สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 658 ผู้มาใหม่เป็นผู้ใด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 658 ผู้มาใหม่เป็นผู้ใด

บทที่ 658 ผู้มาใหม่เป็นผู้ใด

“ของข้ารับเอาไว้แล้ว เรื่องนี้ก็จบกันไปตั้งแต่ตรงนี้เถิด เจ้าอย่าเอาแต่คิดถึงมันทั้งวันและทำให้ตนเองวุ่นวายใจ” ลู่จื่ออวิ๋นให้ติงเซียงรับเอาของไป

เฉินซิ่วเอ่ยว่า “ไม่ได้วุ่นวายอะไร นี่เป็นการตอบแทนบุญคุณ คุณหนูมีพระคุณกับครอบครัวเรา พวกเราย่อมจดจำเอาไว้ในใจ พวกเราเป็นเพียงชาวประมง ไม่มีทักษะอื่นใด ทำได้เพียงส่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้มาให้ คุณหนูไม่รังเกียจพวกเราก็นับว่าดีมากแล้ว”

“แม่นางคนงามสองคนได้มีช่วงเวลาดี ๆ ในการพูดคุยกันเช่นนี้ ไม่สู้แต่งเป็นอนุให้ข้าพร้อมกันเสียเลยเล่า เช่นนี้จะได้มาเป็นพี่สาวน้องสาวกันจริง ๆ” คหบดีจางเดินเข้ามาพร้อมกับคนของเขา

เฉินซิ่วก้าวออกไปบังหน้าลู่จื่ออวิ๋น “คุณหนูรีบไป! เขาคือคหบดีจาง เป็นคนชอบข่มเหงรังแกผู้อื่น”

“ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็อย่าได้คิดจะไป” คหบดีจางโบกมือ

ลูกน้องหลายคนที่อยู่ข้างหลังเขาเข้ามารายล้อมลู่จื่ออวิ๋น เฉินซิ่ว และติงเซียงเอาไว้

ลูกน้องเหล่านั้นไม่ใช่กลุ่มเดียวกับก่อนหน้านี้ อย่างไรเสีย คนเหล่านั้นก็ถูกทุบตีจนเป็นเช่นนั้นแล้ว ย่อมไม่อาจฟื้นฟูได้ในเร็ววัน

หากเป็นคนเหล่านั้น คิดว่าคงไม่มีความกล้าลงมืออีกครั้งเป็นแน่

ส่วนคหบดีจาง เขาถูกคนหยามหน้าเพียงนั้น เขม่าควันบนใบหน้าของเขายังไม่ถูกชะล้างออกไปด้วยซ้ำ ทว่าเมื่อเห็นรูปโฉมที่งดงามล้ำเลิศของลู่จื่ออวิ๋น สติสัมปชัญญะของเขากลับมลายหายไป นับประสาอะไรจะคิดเกรงกลัว

คนโง่เขลาย่อมไม่มีสมอง

ติงเซียงดึงเฉินซิ่วไปหลบข้างหลังนาง แล้วเอ่ยว่า “ท่านดูแลคุณหนูข้าให้ดี งานหยาบคายเช่นนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า!”

ตุ้บ! ผวั่ะ! พลั่ก!

บุรุษกำยำคนแล้วคนเล่าถูกติงเซียงโยนลงทะเล

“ได้ยินว่าน้ำเกลือมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดสิ่งสกปรก พวกเจ้าโง่เขลาเช่นนี้ ควรชะล้างความสกปรกออกไปเสียบ้าง”

ติงเซียงจัดการโค่นบุรุษกำยำเหล่านั้นลง จนเหลือเพียงคหบดีจาง

คหบดีจางผงะถอยหลังด้วยความสะพรึงกลัว

เขาไม่เคยนึกฝันว่าสาวรับใช้เล็ก ๆ ผู้หนึ่งแท้จริงแล้วจะเป็นยอดฝีมือ

ติงเซียงขมวดคิ้ว “เจ้าโง่เขลาเหมือนหมู รูปลักษณ์ยังเหมือนหมู ข้าไม่อยากเปลืองแรงเลยจริง ๆ” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า

คหบดีจางละล่ำละลักด้วยความกลัว “ถูก ๆ ข้าหนักเพียงนี้ อย่าได้รบกวนมืออันบอบบางของเจ้าเลย”

“ข้าไม่โยนเจ้า แค่เจ้าต้องกระโดดลงไปเอง!” ติงเซียงมองเขาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “หากเจ้าไม่กระโดด ข้าจะโยนเจ้าออกไปให้ไกล เอาให้ชั่วชีวิตนี้ของเจ้าไม่มีโอกาสได้ขึ้นฝั่งอีกตลอดกาล!”

“ข้ากระโดด… ข้ากระโดดเอง…” คหบดีจางเกลียดชังอยู่ภายในใจ เขารู้ดีแก่ใจว่าขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก จึงทำได้เพียงกระโดดลงไปในทะเล

ตู้มมมม! เกิดน้ำสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง

“ข้ากระโดด…” คหบดีจางกระอึกกระอัก “พอแล้ว… กระมัง…”

ลูกน้องเหล่านั้นกว่าจะปีนขึ้นฝั่งมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมื่อเห็นติงเซียงยังยืนอยู่ที่เดิม พวกเขาต่างก็สั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว

“ติงเซียง ไปกันเถอะ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย

“ได้เลย คุณหนู” ติงเซียงกลับไปอยู่ข้างกายลู่จื่ออวิ๋นประหนึ่งเด็กสาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ราวกับว่าคนที่มีท่าทางชั่วร้ายเมื่อครู่นั้นไม่ใช่นาง

ลู่จื่ออวิ๋นมองไปทางคหบดีจาง “หากมีเรื่องอะไรให้มาหาข้า อย่าได้ไปรังแกเฉินซิ่ว หากข้ารู้ว่าเจ้ารังแกนางอีก ข้าจะถอนผมเจ้าออกมาทีละเส้น”

เฉินซิ่วซาบซึ้งระคนกังวลใจ นางรีบตามลู่จื่ออวิ๋นไป “คุณหนู นายอำเภอฟางเป็นน้าของคหบดีจาง หากเขาช่วยเหลือคหบดีจาง ครอบครัวของพวกท่านคงรอดพ้นได้ยากยิ่ง”

“วางใจ พวกเขาไม่มีโอกาสแน่นอน” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “เจ้าอยากมาทำงานเป็นแม่ครัวที่โรงต่อเรือของข้าหรือไม่ คนเรือของพวกเรามีจำนวนมาก คนในครัวไม่พอ เจ้ากับแม่เจ้ามาได้ พี่ชายของเจ้าพอมีทักษะหรือไม่? หากสนใจก็ลองมาเป็นคนเรือดู แน่นอนว่าท่านแม่ข้าตั้งคุณสมบัติไว้สูงมาก หากพี่ชายของเจ้าไม่มีคุณสมบัติพอ เช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”

“ข้ายินดี ข้าจะไปบอกข่าวดีกับท่านพ่อท่านแม่ประเดี๋ยวนี้”

“ทำงานกับครอบครัวข้า จำเป็นต้องเขียนสัญญาขายตัว” ลู่จื่ออวิ๋นจงใจขู่ให้นางกลัว

“หากไม่ใช่เพราะคุณหนู ข้าคงตายไปแล้ว พี่ชายและท่านแม่ของข้าก็ไม่อาจรอดพ้น ชีวิตของพวกเราเป็นของคุณหนู คุณหนูบอกให้เขียนสัญญากี่ปี พวกเราก็เขียนเท่านั้น”

“คุณหนูเพียงแค่แกล้งเจ้า ฮูหยินเป็นคนที่มีจิตใจดีที่สุด นางไม่ให้คนเขียนสัญญาขายตัวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เจ้าจำเป็นต้องเขียนสัญญารักษาความลับ หากเจ้าฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ช่วงระยะเวลาที่ทำงานกับโรงต่อเรือนี้ พวกเจ้าจะต้องอยู่ในห้องที่จัดหาให้ ไม่อนุญาตให้นำของข้างในออกไป หากถูกพบเข้าจะต้องรับผลที่ตามมา”

“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา”

“ขอเพียงพวกเจ้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ค่าจ้างย่อมทำให้พวกเจ้าพึงพอใจอย่างแน่นอน”

“ขอบคุณคุณหนู!”

เฉินซิ่วไปแล้ว ติงเซียงจึงคุ้มกันลู่จื่ออวิ๋นกลับไปยังโรงต่อเรือ

ติงเซียงรีบไปหาลู่เยี่ยในทันทีเพื่อบอกกล่าวเรื่องเมื่อครู่นี้ให้เขาฟัง

เซี่ยคุนไม่อยู่ ลู่เยี่ยจึงรับผิดชอบความปลอดภัยของพวกเขาแต่เพียงผู้เดียว ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของติงเซียงตอนนี้คือลู่เยี่ย

“ข้าทราบแล้ว เจ้าคุ้มครองคุณหนูให้ดี”

“วางใจเถิด ฮูหยินกับข้าจะไม่แยกจากกัน ข้าจะไม่ปล่อยให้คนชั่วช้าเหล่านั้นเข้าใกล้คุณหนูได้เป็นอันขาด”

คหบดีจางไปร้องห่มร้องไห้กับฟางเยว่

ฟางเยว่กำลังรอข่าวคราวจากทางเมืองหลวง เมื่อเห็นสภาพน่าอเนจอนาจเช่นนี้ของคหบดีจาง เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทน “เจ้าสงบจิตสงบใจหน่อยได้หรือไม่? อย่างน้อยรอจนกว่าข้าจะรู้ชัดว่าพวกเขาเป็นผู้ใดก่อนค่อยรนหาที่ตาย ข้าจะบอกเจ้าให้ พวกเขามีผู้คุ้มกันที่มีวรยุทธ์เพียงนี้ เจ้าทุบตีพวกเขาไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องกล้ำกลืนเอาไว้ ตอนนี้ข้ายังต้องพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ รอรู้สถานะของพวกเขาแล้วค่อยว่ากัน”

“ท่านน้า…”

“อย่าได้เรียกน้า ถึงแม้เจ้าเรียกข้าว่าบรรพบุรุษ ครานี้ข้าก็ไม่ช่วยเจ้า!”

“ใต้เท้า…” ที่ปรึกษาเคาะประตู “มีใต้เท้ามาจากเมืองหลวง ท่านรีบออกมาต้อนรับเขาเถิด!”

ฟางเยว่รีบจัดหมวกและชุดขุนนางเขาให้เข้าที่ ก่อนจะสาวเท้าออกไป

“อยู่ที่ใด?”

“ลานด้านหน้าขอรับ”

ฟางเยว่รีบรุดไปยังลานด้านหน้า

เห็นเพียงขุนนางเยาว์วัยผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

คนผู้นั้นสวมใส่ชุดขุนนาง ดูเหมือนอายุราวยี่สิบกว่าปี ยังหนุ่มแน่น อย่างไรก็ตาม ฟางเยว่ไม่กล้าเมินเฉยต่อเขาแม้แต่น้อย เพราะชุดขุนนางบนร่างของเขาเป็นของขุนนางขั้นหก

“คารวะใต้เท้า ไม่รู้ว่าใต้เท้ามาถึง ข้าจึงไม่ได้รอต้อนรับหน้าประตู ต้องขออภัยด้วย”

“ฟางเยว่กระมัง?” ผู้มาเอ่ยขึ้น “มีคนกล่าวว่าเจ้าทุจริตและฝ่าฝืนกฎหมาย เห็นผู้คนเป็นผักเป็นปลา กรมขุนนางจึงต้องตรวจสอบเจ้า เจ้าเก็บข้าวของและไปเมืองหลวงเพื่อรับการไต่สวนเสีย”

“ใต้เท้า มีคนใส่ความข้า…”

“ตอนนี้อย่าได้ร้องเรียนอะไร กลับไปเมืองหลวงให้กรมขุนนางไต่สวนเจ้าก่อน! ถึงตอนนั้นจะร้องเรียนอะไรก็ยังไม่สาย ข้าจะทำหน้าที่แทนเจ้าเป็นการชั่วคราว หากข้าพบความผิดของเจ้า ย่อมต้องรายงานต่อเบื้องบนทันที”

เจ้าหน้าที่ทางการหลายคนถอดหมวกและชุดขุนนางของฟางเยว่ จากนั้นจึงกุมตัวเขาออกไป

“ได้ยินว่ายังมีคหบดีจางอีกผู้หนึ่ง” ขุนนางเยาว์วัยผู้นั้นเอ่ย “ไปจับเขามา ข้าไม่ต้องการเสียเวลา”

นายอำเภอฟางแห่งเมืองซานหลิงถูกขุนนางจากเมืองหลวงคุมตัวไปแล้ว คหบดีจางเองก็ถูกควบคุมตัวไปที่ว่าการอำเภอทันที ข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ชาวบ้านล้วนตื่นเต้นเสียจนพากันชะเง้อชะแง้มองไปที่ประตูที่ว่าการอำเภอ ฉากนี้ครึกครื้นมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเทศกาลปีใหม่เสียอีก บางคนถึงกับตระเตรียมประทัดไว้ล่วงหน้า เพียงแค่รอวันโชคร้ายของคหบดีจางมาถึง พวกเขาก็จะจุดประทัดเฉลิมฉลองทันที

“ได้ยินว่าเป็นขุนนางที่เยาว์วัยยิ่ง แต่ขั้นขุนนางสูงกว่านายอำเภอเสียอีก”

“ไม่ว่าเขาจะเยาว์วัยหรือแก่ หรือแม้แต่เป็นสตรี ขอแค่เพียงกำจัดภัยร้ายนั่นออกไปได้ พวกเราก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว!”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท