม่มีผู้ใดรู้ได้ว่าสกุลลู่จะให้ลูกสาวแต่งกับผู้ใด”

คำพูดเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับสกุลเจียงเช่นกัน

ความคิดเห็นของฮูหยินเจียงเหมือนฮูหยินถานไม่มีผิด ไปทาบทามสู่ขอในยามนี้ไม่ค่อยฉลาดเท่าใดนัก อีกทั้งนางยังมั่นใจว่าสกุลลู่จะต้องไม่ยกให้ลูกสาวแก้วตาดวงใจแต่งให้คนจากสกุลเจียงเก๋อเหล่าอย่างแน่นอน

ประการแรก ตอนนี้เจียงเก๋อเหล่าต้องการสนับสนุนองค์ชายน้อย สกุลลู่ย่อมไม่ผูกมัดตนเองกับเรือของอีกฝ่าย

ประการที่สอง แม้ว่าคุณชายเจ็ดสกุลเจียงจะเป็นบุตรภรรยาเอก ทว่าเขาเป็นบุตรชายคนรองของภรรยาเอกบ้านรอง นอกจากใบหน้าที่นับว่าไม่เลวแล้ว เรื่องอื่นล้วนไม่สามารถหยิบยกมากล่าวถึงได้ ลู่อี้เป็นทาสลูกสาว ย่อมไม่มีทางที่เขาจะให้ลูกสาวแต่งกับคนโง่เง่าผู้หนึ่ง

ดังนั้นเมื่อลู่อี้ที่กลับมาจากออกไปจัดการเรื่องราวได้ยินเรื่องนี้เข้าจึงจัดการส่งคนไปแก้ข่าวลือในทันที

ณ หอซือเป่า ลู่จื่ออวิ๋นออกมาจากโรงเก็บของ ซ่งกูกูบอกว่ามีคนตามหานาง นางคิดว่าท่านเจ้าหอมีเรื่องจะกำชับจึงเข้าไปในห้องของท่านเจ้าหอ

“ท่านอาจารย์…”

ทันทีที่เข้าไปและเห็นบุรุษที่อยู่ภายในห้อง รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่จื่ออวิ๋นก็จางลง

นางค้อมคำนับแล้วเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพทั้งยังห่างเหิน “คารวะท่านอ๋อง ท่านอาจารย์ของข้าไม่อยู่หรือ? หากเป็นเช่นนั้น ข้าคงต้องขอตัวก่อน”

“อาจารย์ของเจ้าไม่อยู่ที่นี่ เป็นข้าที่มาหาเจ้า” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ย “เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ ถึงตอนนี้เจ้ายังไม่เต็มใจพูดคุยกับข้าอีกหรือ?”

“ท่านอ๋องมีอะไรจะรับสั่งหรือ?”

“เจ้าตกลงหมั้นหมายกับจวนเจียงแล้วรึ?”

ลู่จื่ออวิ๋น “…”

นี่มันเกี่ยวข้องอะไรกัน?

นางอยู่ที่หอซือเป่า ไม่ทันได้กลับไปจวนจึงไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง

“จวนเจียงส่งแม่สื่อไปทาบทามสู่ขอเจ้า”

“ท่านแม่ข้าต้องจัดการอย่างดีเป็นแน่”

“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ ข้าพึงใจเจ้า เจ้าก็รู้กระมัง?” ฟ่านเหยี่ยนเดินเข้าไปใกล้ ๆ นาง

ลู่จื่ออวิ๋นเบี่ยงตัวไปข้าง ๆ “ท่านอ๋องนั่งลงพูดคุยเถอะ ไม่ต้องเข้ามา ข้าได้ยินท่านแล้ว”

“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ ข้าพึงใจเจ้า เจ้าทราบเรื่องนี้ดี ตอนนี้ข้าแต่งงานกับหวางเฟยแล้ว หากแต่นั่นเป็นเพราะข้าถูกบีบบังคับให้แต่ง เป็นสมรสพระราชทานจากเสด็จพ่อ ไม่ใช่ว่าข้าอยากแต่ง หากเจ้าเต็มใจมาเป็นชายารองของข้า หากวันใดวันหนึ่งข้าอยู่ตำแหน่งนั้น เจ้าจะได้เป็นฮองเฮา”

“ท่านรู้หรือไม่ว่ากำลังกล่าวอะไรออกมา?” ลู่จื่ออวิ๋นไม่อาจทนฟังได้อีกต่อไป “ข้าไม่ยินดี!”

“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์…”

“ท่านเรียกข้าว่าแม่นางลู่เถอะ!” ลู่จื่ออวิ๋นสบตาฟ่านเหยี่ยน “ท่านเอาแต่กล่าวว่าเป็นฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้ ท่านไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ เช่นนั้นอนุผู้นั้นที่กำลังจะคลอดบุตรให้ท่านก็เป็นฝ่าบาทบังคับท่านเช่นกันหรือ? ท่านอ๋อง ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ สำหรับท่านแล้วข้าก็เป็นเพียงของสวยงามอย่างหนึ่ง ท่านเพียงแค่รู้สึกว่าท่านคว้าสิ่งนี้มาไม่ได้จึงไม่ยินยอม เมื่อก่อนนี้ท่านยังดี ไม่ได้มีท่าทีขององค์ชายผู้สูงศักดิ์ ต่อพี่ชายข้าและข้าก็มีมิตรไมตรีเป็นอย่างยิ่ง ทว่าท่านได้เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ท่านเพียงแค่ยึดติดกับพวกเราเท่านั้น”

“ความรู้สึกของข้าที่มีต่อเจ้าไม่เหมือนกัน”

“ข้ายังเล็ก ไม่เข้าใจความรู้สึกอะไรนั่น ทว่าสิ่งหนึ่งที่ข้ากระจ่างแจ้งแก่ใจคือ วันหนึ่งข้าจะหาบุรุษที่ไม่รับอนุอย่างท่านพ่อของข้า มีเพียงข้าคนเดียว ท่านพ่อท่านแม่ข้ามีความสัมพันธ์ดีเพียงนี้ ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน ข้าก็อยากพบกับคนเช่นนี้สักคน ท่านอ๋องได้โปรดหยุดเอ่ยคำพูดแปลก ๆ เหล่านั้นเสียที!”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท