บทที่ 661 เปิดของขวัญ
บทที่ 661 เปิดของขวัญ
“หากคุณชายใหญ่ส่งมา คุณหนูไม่มีทางไม่ชอบแน่นอน!”
“นั่นแน่นอน แม้พี่ชายข้าจะมอบซี่ไม้ไผ่ให้ ของที่เขาส่งมาย่อมไม่อาจประเมินค่าได้”
“บ่าวทนไม่ไหวแล้ว” ติงเซียงลูบแขนตนเองเบา ๆ “เมื่อก่อนได้ยินฮูหยินกล่าวคำหนึ่ง กล่าวว่านายท่านเป็นทาสลูกสาว ข้าว่าคุณหนูเป็นทาสพี่ชายเสียมากกว่า”
ลู่จื่ออวิ๋นเปิดกล่องที่สามต่อไป
กล่องถัดไปเต็มไปด้วยของน่าสนใจมากมาย กล่องที่หนักที่สุดเป็นหยกคุณภาพยอดเยี่ยมชิ้นหนึ่งซึ่งยังไม่ผ่านการเจียระไน มันมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับหัวของเด็ก
“หยกชิ้นใหญ่ถึงเพียงนี้จะต้องแพงมากแน่เลยเจ้าค่ะ!” ติงเซียงเอ่ย “ผู้ใดให้มาเจ้าคะ?”
“ท่านพ่อให้คนส่งมา” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ท่านพ่อบอกว่าให้หยกชิ้นนี้ทำเครื่องประดับหยกหลาย ๆ ชิ้น พวกเราพี่สาวน้องสาวแต่ละคนจะได้รับคนละชิ้น โดยจะสลักชื่อของเราเอาไว้”
“เช่นนั้นอันนี้เล่าเจ้าคะ?”
“นี่มาจากท่านน้าเจิ้ง”
สิ้นคำ ลู่จื่ออวิ๋นก็หันไปมองกล่องอีกใบ
“คุณหนู มีอะไรเจ้าคะ? ของพวกนี้ไม่มีเจ้าของหรือเจ้าคะ?”
“ไม่ใช่” ลู่จื่ออวิ๋นสั่นศีรษะเบา ๆ “ของพวกนี้… เซี่ยซื่อจื่อส่งมา ในนี้มีทั้งแท่นฝนหมึกที่มีเฉพาะอาณาจักรเฟิ่งหลิน ผลไม้ที่มีเฉพาะอาณาจักรเฟิ่งหลิน อีกทั้งยังมีขนนกสวยงามอีกมากมาย”
“ขนนกหายากตรงไหนเจ้าคะ?”
“เขารู้ว่าข้าชื่นชอบเสื้อผ้า ขนนกเหล่านี้ล้วนนำมาให้ข้าทำเป็นของประดับตกแต่ง”
“เซี่ยซื่อจื่อคิดจะทำอะไรกัน?” ติงเซียงเอ่ยถาม “ถึงแม้จะมีความตั้งใจดี ทว่าการส่งของขวัญเหล่านี้มาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย หากผู้อื่นพบเข้า เช่นนั้นจะไม่นำความเดือดร้อนมาให้ท่านหรือ? หากมีคนกล่าวหาว่าคุณหนูสมคบคิดกับศัตรู นั่นเป็นโทษร้ายแรงถึงขั้นบั่นคอเลยนะเจ้าคะ คุณหนู บ่าวคิดว่าท่านอย่าติดต่อกับเซี่ยซื่อจื่อเลยนะเจ้าคะ”
“เขาบอกในจดหมายแล้ว ของเหล่านี้ส่งมาให้ผู้ที่เชื่อใจได้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับอาณาจักรเฟิ่งหลิน ข้าไม่จำเป็นต้องกังวล” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “เขาเป็นคนฉลาดถึงเพียงนั้น ขอเพียงแค่เขาไม่ได้จงใจทำร้ายข้า ย่อมไม่จำเป็นต้องทำเรื่องไม่จำเป็น”
“คุณหนู…” ติงเซียงมองนาง “ท่านสนใจเซี่ยซื่อจื่อแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
“อย่าได้พูดจาเหลวไหล…” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “นำของเหล่านี้ไปเก็บก่อนเถอะ รอครั้งหน้าพบเขา แล้วค่อยคืนของให้”
ติงเซียงพึมพำขณะขนย้ายข้าวของ “ยามนี้ให้คนส่งกลับไปวิธีเดียวกันยังพอมีโอกาส หากรอพบเซี่ยซื่อจื่อ เกรงว่าแม้แต่ปากก็ไม่อาจเปิดแล้ว ถึงแม้จะเปิดปากได้ ด้วยความฉลาดหลักแฉลมของเซี่ยซื่อจื่อ เขาจะให้โอกาสท่านส่งคืนได้อย่างไร? คุณหนูไม่ได้อยากส่งกลับก็เพียงแค่บอก เหตุใดต้องหลอกบ่าวตัวเล็ก ๆ ที่ซื่อสัตย์ต่อท่านด้วยเล่า”
ลู่จื่ออวิ๋น “…”
“คุณหนู เก็บเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ติงเซียงราวกับเปลี่ยนใบหน้าได้ นางหันกลับมาเอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋นด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า “หากไม่มีอะไรแล้ว บ่าวจะกลับห้องไปนอนแล้วนะเจ้าคะ”
“วันนี้รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย สาวใช้ตัวน้อยที่ซื่อสัตย์ของข้านวดให้ข้าได้หรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นแย้มยิ้มออกมา
ติงเซียงขานรับหนึ่งคำ จากนั้นจึงไปยืนอยู่ข้างหลังบีบหนวดบ่า ไหล่ และแผ่นหลังให้ลู่จื่ออวิ๋น
“ตรงนั้น… ใช่ ตรงนี้… เท้าของข้าก็ปวดเหลือเกิน ตรงนี้ก็ทุบด้วย…”
“คุณหนู บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ” ติงเซียงยอมรับความผิดของตนอย่างซื่อสัตย์ทันที ไม่เช่นนั้น แม้นางจะเป็นผู้มีวรยุทธ์ก็สามารถเหนื่อยตายได้เช่นกัน
“เอาละ เจ้ากลับไปนอนเถอะ!”
ฮูหยินเจี่ยและเจี่ยหลิงหลงไม่มีอะไรทำ มู่ซืออวี่จึงชวนพวกนางสองคนแม่ลูกให้พักอยู่ที่นี่นานเท่าที่ต้องการ อย่างไรเสียที่นี่ก็มีที่ให้เที่ยวเล่นมากมาย
หยางเจิงยังมีเรื่องต้องจัดการ นางจึงกลับไปหลังเที่ยวเล่นได้สามวัน ระยะเวลาสามวันนี้ มู่ซืออวี่จัดกิจกรรมทางทะเล พาพวกนางไปเที่ยวชมเสียจนทั่ว
ถึงแม้ผู้ที่จ้างมาเป็นผู้นำเที่ยวจะเป็นชาวประมงในพื้นที่ที่มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังพาผู้คุ้มกันไปอีกหลายคน ทว่าคุณหนูสกุลขุนนางเหล่านี้ยังคงรู้สึกหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม การผจญภัยเช่นนี้ชวนให้ติดใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากสงบลงแล้ว ฮูหยินเจี่ยและคนอื่น ๆ ล้วนรู้สึกว่าการเดินทางมาเที่ยวครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
“นายท่านเซี่ย ฮูหยินเซี่ยและคุณชายหายไปแล้ว” ลู่เยี่ยเดินเข้ามารายงานเซี่ยคุน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ฮูหยินเซี่ยพาคุณชายไปตลาดแถวชายทะเล นางอยากซื้ออาหารทะเลสักหน่อย ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ ทางนั้นก็เกิดการต่อสู้โกลาหลทำให้เราคลาดสายตา ครั้นคนของเราไปหาฮูหยินกับคุณชาย ทั้งสองคนก็หายไปแล้ว พวกเขาไปหาทุกแห่งแต่กลับไม่พบร่องรอยอะไรเลยขอรับ”
“นายท่านเซี่ย มีคนส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาถึงท่านขอรับ” พ่อบ้านเดินเข้ามาและส่งจดหมายให้
เซี่ยคุนเปิดจดหมายออก ด้านบนเขียนเอาไว้ว่า ‘หากอยากพบภรรยาและลูกอีกครั้ง มาที่ตรอกชุนอวี่’
“นายท่านเซี่ย มีข่าวอะไรเกี่ยวกับฮูหยินและคุณชายหรือขอรับ?”
“พวกเราไปตรอกชุนอวี่เถอะ!”
“พวกเราจะเตรียมมือดีประเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ต้อง! ข้าจะไปเพียงลำพัง”
ประโยคสุดท้ายในจดหมายเขียนไว้ว่า ‘เจ้ามาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่เช่นนั้นภรรยาและลูกของเจ้าจะไม่ตายดี’
ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นพวกหนูท่อเหล่านี้อยู่ในสายตาก็ไม่อาจเอาชีวิตของภรรยาและลูกไปเสี่ยงได้ ดังนั้นเซี่ยคุนจึงต้องไปพบคนที่จับตัวภรรยาและลูกเขาไปเพียงลำพัง
ณ ตรอกชุนอวี่ เซี่ยคุนเปิดประตูออก
เห็นเพียงอันอวี้และเซี่ยเสี่ยวอันถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ในลักษณะห้อยหัวลงมาข้างล่าง โดยด้านล่างมีไม้ไผ่ปลายแหลมชี้ขึ้นไป หากคนตกลงมา ย่อมต้องถูกแทงเป็นรูแล้ว
“ท่านพี่…”
“ท่านพ่อ…”
อันอวี้และเซี่ยเสี่ยวอันร้องเรียกเซี่ยคุน
“ท่านพี่ ช่วยเสี่ยวอัน!” อันอวี้เอ่ย “ไม่ต้องสนใจข้า!”
“ท่านพ่อ ช่วยท่านแม่… ช่วยท่านแม่…”
เซี่ยเสี่ยวอันอายุยังน้อยก็รู้ความแล้วว่าต้องช่วยท่านแม่ก่อน ดวงตาของเซี่ยคุนแดงก่ำขึ้นมา
เซี่ยคุนกระโดดเข้าไป ทว่าก่อนที่เขาจะได้ลงมือ ลูกศรนับไม่ถ้วนล้วนพุ่งเข้ามาหาเขา
เขาหลบได้ทันพอดี
“ผู้ใด?! ในเมื่อล่อข้ามาแล้วก็รีบไสหัวออกมา! ทำลับ ๆ ล่อ ๆ เช่นนี้จะนับเป็นจอมยุทธ์อะไรได้?”
คนผู้หนึ่งกระโดดลงมาจากหลังคา
เขาคลุมผ้าปิดบังใบหน้าเอาไว้ เหลือเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่เผยออกมา
ดวงตาคู่นั้นคมดุจเหยี่ยว สายตาที่มองมายังเซี่ยคุนแหลมคมดุจดาบ
“เซี่ยคุน! เซี่ยอี้เฟย!”
เซี่ยคุนได้ยินชื่อที่ไม่ได้ยินมาเนิ่นนานหลายปี สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน
“เจ้าเป็นผู้ใด?!”
“เจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าเป็นใคร สรุปสั้น ๆ หากเจ้าอยากช่วยภรรยาและลูกของเจ้าก็เอา ‘คัมภีร์ศัตราวุธ’ นั้นมาแลกเปลี่ยน
“คัมภีร์ศัตราวุธ? เจ้าก็ตามหาคัมภีร์ศัตราวุธหรือ?” เซี่ยคุนเย้ยหยัน “เพราะคัมภีร์ลับเล่มนี้ ครอบครัวข้าทั้งสกุลจึงถูกกวาดล้าง บัดนี้พวกเจ้ามาหาถึงที่แล้ว”
ขณะที่เอ่ย ร่างของเซี่ยคุนก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าชายชุดดำผู้นั้น
เขารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง!
สายตาของชายชุดดำเต็มไปด้วยความตกใจ
เขาไม่เคยเห็นเซี่ยคุนอยู่ในสายตา เมื่อเห็นพลังที่แท้จริงของอีกฝ่าย เขาจำต้องเอาจริงขึ้นมาแล้ว บัดนี้เซี่ยคุนไม่ใช่เด็กหนุ่มที่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อเอาตัวรอดอย่างน่าอับอายอีกต่อไป…
เซี่ยคุนบีบคอชายชุดดำผู้นั้นแล้วเอ่ยว่า “ปล่อยคน!!!”
ชายชุดดำเย้ยหยัน “นอกเสียจากเจ้าจะนำคัมภีร์ศัตราวุธมาแลก ไม่เช่นนั้น…”
เซี่ยคุนออกแรงบีบมากขึ้น
ชายชุดดำผู้นั้นดิ้นรนขัดขืนอย่างรุนแรงและหลุดรอดไปได้อย่างน่าหวาดเสียว
ทันทีที่ชายชุดดำผู้นั้นสะบัดมือ ลูกศรนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกไปหาอันอวี้และเซี่ยเสี่ยวอัน
ในตอนนี้เอง คนกลุ่มใหญ่รุดเข้ามา ส่วนหนึ่งเข้าสกัดอาวุธเหล่านั้นด้วยเกราะป้องกัน อีกส่วนเข้าไปช่วยเหลืออันอวี้และลูก
เซี่ยคุนเห็นลู่เยี่ยก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาจึงใช้พละกำลังที่มีทั้งหมดจัดการกับชายชุดดำ ขณะที่คนอื่น ๆ ไปจัดการกับนักฆ่าที่ยิงลูกศรออกมา
การต่อสู้นองเลือดเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง!