“นายน้อยหลู่!” ซุนตงก้าวขึ้นมาใกล้และเผยสีหน้าโหดเหี้ยม
หลู่เซียนหมิงเหลือบมองอีกฝ่าย “ไม่ต้องกล่าวอะไรทั้งนั้น!” เขาจำเป็นต้องสงบสติลงเพื่อที่จะได้คิดวางแผนอย่างถี่ถ้วน
“ขอรับ” ซุนตงรีบถอยกลับไปที่เดิม มุมปากของเขาแสยะยิ้มเล็กน้อยอย่างเจ้าเล่ห์
ตราบใดที่หลิงฮันไม่ช่วยเหลือหลิงฮัน หลิงฮันจะรอดชีวิตจากวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างไร?
คิดรึว่าทุบตีผู้ช่วยนักปรุงยาของปรมาจารย์จื่อเฉิงแล้ว จะหนีรอดไปได้ง่ายๆ?
‘ฮ่าๆๆ’ ซุนตงหัวเราะในใจ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆกว้างขึ้น
ในอีกสถานที่หนึ่ง ขานชวี ฉินกู่ยวี่ และผู้สืบทอดึนอื่นๆกำลังปรึกษาหารือกับคนของตนเอง การผงาดอย่างกระทันหันของหลิงฮัน คือสิ่งที่ขัดขวางแผนการของพวกเขาอย่างแท้จริง ไม่แน่ว่าบางที หลู่เซียนหมิงอาจจะไม่ใช่เป้าหมายที่พวกเขาต้องร่วมมือกันกำจัดอีกต่อไป แต่อาจจะต้องไปร่วมมือกับหลู่เซียนหมิงเพื่อกำจัดหลิงฮันแทน
แต่หลังจากปรึกษากันแล้ว สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจยังไม่ลงมือทำอะไร
หลิงฮันนั้นทำการล่วงเกินนักปรุงยาฝึกหัดโม่ไปแล้ว ด้วยนิสัยโมโหร้ายของปรมาจารย์จื่อเฉิง มีรึที่เขาจะปล่อยหลิงฮันไป?
ในเมื่อสุดท้ายปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ต้องเป็นคนจัดการเอง ทำไมพวกเขาจะต้องลงแรงให้เหนื่อยด้วย?
ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น แต่ขุมอำนาจมากมายเองก็หยุดแผนการรับตัวหลิงฮันเอาไว้ชั่วคราวเช่นกัน พวกเขาต้องการดูว่าหลิงฮันจะรอดพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้หรือไม่
ในขณะเดียวกันนั้นเอง หลังจากแยกทางกับธิดาโร๋วแล้ว หลิงฮันก็ได้ทำการมุ่งหน้าไปยังวิหารนักปรุงยา
ในเมืองวิถีโอสถนั้น ตั้งแต่อาณาเขตที่สองขึ้นมาจะไม่มีโรงเตี๊ยมอีกต่อไป เนื่องจากคนที่สามารถเข้ามายังอาณาเขตที่สองได้ล้วนแต่ต้องมีสถานะพิเศษ ที่มีขุมอำนาจภายในรอบรับที่พักให้ เพราะงั้นหลิงฮันจึงทำได้เพียงมุ่งหน้าไปวิหารนักปรุงยา ที่ต่อให้ไม่มีเงินก็สามารถสามารถเข้าพักได้
ด้วยสถานะนักปรุงยาหนึ่งดาวของเขาในตอนนี้ แน่นอนว่าย่อมมีคุณบัติเพียงพอที่จะเข้าพักในวิหารนักปรุงยา
เมื่อเห็นว่าหลิงฮันกลับมาพร้อมกับสาวงาม คนของวิหารนักปรุงยาก็เผยสีหน้ากระอักกระอ่วน
นี่เจ้ายังกล้ามาที่นี่อีกรึ?
หลังจากหายตกตะลึง สายตาของผู้คนมากมายก็จ้องมองไปยังจักรพรรดินี ซึ่งโชคดีที่ตอนนี้นางสวมใส่ผ้าคลุมหน้าเอาไว้
หลิงฮันยิ้มและสุ่มถามใครสักคน “ข้าได้ยินมาว่านักปรุงยาสามารถพักอาศัยที่นี่ได้สินะ?”
ใบหน้าของชายที่ถูกถามชะงักแข็งค้าง เขารู้สึกว่าตนเองโชคร้ายอย่างมาก คนอื่นก็มีตั้งเยอะแท้ๆ เหตุใดหลิงฮันถึงได้เลือกถามเขากัน? แต่ในเมื่อถูกถามแล้ว จะไม่ตอบก็ไม่ได้ หลิงฮันผู้นี้กล้าแม้กระทั่งทุบตีผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ เพราะงั้นมีรึที่จะไม่กล้าทำอะไรเขา?
“ชะ ใช่แล้ว” เขาพยักหน้า
“อืม นำทางไปเลย ข้าต้องการพักที่นี่” หลิงฮันกล่าว
ที่พักของนักปรุงยานั้นมีห้องเร่งเวลาติดตั้งเอาไว้ด้วย เพราะงั้นหากหลอมเม็ดยาที่นี่ เขาจะสามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้มหาศาล
ชายผู้โชคร้ายจำใจเดินนำทางหลิงฮันไป ตัวเขาเป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นแรกเริ่มเท่านั้น เมื่อเทียบกับหลิงฮันที่เป็นนักปรุงยาหนึ่งดาวแล้ว เขาจึงต้องทำตามคำพูดของอีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลือก
ทุกคนในที่นี้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก หลิงฮันเพิ่งทุบตีผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ไปเมื่อวานแท้ๆ แต่วันนี้กลับยังกล้ามาที่วิหารนักปรุงยาอยู่อีก คนอะไรจะใจกล้าขนาดนี้?
แต่นั่นสินะ ถ้าไม่งั้นแล้ว เขาจะกล้าทุบตีผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ได้อย่างไร?
เพียงแต่หลังจากมาถึงห้องพักได้ไม่นาน ร่างของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ก็ปรากฏตัว
“หลิงฮัน ออกมาซะ!”
หลิงฮันเดินออกจากห้องพัก ก่อนจะพบกับผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ที่กำลังทำสีหน้าโหดเหี้ยม แน่นอนเขาว่าไม่หวาดกลัวอีกฝ่ายและยิ้มตอบกลับ “อะไรกัน เจ้ายังถูกทุบตีไม่หนำใจ ก็เลยมาหาข้าอีกครั้งสินะ?”
ใบหน้าของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กลายเป็นอดงฉาน ประสบการณ์ที่เขาได้รับก่อนหน้านี้คือความอัปยศยิ่ง! “อย่าได้หยิ่งทะนงไป ข้ามาในฐานะตัวแทนของปรมาจารย์จื่อเฉิง เพื่อพาเจ้าไปพบกับเขา!”
นั่นไง!
ผู้คนรอบข้างพยักหน้าในใจ ปรมาจารย์จื่อเฉิงนั้นเป็นที่รู้จักกันดีกว่า เขาเป็นคนที่โมโหง่ายขนาดไหน ด้วยเหตุนี้เองผู้ช่วยนักปรุงยาจึงสามารถกร่างไปทั่วไปได้ ถ้าหากปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่ใช่พวกโมโหง่าย มีรึที่ทุกคนจะหวาดกลัวผู้ช่วยนักปรุงยาโม่?
หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ออกมา ก่อนจะกล่าว “นี่เจ้าแต่งเรื่องอีกแล้วงั้นรึ? ถ้าหากปรมาจารย์จื่อเฉิงสั่งเช่นนั้นจริง ไหนล่ะหลักฐาน?”
ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ชะงักเล็กน้อย ข้าจะไปเอาหลักฐานมาจากไหน?
ในเมืองวิถีโอสถแห่งนี้ ใครบางที่ไม่รู้ว่าเขาคือผู้ช่วยนักปรุงยาของปรมาจารย์จื่อเฉิง? เพราะงั้นคำพูดที่เขากล่าวออกมา จึงเปรียบเสมือนคำพูดของปรมาจารย์จื่อเฉิง เพราะงั้นแล้ว หลายครั้งเขาจึงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ไปหลอกข่มขู่ให้ผู้อื่นหวาดกลัว
เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขาพูดจริง! ปรมาจารย์จื่อเฉิงเป็นคนกล่าวว่าให้เขาพาตัวหลิงฮันกลับไปพบ ถึงแม้ว่าปรมาจารย์จื่อเฉิงจะไม่ได้บอกว่าให้พาตัวหลิงฮันกลับไปทำไม แต่ด้วยการที่เขาเป็นคนโปรดของปรมาจารย์จื่อเฉิง ถ้าเขาอีกฝ่ายไม่เรียกหลิงฮันไปเพื่อลงโทษ แล้วจะเรียกไปเพื่ออะไร?
“เจ้ากล้าสงสัยคำพูดของข้างั้นรึ?” ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กล่าวอย่างเกี้ยวกราด
หลิงฮันส่ายหัว “ข้าคือนักปรุงยาหนึ่งดาว ส่วนเจ้าเป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยาตั้วจ้อย ทำไมข้าจะสงสัยเจ้าไม่ได้? ยิ่งกว่านั้นสำหรับนักปรุงยาแล้ว ลำดับขั้นเป็นกฎเหล็กที่เข้มงวดมาก แต่ผู้ช่วยนักปรุงยาเช่นเจ้ากลับข้าชี้นิ้วสั่งข้างั้นรึ? ดูเหมือนข้าจะยังสั่งสอนเจ้าไม่พอสินะ”
“เจ้ากล้ารึ!” ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กล่าวหนักแน่น แต่เท้ากับก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ความทรงจำที่ถูกหลิงฮันทุบตีนั้น เขายังจดจำได้ดี
หลิงฮันหัวเราะ “ถ้าเจ้าไม่ได้แต่งเรื่อง แล้วจะถอยหลังหนีทำไม?”
ที่ข้าถอยหลัง ก็เพราะว่ากลัวเจ้าไงล่ะ!
“หลิงฮัน ข้าไม่ได้แต่งเรื่องอะไรทั้งนั้น ปรมาจารย์จื่อเฉิงบอกให้ข้ามาพาเจ้าไปจริงๆ” เขาพยายามลดทิฐิของตัวเองลง เพื่อไม่แสดงท่าทางที่หยิ่งยโสเกินไป
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการพาหลิงฮันไปยังอาณาเขตที่ห้า ตราบใดที่ไปถึงที่นั่น และปรมาจารย์จื่อเฉิงออกคำสั่งเด็ดขาด หลิงฮันย่อมไม่มีทางหลบหนีไปไหนพ้น
หลิงฮันส่ายหัว “ข้าไม่เชื่อคำพูดลอยๆหรอกนะ!”
ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่แทบจะบ้าคลั่ง เหตุใดเจ้าถึงได้ไร้เหตุผลเช่นนี้? เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อ่นจะกัดฟันและกล่าวออกมา “ถ้างั้นข้าต้องทำอย่างไร เจ้าถึงจะยอมไปกับข้า?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทุกคนรอบด้านก็ตกตะลึงทันที ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ยอมคนงั้นรึ!
หรือแท้จริงแล้วหมอนี่จะเป็นพวกจิตไม่ปกติ? ยิ่งมีปฏิบัติกับเขาด้วยความเคารพเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งทำท่าทางหยิ่งยโสมากขึ้นเท่านั้น แต่หลังจากที่ถูกหลิงฮันทุบตี เขากลับกลายมาเป็นยอมอ่อนข้อเสียได้