สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 648 ไม่ได้อยากจะรีบร้อน

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 648 ไม่ได้อยากจะรีบร้อน

บทที่ 648 ไม่ได้อยากจะรีบร้อน

จือเชียนเดินเข้ามาจากด้านนอก

“เป็นอย่างไร?” ลู่เซวียนเอ่ยถาม

จือเชียนคำนับลู่อี้แล้วรายงานสถานการณ์ “หลังจากตรวจสอบ จดหมายฉบับนั้นเป็นของจริงขอรับ”

“ฉีเซียวว่าอย่างไร?” ลู่อี้เอ่ยถาม

“ใต้เท้าฉีกล่าวว่าจดหมายเป็นของจริง เช่นนั้นตอนนี้จึงต้องตรวจสอบว่าจดหมายนี้ส่งถึงผู้ใด คนผู้นั้นใช่ท่านแม่ทัพซูเซิ่งหรือไม่”

“ใต้เท้าฉีเซียวผู้นี้ จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่อาจบอกได้ว่าเขาเป็นมิตรหรือศัตรู” เซี่ยคุนเอ่ย “เขามาจากสกุลที่มั่งคั่ง ไม่รู้ว่าไยจึงอยากเป็นคมดาบให้ฮ่องเต้ หลายปีมานี้ เขาล้วนถูกขนานนามว่าพญายม คนผู้นี้ต่อใต้เท้าแล้วกลับไม่ได้ตั้งตนเป็นศัตรูกับท่าน ทั้งยังช่วยท่านผ่านความยากลำบากมาหลายครั้งหลายครา วันนี้ในท้องพระโรง เจียงเก๋อเหล่าและคนของเซวียนอ๋องต่างสาดโคลนใส่ มีเพียงเขาที่พูดแทนท่าน”

“ไม่ว่าภายหน้าเขาจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา” ลู่อี้เอ่ย “ใต้เท้าฉีเซียวต้องการตรวจสอบที่มาของจดหมาย พวกเราช่วยเขาตรวจสอบอีกแรงเถอะ เราไม่อาจปล่อยให้เกิดอะไรกับท่านแม่ทัพซูเซิ่งได้เป็นอันขาด”

“ท่านพี่ ท่านเคยคิดจะใช้ประโยชน์จากเซวียนอ๋องหรือไม่?” ลู่เซวียนกล่าว

“อย่างไร?”

“กล่าวไปแล้วครอบครัวพวกเราพอมีสายสัมพันธ์กับเซวียนอ๋องอยู่บ้าง ฉาวอวี่ก็เคยเป็นสหายร่วมศึกษาของเขา เมื่อก่อนเรียนมาด้วยกัน ครั้งนี้เขาร่วมมือกับเจียงเก๋อเหล่า นั่นก็เพราะได้ประโยชน์เช่นกัน ทว่าโลกนี้ไม่มีศัตรูที่ถาวร มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้นที่เป็นนิรันดร์”

“ดูเหมือนเจ้าจะมีวิธีแล้ว” ลู่อี้เอ่ย “เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าว่า”

เจียงเก๋อเหล่าต้องการสนับสนุนองค์ชายน้อย จึงเป็นพันธมิตรชั่วคราวกับเซวียนอ๋อง นั่นเพราะต้องการจัดการศัตรูที่มีร่วมกัน หรือก็คือพรรคพวกของจงอ๋อง

อย่างไรก็ตาม หากกล่าวกันแล้วต่อเซวียนอ๋อง จงอ๋องที่อยู่ห่างไกลผู้นั้นไม่ใช่ผู้ที่เขาควรเกลียดชังที่สุด สิ่งที่เขาควรเกลียดที่สุดควรเป็นฝ่ายเจียงเก๋อเหล่าที่สามารถควบคุมเขาได้ทุกทางมากกว่า

ซูจือหลิ่วอาศัยอยู่ในจวนของมู่ซืออวี่เป็นการชั่วคราว ทุกทางเข้าออกล้วนมีคนคอยคุ้มกัน นางกังวลเรื่องสถานการณ์ของมารดา มู่ซืออวี่จึงพานางไปเยี่ยมเซี่ยวซื่อที่หน่วยลับ

ซูจือหลิ่วเข้าไปในคุก ส่วนมู่ซืออวี่รออยู่ด้านนอก

ฉีเซียวเดินผ่านมาเข้าพอดี เมื่อเห็นมู่ซืออวี่ยืนอยู่ตรงนั้นก็เอ่ยขึ้น “อาทิตย์ร้อนแผดเผาเพียงนี้ ฮูหยินลู่ไม่จำเป็นต้องรออยู่ตรงนี้ ไปหาที่เย็น ๆ นั่งดื่มชาเย็น ๆ สักถ้วยเป็นอย่างไร?”

“ขอบคุณใต้เท้าฉี ทว่าข้าอยากรอให้น้องสะใภ้ออกมาเสียก่อน”

“ข้าจะกำชับให้คนของข้าบอกฮูหยินรองลู่ว่าหากนางออกมาแล้วให้พานางไปหาท่าน” ฉีเซียวเอ่ย “หน่วยลับไม่ใช่สถานที่น่าอภิรมย์นัก ฮูหยินอย่าได้อยู่ที่นี่นานเกินไป”

ลู่อี้ตามคนของหน่วยลับเข้าไปในหน่วยลับ หน่วยลับมีศาลาอยู่แห่งหนึ่ง ตอนนี้ฉีเซียวนั่งอยู่ที่นั่น อีกทั้งผู้ที่สนทนากับเขาอย่างรื่นเริงยังไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นภรรยาของเขา…

“อาวุธที่ท่านส่งมามีประโยชน์กว่าก่อนหน้านี้จริง ๆ” ฉีเซียวเอ่ย “ครานี้ฮูหยินช่วยได้มากทีเดียว”

“นี่เป็นข้อตกลงระหว่างข้ากับใต้เท้า”

“ข้อตกลงอะไรหรือ?” ลู่อี้เดินเข้าไปในศาลา

“ท่านพี่” มู่ซืออวี่เหลียวมองเขา “ท่านมาหาใต้เท้าฉีหรือ?”

“ใช่” ลู่อี้เอ่ย “ข้าอยากพูดคุยกับใต้เท้าฉี ฮูหยิน เจ้ารออยู่ที่นี่สักประเดี๋ยว รอข้าคุยเสร็จแล้วจะส่งเจ้ากลับ”

“อันที่จริงไม่จำเป็น จือหลิ่วกำลังเยี่ยมฮูหยินซูอยู่ที่หน่วยลับ ข้าจะรอกลับพร้อมนาง” มู่ซืออวี่เอ่ย “ท่านจัดการเรื่องของตนก็พอแล้ว”

ฉีเซียวกับลู่อี้เดินปลีกตัวไป

มู่ซืออวี่รออยู่เป็นเวลาสองเค่อ ท้ายที่สุดซูจือหลิ่วก็ออกมาจนได้

ขอบตาของนางแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มา

“ฮูหยินเซี่ยวเป็นอย่างไรบ้าง?”

“นางไม่ได้ถูกทรมานหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไร ของที่ท่านส่งมาล้วนใช้ได้ทั้งสิ้น” ซูจือหลิ่วเอ่ย “เมื่อข้าเอ่ยถึงญาติผู้พี่ ท่านแม่ของข้าโกรธมาก กล่าวว่าญาติผู้พี่เป็นตัวปัญหา ดูเหมือนนางจะถูกคนบงการให้มาทำร้ายสกุลเราตั้งแต่แรก พี่สะใภ้ ท่านพี่ลู่เซวียนบอกว่าญาติผู้พี่หายไปกลางอากาศ ท่านว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าญาติผู้พี่คนนี้จะเป็นตัวปลอม?”

“อาจเป็นไปได้”

ในไม่ช้าเรื่องการก่อกบฏของซูเซิ่งก็ได้เดินทางมาถึงจุดพลิกผัน

จดหมายเหล่านั้นถูกปลอมแปลงขึ้นมา มีคนคิดจะใส่ร้ายขุนนางทหารผู้ภักดีคนนี้ หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดการตรวจค้นบ้านขุนนางหลายหลัง เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ขุนนางหลายคนถูกปลดออกจากตำแหน่ง

“บัดซบ!” เจียงเก๋อเหล่าขว้างถ้วยน้ำชาออกไป “เจ้าเซวียนอ๋องโง่เขลาผู้นั้น เหตุใดจึงไปช่วยลู่อี้จัดการพวกเรา?”

“ได้ยินมานานแล้วว่าเซวียนอ๋องพึงใจลูกสาวของลู่อี้ เกรงว่านี่จะทำเพื่อเอาชนะใจสาวงาม เขาจึงเป็นฝ่ายเสนอที่จะให้ความร่วมมือกับลู่อี้” ผู้วางแผนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น

“อย่างนี้ใช้การไม่ได้” เจียงเก๋อเหล่าเอ่ย “หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราคงไม่มีโอกาสชนะ จงอ๋องไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงพอดี พวกเราไม่อาจรออีกต่อไปได้แล้ว”

“ความหมายของใต้เท้าคือ…”

ลู่อี้กำลังหยอกล้อกับลู่ฉาวจิ่งที่เพิ่งหัดคลาน โดยมีจือเชียนหยุดยืนอยู่ตรงประตู ลอบส่งสายตาบอกใบ้ให้เขาอย่างลับ ๆ

“ฮูหยิน เจ้ากับลูกพักผ่อนก่อนเถิด ไม่ต้องรอข้า” ลู่อี้ส่งลู่ฉาวจิ่งให้กับมู่ซืออวี่

มู่ซืออวี่เหลือบมองจือเชียนแวบหนึ่งแล้วพยักหน้าเบา ๆ

ลู่อี้ออกไปข้างนอกแล้วถามจือเชียน “เกิดอะไรขึ้น?”

“ภายในวังมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ”

“ความเคลื่อนไหวอย่างนั้นหรือ?”

“การสับเปลี่ยนเวรยามในวังมีบางอย่างไม่ถูกต้องขอรับ”

“ตรวจสอบแล้วหรือยัง?”

“ข้าน้อยยืนยันแล้ว คืนนี้มีบางอย่างผิดปกติ”

“ไปเตรียมรถม้า พวกเราไปหน่วยลับ”

ลมกระโชกแรงกระแทกกับหน้าต่างจนเกิดเสียงดังปึงปัง เป็นผลให้ลู่ฉาวจิ่งผู้ที่กำลังคลานอยู่ตกใจกลัว

ซางจือลุกขึ้นไปปิดหน้าต่าง

“กลางวันอากาศร้อนเสียจนแทบจะเผาเราให้สุก เหตุใดกลางคืนอากาศเปลี่ยนอีกแล้วเล่า? สวรรค์ช่างคาดเดาไม่ได้จริง ๆ”

ภายในวังหลวง ฮ่องเต้ชราผูกผ้าปิดตา กางแขนเอื้อมคว้าไปทุกที่ ส่งเสียงหัวเราะด้วยความหื่นกระหาย “คนงาม ไม่ต้องซ่อนแล้ว ประเดี๋ยวเราก็จะจับเจ้าได้แล้ว”

ทว่าสิ่งที่เขาไม่รู้คือทั่วทั้งพระตำหนักกานลู่ไม่มีคนที่มีชีวิตอยู่แม้เพียงผู้เดียว

คนงามที่เขาเอ่ยปากถึงกำลังนอนจมอยู่ท่ามกลางกองเลือด เพราะถูกสังหารโดยไม่มีแม้แต่ผู้ใดสังเกตเห็น

ดาบเล่มหนึ่งพาดลงบนคอของฮ่องเต้ชรา

ฮ่องเต้ชราพบว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงแตะลงบนดาบเล่มนั้น แล้วแก้ผ้าปิดตาออก

“จะ… เจ้าเป็นผู้ใด?! เจ้ารู้ไหมว่าเราเป็นผู้ใด? ดีนัก เจ้ากล้าเหิมเกริมทำเรื่องนี้…”

“ฝ่าบาท…” เจียงเก๋อเหล่าพาคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา “ท่านแก่เฒ่าแล้ว ถึงเวลามอบบ้านเมืองให้คนหนุ่มสาว ขอเพียงท่านเขียนราชโองการสละราชบัลลังก์ ภายหน้าท่านต้องการสำเริงสำราญเช่นใดล้วนได้ทั้งสิ้น อีกทั้งยังไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องในราชสำนัก ฝ่าบาท ชีวิตเช่นนี้ไม่ยิ่งสุขสบายกว่าเมื่อก่อนอีกหรือ?”

“เจ้าคนโง่เขลา เจ้าวางแผนจะชิงบัลลังก์อย่างนั้นรึ!”

“กระหม่อมจะวางแผนคิดชิงบัลลังก์ได้อย่างไร? ผู้ที่จะครองบัลลังก์คือพระโอรสของท่าน กระหม่อมให้คำมั่นว่าจะช่วยฮ่องเต้องค์ใหม่ปกครองบัลลังก์ให้ดีที่สุด” สิ้นคำ เจียงเก๋อเหล่าก็ส่งสัญญาณทันที

คนมากมายเข้ามาจับกุมฮ่องเต้ชรา

นี่คงเป็นวิธีบีบให้ฮ่องเต้สละราชสมบัติที่รีบร้อนที่สุดนับแต่เคยมีมา ทว่าก็เป็นวิธีที่ง่ายดายที่สุดเช่นกัน ทั้งยังสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งเจียงเก๋อเหล่าก็ไม่เคยคิดฝันมาก่อน

ทว่า เจียงเก๋อเหล่าบีบบับคับให้ฮ่องเต้สละราชสมบัติเพียงเพื่อให้องค์ชายน้อยขึ้นครองบัลลังก์โดยเร็วที่สุดเท่านั้น ไม่ใช่เพราะเขาต้องการเป็นฮ่องเต้ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือขอให้ฮ่องเต้ชราเขียนราชโองการสละราชบัลลังก์ก่อนที่จะถูกผู้อื่นพบ

เจียงเก๋อเหล่าไม่ได้อยากเสี่ยงอันตรายเพราะเข้าตาจน ทว่าความกดดันที่รุมเร้าทุกทิศทุกทางจากลู่อี้และเซวียนอ๋องทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤต หากไม่เร่งลงมือ เขาจะไม่มีโอกาสได้ลงมืออีกต่อไป

บรรยากาศในพระตำหนักตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง

ผู้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเหล่านั้นยังคงนอนหลับอย่างสงบในห้องหอ ส่วนผู้ที่รู้ล้วนถูกคนของเจียงเก๋อเหล่าควบคุมตัวไว้แล้ว…

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท