บทที่ 682 เลื่อนขั้นอีกครั้งแล้ว
บทที่ 682 เลื่อนขั้นอีกครั้งแล้ว
มู่ซืออวี่อ่านจดหมายแล้วหันไปเอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ “พวกเราคงต้องกลับเมืองหลวงสักเที่ยว”
“เหตุใดหรือเจ้าคะ?” ลู่จื่ออวิ๋นวางพู่กันในมือลง “หรือว่าเมืองหลวงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว?”
“ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ นับว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือไม่? ท่านพ่อเจ้าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นอัครมหาเสนาบดี นับว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือไม่?”
“ท่านพ่อเลื่อนตำแหน่งแล้วหรือเจ้าคะ?” ลู่จื่ออวิ๋นประหลาดใจ “นี่เลื่อนขั้นเร็วเกินไปหรือไม่?”
“เขาเป็นมือขวาของฮ่องเต้องค์ใหม่ หนึ่งคนบรรลุเซียน ไก่กับสุนัขจึงได้ขึ้นสวรรค์ไปด้วย ย่อมได้รับประโยชน์จากความรุ่งโรจน์ของฮ่องเต้องค์ใหม่เช่นกัน นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดขุนนางทั้งบู๊บุ๋นต่างจับจ้องการแย่งชิงบัลลังก์ขององค์ชาย เพราะหากเดิมพันได้ถูกต้อง แสดงความสามารถเพียงครั้งเดียวทุกคนก็ต้องตะลึงงัน เพียงแต่….”
ในนิยายต้นฉบับ เซวียนอ๋องกลายมาเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ บัดนี้เส้นเรื่องกลับพลิกโผออกไปคนละโลกแล้ว ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การที่เซวียนอ๋องไม่ได้ดำเนินตามไปตามเส้นเรื่องเดิม สำหรับสกุลลู่แล้วนับว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยก็ดีสำหรับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนาง หากเซวียนอ๋องขึ้นครองบัลลังก์ เขาจะต้องบังคับเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ให้แต่งงานด้วยเป็นแน่ เว้นเสียแต่ว่าลู่อี้จะแกร่งเพียงพอที่จะต่อต้านคนทั้งราชสำนักได้ การค้านเซวียนอ๋องหัวชนฝาย่อมไม่ให้ผลลัพธ์ที่ดีอะไร
“หากพวกเราไปจากที่นี่แล้ว กิจการเรือจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”
“มีช่างใหญ่สองสามคนที่พอรับผิดชอบดูแลได้” มู่ซืออวี่เอ่ย “อีกอย่าง เราเพียงแค่กลับไปชั่วคราวเท่านั้น อีกสักระยะก็ยังคงต้องกลับมา”
“เช่นนั้นข้าก็จะกลับไปกับท่านแม่”
“พี่ชายเจ้าคงกำลังกลับมาเมืองหลวงเช่นกัน” มู่ซืออวี่เอ่ย “ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ พี่ชายเจ้าและท่านน้าเจ้าย่อมถูกส่งตัวกลับมา นอกจากนั้น สองปีมานี้ความสำเร็จในการรับราชการของพี่ชายเจ้าไม่เลวเลย เขาเองก็คงได้เลื่อนขั้น”
สกุลลู่กำลังรุ่งโรจน์ ทว่าไม่รู้ว่าจะคงอยู่เช่นนี้ได้อีกนานเพียงใด นางเชื่อมาโดยตลอดว่าความรุ่งเรืองไม่ใช่ว่าไม่มีวันถดถอย การโดดเด่นเกินหน้าเกินตาเช่นนี้ไม่ปลอดภัยเท่าใดนัก
ครึ่งเดือนต่อมา มู่ซืออวี่กลับมายังเมืองหลวงพร้อมลูก ๆ และคนสนิท
เมื่อพวกนางกลับมาถึงบ้าน ลู่อี้ไม่อยู่ เป็นพ่อบ้านที่ออกมาต้อนรับพวกนางที่หน้าประตู
“พ่อบ้าน เชิญฮูหยินรองมาทานมื้อค่ำเสียหน่อย” มู่ซืออวี่เอ่ย
“ขอรับ”
ซูจือหลิ่วมาถึงจวนอัครเสนาบดีพร้อมกับท้องโย้ ๆ ของนาง
เดิมทีฮ่องเต้องค์ใหม่ต้องการพระราชทานจวนหลังใหม่ให้ลู่อี้ ทว่าลู่อี้ปฏิเสธ เขาขอเปลี่ยนเป็นป้ายจวนที่เขียนโดยลายพระหัตถ์ของฮ่องเต้องค์ใหม่แทน ไม่ยินยอมย้ายออกไป
“ท้องของเจ้า…” มู่ซืออวี่มองท้องของซูจือหลิ่ว “กี่เดือนแล้ว?”
“หกเดือนแล้ว”
“ในจดหมายเจ้าไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน”
“หนึ่งข้าไม่อยากทำให้ท่านวอกแวก สองข้าอยากทำให้ท่านประหลาดใจ” ซูจือหลิ่วนั่งลงข้างมู่ซืออวี่ “เรื่องที่ท่านกลับมา ท่านได้บอกใต้เท้าลู่ล่วงหน้าแล้วหรือไม่?”
“ข้าไม่ได้บอกเขา” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้ารู้ว่าเขายุ่งจึงไม่อยากให้เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้รบกวน อีกอย่างก็เหมือนเจ้า ข้าอยากให้เขาประหลาดใจ”
ลู่จื่ออวิ๋นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามา นางคำนับแล้วกล่าวทักทายซูจือหลิ่ว ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
มือหนึ่งของนางจูงลู่จื่อชิง อีกมือหนึ่งจูงลู่ฉาวจิ่ง
ซูจือหลิ่วมองเด็กน้อยหน้าตางดงามทั้งสามคนด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู
“ทั่วทั้งเมืองหลวงนี้ ท่านคงเป็นผู้ให้กำเนิดที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว เด็กเหล่านี้ล้วนหน้าตาน่ารักน่าชัง นี่ผ่านไปนานเท่าใดกัน มิทันไรฉาวจิ่งก็โตถึงเพียงนี้แล้ว”
“เขาใกล้สามขวบแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ท่านพ่อของเขาไปอยู่ที่อาณาจักรเหลียงเป็นเวลาถึงสองปี”
“นั่นสินะ” ซูจือหลิ่วเอ่ย “ยังมีอีกเรื่องที่ท่านอาจจะยังไม่รู้”
“มีอะไรหรือ?”
“เซวียนหวางเฟยตายแล้ว” ซูจือหลิ่วเอ่ย “นี่ก็ใกล้จะถึงงานศพนางเต็มที ท่านกลับมาจังหวะไม่ดีเลย ถึงตอนนั้นย่อมเลี่ยงไม่ได้ คงต้องไปร่วมงานสักเที่ยว”
มู่ซืออวี่นึกถึงหยางอีเหรินแล้วจึงเอ่ยว่า “สกุลหยางไม่มีประโยชน์อีกต่อไป การมีอยู่ของนางจะทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจเปล่า ๆ ไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว ถึงตอนนั้นเพียงแค่ไปสักเที่ยวก็พอ”
มู่ซืออวี่ไม่ได้แจ้งลู่อี้ล่วงหน้า ทว่าบ่าวรับใช้ในจวนย่อมแจ้งเขา ลู่อี้กลับมาเร็วขึ้น อีกทั้งยังคว้าลู่เซวียนติดสอยห้อยตามมาด้วย ทุกคนจึงทานอาหารฉลองการกลับมาพบกัน
“น้องสะใภ้ปิดข้าได้มิดชิดนัก” มู่ซืออวี่รินน้ำให้ซูจือหลิ่ว “จนข้ากลับมาบ้านถึงได้รู้ว่านางตั้งครรภ์แล้ว”
ลู่เซวียนคว้ามือซูจือหลิ่วไปกุมพร้อมทั้งยิ้มน้อย ๆ “ทุกครั้งล้วนเป็นพี่สะใภ้ทำให้พวกเราตกใจ ยากนักที่จะทำให้ท่านตกใจกสักครั้ง อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยเลย”
“อาหารมื้อนี้ไม่เพียงแต่เป็นการต้อนรับการกลับมาพบหน้ากัน แต่ยังเป็นอาหารเฉลิมฉลองด้วย” ลู่อี้เอ่ย “พี่เซี่ยตัดสินใจรับตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์วังหลวงแล้ว”
มู่ซืออวี่หันไปมองเซี่ยคุน “พี่ใหญ่เซี่ย ท่านไม่ได้รำคาญแวดวงขุนนางหรือ? เหตุใดครานี้รับปากได้เล่า?”
เซี่ยคุนเอ่ยนิ่ง ๆ “ข้าไม่ชอบขุนนาง นั่นเป็นเพราะฮ่องเต้ไม่ได้เรื่องได้ราว บัดนี้เปลี่ยนฝ่าบาทแล้ว อีกอย่างยังมีขุนนางอย่างใต้เท้าลู่ ข้าสามารถลองเชื่อใจดูสักครั้งได้ หากข้าผิดหวัง ข้าก็จะท่องเที่ยวไปทั่วใต้หล้าพร้อมกับภรรยาและลูก ไม่สนใจเรื่องเลวร้ายเหล่านี้อีก”
“พูดง่ายทำยาก” มู่ซืออวี่เอ่ย “บางเส้นทางหากได้เดินไปแล้วก็ไม่อาจหลุดพ้นไปได้โดยง่าย ท่านคิดทบทวนให้ถี่ถ้วนเถิด”
“ข้าใคร่ครวญดีแล้ว” เซี่ยคุนหันไปมองอันอวี้ที่อยู่ข้าง ๆ “ข้าก็อยากมอบบรรดาศักดิ์เก้ามิ่งให้ฮูหยินข้าเช่นกัน อีกทั้งยังอยากให้ลูกชายข้าได้เริ่มต้นในสถานะที่สูงขึ้นอีกหน่อย”
“นี่ถึงจะเป็นความตั้งใจแท้จริงของท่านกระมัง?” มู่ซืออวี่ยิ้ม “จะกล่าวอย่างไรก็ยังเป็นไปเพื่อฮูหยินเซี่ย”
อันอวี้ขัดเขินขึ้นมา “สามีจะทำอะไรข้าล้วนสนับสนุน ไม่ว่าเขาจะเป็นขุนนางก็ดี เป็นคนทั่วไปก็ดี ข้าจะติดตามเขาไปเสมอ”
มู่ซืออวี่กลับมาแล้ว ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่นางต้องจัดการ
เช่นบัญชีของ ‘เรือนกรุ่นฝัน’ และเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเรือนพักผ่อนบนภูเขา นางต้องใช้เวลาจัดการมากถึงสิบกว่าวัน
ระหว่างนี้ยังไปที่จวนเซวียนอ๋องมาเที่ยวหนึ่งเพื่อเข้าร่วมงานศพของเซวียนหวางเฟยอย่างหยางอีเหริน นับตั้งแต่นั้นมาตำแหน่งเซวียนหวางเฟยก็ว่างอีกครั้ง
ครั้งที่ไปเข้าร่วมงานศพ นางได้เห็นจ้าวอวิ๋นซวงอนุของเซวียนอ๋องที่กำกับดูแลทั้งงาน อีกทั้งยังได้เห็นบุตรชายของจ้าวอวิ๋นซวงแล้ว
มู่ซืออวี่ยังคงจดจำเนื้อเรื่องของนิยายต้นฉบับได้บางส่วน ในนิยายต้นฉบับนั้นจ้าวอวิ๋นซวงเป็นนางเอกของเรื่อง เพื่อนางเอกผู้นี้แล้ว พระเอกของเรื่องทำแม้กระทั่งละเลยลูกสาวแก้วตาดวงใจของนาง ท้ายที่สุดยังปล่อยให้ลูกสาวนางตายอย่างน่าเวทนา ถึงแม้มู่ซืออวี่จะรู้ว่าตัวร้ายหญิงในนิยายต้นฉบับนิสัยห่างไกลจากลูกสาวแก้วตาดวงใจของนางยิ่ง แต่เมื่อได้เห็นจ้าวอวิ๋นซวงในจวนเซวียนอ๋อง นางยังคงอดมองอีกฝ่ายหลาย ๆ รอบไม่ได้
จ้าวอวิ๋นซวงมีใบหน้าประณีตงดงาม ทั้งยังจัดการเรื่องราวได้อย่างเป็นระบบระเบียบ นางดูเหมือนเซวียนหวางเฟยยิ่งกว่าหยางอีเหรินเสียอีก อันที่จริง หากไม่นับสถานะของนางแล้ว นางเอกเช่นนี้ค่อนข้างเหมาะสมทีเดียว น่าเสียดายที่พระเอกดูแตกต่างไปจากนิยายต้นฉบับเสียแล้ว
ตลอดทั้งงานศพ เซวียนอ๋องแสดงท่าทีเศร้าโศกใจอย่างยิ่ง ราวกับว่าเซวียนหวางเฟยผู้จากไปเป็นคนที่เขารักจริง ๆ เขาดูเป็นผู้ที่ยึดมั่นในความรักเป็นหนักหนา ทำให้จิตใจของคุณหนูสกุลผู้สูงศักดิ์หลายคนในที่แห่งนี้สั่นไหวไปตาม ๆ กัน
อย่างไรก็ตาม มู่ซืออวี่มองแววตาของเซวียนอ๋องออก นางรู้ว่านี่เป็นเพียงการแสดงที่ต้องการให้ผู้อื่นเห็นว่าตนร้องไห้ ทว่านักแสดงไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับฉากนั้นมากนัก
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ การยึดมั่นหมกมุ่นของเขาทำให้นางรู้สึกได้ถึงอันตราย ทว่ามู่ซืออวี่ย่อมไม่ยินดีแต่งเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ออกไปให้ผู้ใดง่าย ๆ นางจึงทำได้เพียงหาคนมาคุ้มครองลูกสาวให้มากขึ้น เพื่อป้องกันกลอุบายทุกรูปแบบ
“ท่านแม่ ท่านคิดอะไรอยู่หรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นโบกมือไปมาเบื้องหน้ามู่ซืออวี่
“ข้ากำลังคิดว่า…” มู่ซืออวี่มองบุตรสาว “เมื่อใดว่าที่ลูกเขยของข้าจะปรากฏตัวสักที”