นี่เจ้าไม่ได้มาช่วยการทดสอบของเขาหรอกรึ?
ผู้ช่วยนักปรุงยาไม่เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย เหตุใดโอวข่านถึงต้องการให้หลิงฮันหลอมเม็ดยาที่ยากที่สุดกัน?
แต่ในเมื่อผู้สืบทอดกล่าวแบบนั้น มีรึที่เขาจะกล้าตั้งคำถาม เขารีบกล่าวกับหลิงฮันทันที “ถ้างั้นเจ้าก็หลอมเม็ดยารุ้งฟ้าครามแล้วกัน”
หลิงฮันพยักหน้าอย่างไม่คิดอะไร
หลิงฮันเดินไปยังห้องหลอมเม็ดยา เขาแจ้งชื่อก่อนจะเข้าไปด้านใน และเริ่มทำการจัดเรียงสมุนไพร ควบคุมอุณหภูมิเตาหลอม และเริ่มหลอมเม็ดยา
“ช่างงดงามนัก!” ผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นกลางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม หากเทียบกับในด้านทักษะเคลื่อนไหวของมือแล้ว เขารู้ตัวดีกว่าไม่อาจเทียบกับหลิงฮันได้
เป็นการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลเหลือเกิน
โอวข่านเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ที่แท้หลิงฮันก็หลอมเม็ดยาเป็นจริงๆ!
เขาคิดว่าเพราะหลิงฮันโมโหการขัดขวางการซื้อเม็ดยาจากเขา เลยควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่และมาทดสอบเป็นนักปรุงยาเสียอีก แต่ดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น
หรือว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจมาซื้อเม็ดยากันแน่?
ถ้าลองคิดดูดีๆ หากแค่จะซื้อเม็ดยาล่ะก็ หลู่เซียนหมิงย่อมสามารถจัดหาเม็ดยาให้ได้แล้ว มีความจำเป็นด้วยรึที่หลิงฮันต้องมาซื้อเม็ดยาด้วยตัวเอง?
เพียงแต่ว่ามนุษย์นั้นไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และมีพลังชีวิตที่จำกัด หลิงฮันที่ต้องใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะพลังให้บรรลุขีดจำกัด จะเอาเวลาจากไหนไปฝึกฝนศาสตร์ปรุงยากัน?
เหตุใดอีกฝ่ายถึงมีทักษะหลอมเม็ดยาที่อัศจรรย์เช่นนี้ได้?
จะบอกว่าเป็นอัจฉริยะรอบด้านงั้นรึ? ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด!
แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งวันเศษๆ เม็ดยารุ้งฟ้าครามก็ถูกหลอมเสร็จสิ้น
แน่นอนว่าคุณภาพของเม็ดยาย่อมเป็นคุณภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุด
“ผ่านการทดสอบ!” ผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นกลางกล่าวด้วยสีหน้าชื่นชม ถึงว่าทำไมแม้แต่โอวข่านต้องพาหลิงฮันมาที่นี่ด้วยตนเอง และให้หลอมเม็ดยายากสุด ที่แท้คนผู้นี้ก็มีความสามารถมากพอนี่เอง
ใบหน้าของโอวข่านกลายเป็นมืดมน ผลลัพธ์เช่นนี้เปรียบดั่งการตบหน้าเขาอย่างจัง!
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “งั้นเริ่มการทดสอบเป็นผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นกลางได้เลย”
ผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นกลางไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นพยานได้ เพราะงั้นเขาจึงรีบไปรายงานและเรียกผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงสามคนมา
“คารวะผู้สืบทอด!” ทั้งสามคนโค้งตัวทักทายโอวข่านก่อนเป็นอันดับแรก
โอวข่านสะบัดมือ ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยแล้วว่า ขีดจำกัดของหลิงฮันอยู่ที่ระดับใดกันแน่
“ให้เขาหลอมเม็ดยารวมจิตโลกาปฐพี” โอวข่านกล่าว
ผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงทั้งสามชะงักพร้อมกัน เม็ดยารวมจิตโลกาปฐพีคือเม็ดยาที่ในอดีตกาลเคยเป็นเม็ดยาระดับสูงมาก่อน แต่เพราะสาเหตุอะไรบางอย่าง ภายหลังจึงถูกจัดให้ลงมาเป็นเม็ดยาระดับกลาง
การจะให้ผู้เข้าทดสอบเป็นผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นกลาง หลอมหลอมเม็ดยารวมจิตโลกาปฐพีนั้น จะไม่ยากเกินไปหน่อยงั้นรึ?
แต่พวกเขาก็ไม่กล้ากล่าวสิ่งที่คิดออกไป คำพูกของผู้สืบทอดนั้น ใครกันจะกล้าแย้ง?
ด้วยเหตุนี้หลิงฮันจึงทำการหลอมเม็ดยารวมจิตโลกาปฐพี
ทันที่เริ่มลงมือ ผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นกลางทั้งสามก็อดไม่ได้ ที่จะชื่นชมทักษะการเคลื่อนไหวมือของหลิงฮัน
คนผู้นี้ใช่คนที่เพิ่งเริ่มเป็นนักปรุงยาจริงๆรึ? เหตุใดทักษะของเขาถึงได้ดูเหมือนปรมาจารย์นักปรุงยาเฒ่ามากประสบการณ์นัก?
“ผ่าน!” หลังจากตรวจสอบเม็ดยาของหลิงฮัน ผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงทั้งสามก็ให้ผ่านอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
ใบหน้าของหลิงฮันเผยรอยยิ้ม “งั้นก็เริ่มทดสอบเป็นผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงต่อเลย”
การทดสอบเป็นผู้ช่วยนักปรุงยา ก็ยังคงอยู่ในระดับของผู้ช่วย เพราะงั้นเป็นไปไม่ได้ที่นักปรุงยาที่แท้จริงจะเป็นคนมาเป็นพยานการทดสอบด้วยตัวเอง การทดสอบนี้จึงต้องเพิ่มพยานเป็นผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงสิบคนแทน
ครั้งนี้โอวข่านไม่กล่าวอะไร ต่อให้หลิงฮันจะมีคุณสมบัติเป็นผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงจริงแล้วจะอย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรอีกไม่กี่วันให้หลังนี้ อีกฝ่ายก็ต้องถูกสังหารอยู่ดี
หรือจะบอกว่าหลิงฮันจะเป็นนักปรุงยาได้งั้นรึ?
ช่างน่าขัน ต่อให้ผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงต้องการไต่เต้าขึ้นเป็นนักปรุงยาที่แท้จริง ก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างน้อยพันล้านปี แต่ดูจากพลังชีวิตของหลิงฮันแล้ว อายุขัยของอีกฝ่ายยังไม่เกินหนึ่งหมื่นปีด้วยซ้ำ เพราะงั้นจะเป็นนักปรุงยาได้อย่างไร?
เมื่อไม่มีโอวข่านขัดขวาง ความยากของการทดสอบครั้งนี้จึงลดลง หลิงฮันสามารถเม็ดยาระดับสูงชนิดใดก็ได้ตามใจชอบ
แน่นอนว่าห้องหลอมเม็ดยา ย่อมมีคุณสมบัติในการเร่งเวลาเช่นกัน เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งวันเม็ดยาระดับสูงก็ถูกหลอมเสร็จสิ้น
“ผ่าน!” ผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงทั้งสอบคนรู้สึกเลื่อมใสในทักษะการปรุงยาของหลิงฮันเป็นอย่างมาก และแสดงสีหน้าชื่นชมออกมาอย่างปิดไม่มิด
“ทดสอบเป็นนักปรุงยาต่อได้เลย” หลิงฮันกล่าว
ว่าไงนะ?
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกไป บริเวณโดยรอบก็กลายเป็นเงียบสงัดราวกับป่าช้า
ทดสอบเป็นนักปรุงยางั้นรึ? ช่างหาญกล้านัก!
เจ้ารู้รึเปล่าว่าในเมืองวิถีโอสถแห่งนี้มีนักปรุงยาอยู่กี่คน?
หนึ่งแสนสามหมื่นแปดพันหกร้อยหกสี่สิบสามคนเท่านั้น
อย่ามองว่าจำนวนนี้เป็นจำนวนที่มาก ด้วยความกว้างใหญ่ไพศาลของเมืองวิถีโอสถที่เป็นเมืองอำนาจสี่ดาว เชจำนวนประชากรในเมืองจึงมีมากหลายล้านล้านคน ยิ่งกว่านั้นจำนวนนักปรุงยาหลักแสนคนก็ไม่ใช่นักปรุงยาจากเมืองวิถีโอสถเพียงอย่างเดียวด้วย แต่เป็นจำนวนของนักปรุงยาที่มารวมตัวกันกว่าครึ่ง ของทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก
กล่าวคือนักปรุงยานั้น มีจำนวนน้อยเสียยิ่งกว่าสตรีงามล่มเมืองเสียอีก
“อะไร ทดสอบไม่ได้งั้นรึ?” หลิงฮันยิ้ม
“แน่นอนว่าสามารถดำเนินการทดสอบได้ แต่การจะหลอมเม็ดยาระดับนิรันดร์นั้น จำเป็นต้องต้องใช้สมุนไพรระดับนิรันดร์ด้วย” ผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงกล่าง “วิหารนักปรุงยาไม่ได้เตรียมสมุนไพรนิรันดร์เอาไว้ให้ หากต้องการทดสอบเจ้าต้องใช้สมุนไพรของตัวเอง”
“ไม่มีปัญหา” หลิงฮันกล่าว
เมื่อเห็นความมั่นใจของหลิงฮัน ในที่สุดโอวข่านก็เผยสีหน้าวิตกกังวลออกมา
หลิงฮันมีความสามารถขนาดนั้นจริงๆรึ?
หากไม่ใช่คนโง่ คนที่ไม่มั่นใจในความสามารถตัวเองที่ไหนบ้าง จะถ่อมาถึงวิหารนักปรุงยาแห่งนี้เพื่อทดสอบให้ล้มเหลว และเสียทั้งเงินเสียทั้งหน้า?
แต่หากจะบอกว่าหลิงฮันมีคุณสมบัติกลายเป็นนักปรุงยาหนึ่งดาวได้นั้น เขาก็ทำใจเชื่อไม่ลงเช่นกัน
หลังจากผู้ช่วยนักปรุงยาขั้นสูงทั้งสิบปรึกษากัน หนึ่งในนั้นก็กล่าว “การทดสอบเป็นนักปรุงยาจำเป็นต้องมีนักปรุงยาเป็นสักขีพยาน” ผู้ช่วยนักปรุงยาเช่นพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอจะตรวจสอบการทดสอบนี้
หลิงฮันพยักนหา
การทดสอบเป็นนักปรุงยานั้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มาก เนื่องจากในอนาคต ผู้ที่เข้าทดสอบอาจจะกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของเมืองวิถีโอสถก็เป็นได้
ไม่ใช่แค่เหล่านักปรุงยาเท่านั้นก็เกิดความโกลาหล แต่ตระกูลทรงอำนาจต่างๆก็ส่งคนมาดูการทดสอบด้วย หากมีนักปรุงยาคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นจริง ก็ควรค่าแก่การแย่งชิงตัวมาเข้าร่วมตระกูล
เพียงแต่เมื่อรับรู้ว่าผู้ที่จะทำการทดสอบนักปรุงยาคือหลิงฮัน ทุกคนก็เกิดความคิดเดียวกันขึ้มาในหัว
นี่เจ้ากำลังเล่นบ้าอะไรอยู่?
เจ้าเป็นอัจฉริยะในศาสตร์วรยุทธ์ ที่เอาชนะจ้างชิงเฟิงได้ทั้งๆที่มีระดับพลังต่ำกว่าหนึ่งขั้นไม่ใช่รึไง?
หากมีพลังล้นเหลือหรือมีเวลาว่างขนาดนั้น ทำไมไม่ไปทุ่มเทให้กับศาสตร์วรยุทธกัน?