บทที่ 669 มีบางอย่างผิดปกติ
บทที่ 669 มีบางอย่างผิดปกติ
หลี่ไถยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ มองไปยังทะเลเบื้องหน้า เขาหันไปเอ่ยถามสหายที่อยู่ข้าง ๆ “เจ้าดูทางนั้น มีคนจุดพลุส่งสัญญาณใช่หรือไม่?”
คนข้าง ๆ มองขึ้นไป เห็นบนท้องฟ้ามีพลุส่งสัญญาณดังกล่าว จึงเอ่ยว่า “รีบแจ้งท่านแม่ทัพ อาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นในทะเลแล้ว”
เจียงหว่านเฉินรุดมาหลังจากทราบข่าว จากนั้นก็เรียกเรือประมงใกล้ ๆ มาอย่างเร่งด่วน เขาจ้างชาวประมงพร้อมทั้งให้ค่าจ้างอย่างหนักเพื่อพาพวกเขาออกทะเล เจียงหว่านเฉินพาทหารมากกว่าห้าร้อยคนมุ่งหน้าไปทางที่เกิดเหตุ
“วันนี้มีผู้ใดออกทะเลไปบ้าง?” เจียงหว่านเฉินเอ่ยถาม
“คุณหนูลู่ไปที่เกาะขอรับ” หลี่ไถตอบ “ข้าน้อยเห็นนางออกไป เพิ่งออกไปได้ไม่นาน”
“จากตำแหน่งของพลุส่งสัญญาณแล้ว ดูเหมือนคุณหนูลู่และคนอื่น ๆ จะพบปัญหาเข้า”
เมื่อชาวประมงได้ยินว่าอาจเกิดเรื่องกับคุณหนูลู่ก็รู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านแม่ทัพ รีบขึ้นเรือเถิด พวกเราจะไปที่นั่นประเดี๋ยวนี้!”
“ตอนที่พวกเรายังเป็นหนุ่ม ทะเลไม่สงบนัก นอกจากคลื่นยักษ์ที่กลืนกินคนแล้ว ยังมีโจรสลัดออกอาละวาดบนท้องทะเล เพียงแต่ไม่ได้ยินมานานหลายปีแล้ว หรือว่าพวกมันจะปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง แม่ทัพเจียง โจรเหล่านั้นโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง คุณหนูลู่ไม่ได้พาคนไปมากมาย เกรงว่าจะไม่อาจเป็นคู่ต่อกรกับคนพวกนั้นได้ พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
เจียงหว่านเฉินก็เริ่มกังวลแล้วเช่นกัน ทว่าเขายังต้องใช้เวลาในการจัดเตรียมกำลังคน โชคดีที่เขาเข้มงวดในการฝึกฝนทหาร ดังนั้นในระยะเวลาเพียงไม่นานทุกคนก็จัดกลุ่มได้เรียบร้อย เรือประมงพาพวกเขามุ่งไปยังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็เห็นเรือขนาดใหญ่หลายสิบลำกำลังปิดล้อมเรือสินค้าลำหนึ่ง เรือสินค้าลำนั้นมีตราสัญลักษณ์ของ ‘นาวีกรุ่นฝัน’ อยู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรือสินค้าของสกุลลู่
“คนเรือ พุ่งเข้าไป ชนเรือของพวกมัน!”
“ได้เลย หากเป็นเมื่อก่อนข้าคงไม่กล้าใช้เรือผุพังลำนี้ปะทะกับเรือลำใหม่เช่นนั้น ทว่าตอนนี้กลับต่างออกไปแล้ว ฮูหยินลู่ได้ทำการปรับปรุงเรือของข้าให้แล้ว มันเพียงพอที่จะจัดการพวกสุนัขหยาบคายเหล่านั้น”
เรือประมงลำอื่น ๆ มีเรือประมงของเจียงหว่านเฉินนำ เมื่อเห็นพวกเขาพุ่งเข้าไป เรือประมงลำอื่น ๆ ก็แล่นเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
“พี่น้องทั้งหลาย สุนัขพวกนี้ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ใดจึงกล้ามารังแกสกุลลู่ พวกเราไปสู้กับพวกมันสักตั้งเถอะ!” เสียงของชายชราดังก้องกังวานเป็นพิเศษ คนบนเรือประมงลำอื่น ๆ ล้วนได้ยินชัดเจน
นับตั้งแต่มู่ซืออวี่ปรากฏตัวขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั้งเมืองซานหลินก็ดีขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้นางยังดีต่อชาวประมงเป็นอย่างยิ่ง สอนวิธีเปลี่ยนผลิตผลจากท้องทะเลเหล่านี้ให้เป็นสินค้าท้องถิ่นส่งออกไปขาย ทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นมาก
เพื่อความปลอดภัยของชาวประมง โรงต่อเรือ ‘นาวีกรุ่นฝัน’ ยังปรับปรุงเรือประมงของชาวประมงให้โดยไม่คิดเงิน เรือประมงของพวกเขาได้รับการซ่อมแซมและปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม หลายคนรอดพ้นความตายได้อย่างหวุดหวิดเพราะการซ่อมแซมนี้
“คุณหนู…” ติงเซียงชี้ไปทางขบวนเรือ “บ่าวเห็นแม่ทัพเจียงแล้ว ยังมีท่านลุงจาง ท่านอาหวัง และพวกท่านลุงหยาง…”
ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยขึ้นมา “ท่านแม่บอกว่าน้ำสามารถโอบอุ้มเรือได้ก็พลิกคว่ำมันได้เช่นกัน ราษฎรก็เหมือนน้ำนี้ หากเจ้าอ่อนโยนกับพวกเขา พวกเขาก็จะตอบแทนเจ้าด้วยน้ำฝน น้ำค้าง และน้ำพุหวานล้ำ หากเจ้ารุนแรงกับพวกเขา พวกเขาก็จะตอบโต้เจ้าด้วยถ้ำน้ำแข็งที่หนาวเย็น”
“ท่านแม่ทัพเจียงช่างกล้าหาญจริง ๆ” ติงเซียงเอ่ย “นี่คงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาต่อสู้ในน้ำกระมัง? ท่านดูพวกเขาโยนเชือกบ่วงเหล่านั้นออกไปสิ ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย อีกทั้งยังปีนขึ้นเรืออีกฝ่ายอย่างคล่องแคล่วแล้วลงมือต่อสู้ในทันที”
ลู่จื่ออวิ๋นสายตาดีมาก แม้ว่าติงเซียงจะไม่อธิบาย นางก็ยังคงมองเห็นทุกการเคลื่อนไหวของเจียงหว่านเฉิน
เขาเป็นแม่ทัพหนุ่มที่กล้าหาญชาญชัยจริง ๆ ในบรรดาแม่ทัพรุ่นเยาว์ เขานับได้ว่าเป็นยอดฝีมือรุ่นหลังที่โดดเด่นผู้หนึ่ง อีกฝ่ายไม่ผิดต่อการสั่งสอนที่เข้มงวดของท่านเสนาดีกรมกลาโหมบิดาของเขาแล้ว
“คุณหนู! ระวัง!…” คนเรือตะโกนขึ้นมา ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ลู่จื่ออวิ๋นหันกลับไป จึงเห็นโจรผู้หนึ่งลอบขึ้นมาบนเรือของพวกนาง โดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่าเขาคิดจะทำอะไร เห็นแค่เพียงเขาพุ่งเข้าไปหาลู่จื่ออวิ๋น พร้อมกับกริชอันแหลมคมในมือ
ติงเซียงได้ยินเสียงจึงรีบรุดไป
ทว่าคนผู้นั้นเข้าใกล้ลู่จื่ออวิ๋นมากแล้ว
“คุณหนู…” ติงเซียงมองลู่จื่ออวิ๋นอย่างร้อนรน
ลู่จื่ออวิ๋นมองดูเขาพุ่งเข้ามาหาตนด้วยสีหน้าสงบ ขณะที่เขากำลังจะแตะนางนั้น ฝ่ายหลังก็เหยียดขาเตะออกไปอย่างงดงาม
ตู้ม! โจรตัวใหญ่ผู้นั้นกระเด็นตกลงไปในท้องทะเลทันที
ทุกคน “…”
คนเรือเฒ่าเอ่ยออกมา “คุณหนูลู่ คมในฝักหรือนี่!”
“ทำให้ทุกท่านขบขันแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มบาง ๆ “ข้าเองก็กลัวเช่นกัน เพียงแต่มันเป็นสัญชาตญาณ”
ติงเซียงตรวจดูทั่วทั้งตัวของลู่จื่ออวิ๋น เมื่อแน่ใจว่านางไม่ได้ถูกคมกริชทำให้เกิดรอยขีดข่วน จึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“บ่าวไม่ควรอยู่ห่างจากคุณหนูเพียงนี้”
“ไม่เป็นไร” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ข้าไม่ได้บอบบางถึงเพียงนั้น นอกจากนี้ข้ายังมีอาวุธลับ เจ้าก็รู้”
หลังจากเจียงหว่านเฉินปรากฏกายพร้อมทหารของเขา โจรเหล่านั้นก็พยายามล่าถอยสุดความสามารถ อย่างไรก็ตาม เรือประมงที่นำโดยเจียงหว่านเฉินโอบล้อมรอบพวกเขาไว้ เช่นเดียวกับที่พวกมันโอบล้อมลู่จื่ออวิ๋นเมื่อครู่นี้
นี่เรียกว่า ‘ลมน้ำหมุนเวียนเปลี่ยนผัน’ อีกนัยหนึ่ง นี่หมายความว่า ‘กรรมไม่ได้ไม่สนอง เพียงแต่เวลายังมาไม่ถึง’ บัดนี้ถึงเวลาแล้ว คนเหล่านี้จึงได้มาเตะแผ่นเหล็กเข้าเต็ม ๆ
เจียงหว่านเฉินนำรบ สังหารโจรเกือบหมดสิ้น ท้ายที่สุดโจรนับร้อยก็เหลือเพียงสิบกว่าคน อีกทั้งโจรสิบกว่าคนนี้ยังได้รับบาดเจ็บเกินกว่าจะลุกขึ้นได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาเกรงว่าจะไม่เหลือแม้แต่ชีวิตแล้ว
“พี่ใหญ่เจียง” ลู่จื่ออวิ๋นเดินเข้าไปหาเจียงหว่านเฉิน “ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”
ตอนนี้เจียงหว่านเฉินอยู่ในสภาพน่าอับอายเป็นอย่างยิ่ง
หากเป็นไปได้ เขาย่อมไม่ต้องการให้ลู่จื่ออวิ๋นเห็นเขาในตอนนี้ เพราะตอนนี้ทั่วทั้งร่างชายหนุ่มเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด ไม่หลงเหลือภาพลักษณ์แม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม เขายังคงเป็นห่วงลู่จื่ออวิ๋นมากกว่า ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาทำหลังจากจัดการสถานการณ์เรียบร้อยคือการยืนยันความปลอดภัยของนาง เมื่อเห็นว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บหรือได้รับความตื่นตระหนกแล้วจึงได้โล่งใจ
“ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ นี่เป็นเลือดของผู้อื่น” เจียงหว่านเฉินเอ่ย “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ที่นี่ข้าจะจัดการเอง”
“พี่ใหญ่เจียง บน ‘เกาะมรกต’ จะต้องมีคนอยู่เป็นแน่” ลู่จื่ออวิ๋นเล่าความเป็นมาของสถานการณ์เมื่อครู่นี้คร่าว ๆ “ลู่เยี่ยฝีมือล้ำเลิศ ทว่าเขากลับส่งพลุสัญญาณอันตราย แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านั้นจะต้องมีฝีมือยอดเยี่ยมเป็นแน่ ข้าคิดว่าโจรที่มากับเรือเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง บนเกาะนั้นเกรงว่าอาจจะมีอีกส่วนที่รับมือยากยิ่งกว่า”
“ข้าจะนำคนไปช่วยเหลือพวกเขาประเดี๋ยวนี้” เจียงหว่านเฉินเอ่ย “ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของเจ้า เจ้ากลับไปก่อน หากข้าช่วยเขามาแล้ว จะต้องแจ้งให้เจ้าทราบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“ได้” ลู่จื่ออวิ๋นทราบว่าตนรั้งอยู่ก็ไม่อาจช่วยเขาได้ รังแต่จะทำให้เขาเสียสมาธิเปล่า ๆ ดังนั้นนางจึงให้ความร่วมมือกับการจัดการของเขาเป็นอย่างดี
เจียงหว่านเฉินพาคนของตนเองไปช่วยคนบนเกาะ
ชาวประมงไม่ยินยอมกลับไปก่อนจึงตามพวกเขาไปดด้วย
อย่าได้ดูแคลนชาวประมงเหล่านี้ พวกเขาออกเรือหาปลามานาน เผชิญกับคลื่นลมในท้องทะเลมาก็มาก ร่างกายของพวกเขาแข็งแรงกว่าทหารส่วนใหญ่เสียอีก มีคนเพิ่มมาอีกส่วนย่อมช่วยได้มากทีเดียว
มู่ซืออวี่ได้ยินว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจึงรีบรุดไปที่ชายหาดและเห็นลู่จื่ออวิ๋นลงจากเรือพอดี
“เกิดอะไรขึ้น?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
“จู่ ๆ ก็มีโจรปรากฏตัวออกมาโจมตีพวกเรา ลู่เยี่ยยังติดอยู่บนเกาะนั้น เขาให้ข้าออกมาก่อน ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร แม่ทัพเจียงพาคนไปช่วยเขาแล้ว หวังว่าจะไปได้ทันกาล”