สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 695 ทูตจากอาณาจักรเฟิ่งหลิน

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 695 ทูตจากอาณาจักรเฟิ่งหลิน

บทที่ 695 ทูตจากอาณาจักรเฟิ่งหลิน

เซี่ยเฉิงจิ่นตรงมาที่เรือนพักผ่อนบนภูเขาเพียงลำพัง คนอื่น ๆ ล้วนเข้าไปในพระราชวังโดยมีทูตอีกคนเป็นผู้นำถวายพระพรกับฝ่าบาท

เมื่อสอบถามสถานการณ์แน่ชัดแล้ว ลู่จื่ออวิ๋นจึงรู้ว่าเซี่ยเฉิงจิ่นไม่ได้สร้างปัญหาใด ๆ นางถึงได้รู้สึกวางใจ

“คุณหนู แขกเรือนทะเลสาบผู้นั้นต้องรับรองย่างไรบ้างขอรับ?”

“นอกจากอาหารทะเล อย่างอื่นก็เลือกส่งไปให้เขาเถิด เขาเป็นทูตจากต่างแดน อย่าให้ผู้อื่นคิดว่าพวกเราละเลยแขกเอาได้”

“ขอรับ”

ลู่จื่ออวิ๋นนึกขึ้นได้ว่านางต้องจัดเตรียมกระโจมจึงกำชับลูกน้องสองสามอย่าง ก่อนจะนั่งรถม้าเข้าไปในเมืองหลวงรุดไปที่หอซือเป่า คิดไว้ว่าจะเลือกเนื้อผ้าที่ตรงตามความต้องการของนาง

กว่านางจะเลือกเนื้อผ้าได้ฟ้าก็มืดแล้ว นางจึงไม่ได้กลับไปที่เรือนพักผ่อนบนภูเขาอีก

“ท่านน้า” ลู่จื่ออวิ๋นเห็นมู่เจิ้งหานเดินผ่านจึงร้องเรียกเขา

มู่เจิ้งหานหยุดฝีเท้า หันไปมองลู่จื่ออวิ๋นแล้วจึงเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ?”

“ท่านถืออะไรไปน่ะ?”

“ห่อสัมภาระ” มู่เจิ้งหานเอ่ย “หมู่นี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ข้าคิดจะไปอยู่ที่สำนักบัณฑิตหลวง”

“ท่านน้า ท่านไม่ชอบอวิ๋นเอ๋อร์ใช่หรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นดึงชายเสื้อของมู่เจิ้งหานเอาไว้ “หากท่านอยู่ในสำนักบัณฑิตหลวง แล้วทุก ๆ สิบวัน หรือครึ่งเดือนกลับมาสักครั้งก็แล้วไปเถิด แต่เป็นไปได้ว่าสามสี่เดือนจนถึงครึ่งปีท่านจึงจะกลับมาสักครั้ง ท่านต้องนึกรังเกียจความวุ่นวายอึกทึกของอวิ๋นเอ๋อร์เป็นแน่ ข้าทำให้ท่านอารมณ์ไม่ดี ท่านจึงไม่อยากอยู่ที่บ้าน”

มู่เจิ้งหานอับจนปัญญา “เจ้ากำลังพูดอะไร?”

แต่ไหนแต่ไรมาเขามักจะยิ้มแย้มแจ่มใสมาโดยตลอด ทว่าตอนนี้เขากลับแทบไม่ยิ้มออก เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อจิตใจเขามากเพียงใด

“ท่านน้า ท่านอย่าไปจากพวกเราเลย”

“ข้าไม่ได้จากไป เพียงแค่ไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวเท่านั้น”

“ท่านพ่อท่านแม่ล้วนงานรัดตัว ตอนนี้ข้าต้องดูแลเรือนพักผ่อนบนภูเขา ต่อไปข้าก็จะยุ่งจนแทบไม่ได้หยุดพักเช่นกัน น้องชายน้องสาวข้าก็จะไม่มีผู้ใดดูแล น้องชายข้านับถือท่านเป็นที่สุด อีกทั้งยังบอกว่าท่านร้ายกาจกว่าท่านพี่เสียอีก”

มู่เจิ้งหานจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าลู่จื่ออวิ๋นกำลังปลอบใจ ถึงแม้ลู่ฉาวอวี่จะไม่ค่อยแสดงออก ทว่าไม่ว่าเรื่องใดเขาก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว อันที่จริงแล้วนับว่าเป็นคนคมในฝักผู้หนึ่ง

ผู้อื่นมักจะถูกรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนแอของเขาหลอกเอาได้ง่าย ๆ คิดว่าเขาเป็นเพียงบัณฑิตอ่อนแอผู้หนึ่ง มีเพียงมู่เจิ้งหานที่อยู่กับเขามาตั้งแต่ยังเล็กเท่านั้นที่รู้ดีว่าลู่ฉาวอวี่นั้นน่ากลัวเพียงใด

ตอนนี้เขาเป็นผู้บังคับการสำนักตรวจการ วิธีการตรวจสอบคดีของเขาดียิ่งกว่าลู่อี้ซึ่งเป็นผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ในตอนนั้นเสียอีก สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือวิธีการลงโทษของเขา อาจจะดูไม่เสียเลือดเสียเนื้อ แต่กลับทำให้คนอยู่ไม่สู้ตาย

“ท่านน้า ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ? ข้าพูดกับท่านอยู่นะ ท่านได้ยินข้าหรือไม่?”

“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ น้าสัญญากับเจ้า สามวันให้หลังข้าจะกลับมาอยู่กับพวกเจ้า ดีหรือไม่? เจ้าไม่รู้กฎของสำนักบัณฑิตหลวงเราหรือ? หากมีวันหยุดวันสำคัญ ปกติได้หยุดพักถึงเก้าวันเชียว”

“เช่นนั้นพวกเราสัญญากันแล้วนะ หากท่านไม่กลับมา ข้าจะไปตามท่านที่สำนักบัณฑิตหลวง” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า

มู่เจิ้งหานจะกล้าปล่อยให้ลู่จื่ออวิ๋นไปที่สำนักบัณฑิตหลวงได้อย่างไร หากนางไปที่สำนักบัณฑิตหลวง ไม่เท่ากับว่าก้าวขาเข้าไปในรังหมาป่าหรือ หาก ‘เสือกับหมาป่า’ เหล่านั้นทำให้นางกลัว พี่สาวและพี่เขยของเขาจะไม่เขมือบเขาทั้งเป็นหรือ?

หลังจากรับปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะกลับมา ลู่จื่ออวิ๋นถึงได้ปล่อยเขาไป

“คุณหนู ท่านกังวลว่าท่านน้าจะคิดไม่ตกหรือเจ้าคะ?”

“ไม่ถึงเพียงนั้น ทว่าเขาจะต้องเศร้าใจไปอีกนานเป็นแน่”

“หลายปีมานี้ท่านน้ารู้สึกพึงใจสตรีเพียงผู้เดียว นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ท่านลุงของแม่นางเจียงช่างเหลือทนจริง ๆ เขาทำเช่นนั้นกับหลานสาวของตนได้อย่างไร”

“เมื่อคืนข้าได้ยินท่านพ่อท่านแม่คุยกัน พวกเขากล่าวว่าท่านลุงของแม่นางเจียงผู้นั้นอาจถูกผู้อื่นจ้างวาน คิดจะบีบบังคับแม่นางเจียงให้ช่วยทำเรื่องต่าง ๆ ให้พวกเขา ด้วยการวางแผนทำร้ายท่านพ่อท่านแม่ของข้า ทว่าแม่นางเจียงไม่ยินยอมเชื่อฟัง ถึงได้ถูกพวกเขาสังหาร”

“ดังนั้นนี่ไม่ใช่การลอบฆ่าเพราะเรื่องเงินธรรมดา ๆ หรือเจ้าคะ?”

“ท่านพ่อท่านแม่ข้าไม่อยากให้ท่านน้าจมปลักอยู่กับเรื่องนี้ ถึงได้ปิดบังความจริงไว้ ตอนนี้ท่านน้าข้าทำงานเป็นอาจารย์อยู่ที่สำนักบัณฑิตหลวง อันที่จริงแล้วการจัดการเช่นนี้ดีที่สุดสำหรับเขา เขามีจิตใจที่บริสุทธิ์ ยากจะระแวดระวังเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายในราชสำนักได้ แม้จะมีการคุ้มครองจากท่านพ่อ ท่านอา และพี่ชายของข้า คนอย่างท่านน้าก็ยังคงตกเป็นเป้าของผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย”

ลู่จื่ออวิ๋นและติงเซียงจากไปแล้ว ไม่ทันได้สังเกตเห็นปลายเสื้อผ้าที่โผล่ออกมาบริเวณมุมห้อง

จวนอู่อันโหวถูกปิดตายมาเป็นเวลานานแล้ว จวนที่ครั้งหนึ่งเคยงดงามโอ่โถงกลายเป็นเรือนร้างหลังหนึ่ง ไม่มีผู้ใดคอยปัดกวาดเช็ดถูมานานวัน ในสวนปกคลุมไปด้วยใบไม้หนาทึบ เมื่อมองดูดอกไม้และต้นไม้ล้วนเหี่ยวเฉาไปหมดทั้งสิ้น

สระน้ำที่เดิมทีเต็มไปด้วยดอกบัว บัดนี้ดอกบัวได้ตายไปแล้ว อีกทั้งโคลนในสระยังส่งกลิ่นเน่าเหม็นออกมา

เซี่ยเฉิงจิ่นนั่งอยู่บนหลังคา มองทุกอย่างเบื้องหน้าเขา

ภาพจำของชีวิตเขานับแต่เด็กจนเติบใหญ่ค่อย ๆ หลั่งไหลเข้ามาในหัวช้า ๆ

“นายท่าน เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่?”

“ที่นี่เดิมทีก็เป็นบ้านของข้า ในเมื่อกลับมาแล้ว แน่นอนว่าต้องมาดูสักหน่อย”

“นายท่าน เป็นไปตามที่ท่านคาดเดาไว้ ทุกอย่างที่ท่านกิน ใช้ หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่ท่านสวมใส่ตลอดการเดินทางล้วนถูกโปรยยาพิษที่ทำให้ป่วยเรื้อรัง ผู้ที่วางยาพิษท่านหวังว่าท่านจะตายระหว่างการมาเป็นทูต เช่นนี้ท่านจะได้ไม่สงสัยพวกเขา”

“นี่ปกติมากไม่ใช่หรือ? ครั้งก่อนที่ข้าไปอาณาจักรเหลียง อีกฝ่ายไม่แม้แต่อยากให้ข้ากลับไปเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ข้าได้พบท่านลุงลู่ หลังจากร่วมมือกับเขา เขาจึงรอดพ้นอันตรายไปได้ ข้าก็รอดพ้นไปเช่นกัน”

“แล้วตอนนี้เล่า?”

“อาณาจักรเหลียงยุ่งยากอันตรายเพียงนั้น ข้ายังรอดมาได้อย่างปลอดภัย ตอนนี้อยู่ที่นี่ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะตกหลุมพรางของพวกเขา”

เซี่ยเฉิงจิ่นลุกขึ้นยืน

“ท่านอ๋อง ท่านจะไปที่ใด?”

“ระยะเวลาที่ข้าอยู่ที่นี่มีจำกัด แน่นอนว่าต้องไปทำเรื่องที่มีความหมาย เจ้าจะให้ข้าเหม่อลอยอยู่ที่นี่ตลอดไปอย่างนั้นหรือ?”

ผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังบ่น “เรื่องที่ท่านบอกว่ามีความหมายคือการได้มองแม่นางสกุลลู่ผู้นั้นรึ?”

“หากข้าไม่มองนาง เช่นนั้นจะให้ข้ามองเจ้า?” เซี่ยเฉิงจิ่นเหลือบมองอีกฝ่าย “ข้าไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว หากไม่คิดวางแผนเพื่อตนเอง เมื่อไหร่ท่านพ่อท่านแม่จะได้อุ้มหลานเล่า?”

ผู้ติดตาม “…”

ขอเพียงนายท่านมีความสุขก็ดีแล้ว

เพียงแต่ แม่นางสกุลลู่ผู้นั้นมีทั้งบิดาที่มีอำนาจ มารดาที่ร่ำรวย นางเกิดเกิดมาพร้อมกับช้อนเงินช้อนทองในปาก คิดจะแต่งงานกับนางย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

ลู่จื่ออวิ๋นอาบน้ำแล้วก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะโดยมีแมวอยู่ในอ้อมแขน

เจ้าแมวเชื่องเป็นอย่างมาก มันอยู่ในอ้อมแขนนางนิ่ง ๆ ไม่ไหวติง กระดิกหางเป็นครั้งคราวเพื่อบ่งบอกว่ามันพอใจเพียงใด

เจ้าแมวตัวนี้น่ารัก ทว่าในสายตาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างแล้ว จู่ ๆ เขาก็อยากลิ้มรสเนื้อแมวขึ้นมา

นิ้วเรียวเหล่านั้นลูบขนนุ่มฟูของเจ้าแมวไปมา ดูจากท่าทีพึงพอใจของมันแล้ว ราวกับว่ามันต้องการยั่วยุเขาอย่างไรอย่างนั้น

“ท่านคิดจะอยู่ตรงนั้นไปถึงเมื่อไหร่กัน?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม

นางปล่อยผมยาวสลวย เรือนผมสีรัตติกาลสยายลงมา ดุจภาพความงามอันเงียบงัน

เซี่ยเฉิงจิ่นที่นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างตอบว่า “นั่นขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะเห็นข้าเมื่อใด”

“ผู้คุ้มกันลับในเรือนข้าจากทั้งจวนกระจายตัวอยู่สามส่วน นึกไม่ถึงว่าจะไม่รู้สึกถึงการมาของท่าน”

“ข้ารู้ว่าวิชาตัวเบาสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่ยังเล็ก ข้าก็มุ่งเน้นไปที่การฝึกวิชาตัวเบา หากวิชาตัวเบาของข้าเป็นที่สอง เช่นนั้นใต้หล้านี้ย่อมไม่มีผู้ใดเป็นที่หนึ่ง”

“หยิ่งยโสนัก”

“ข้าสามารถพิสูจน์ได้”

ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกสนใจขึ้นมาบ้างแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองเขา “ในสวนทิศตะวันตกมีดอกชบาที่บานแล้วงดงามยิ่ง ท่านไปเด็ดกลับมาให้ข้าใส่แจกันเสียหน่อยเป็นอย่างไร?”

“ได้ รอข้าประเดี๋ยว”

เซี่ยเฉิงจิ่นลงไปจากหน้าต่าง

ลู่จื่ออวิ๋นเดินไปดูตรงหน้าต่าง ยื่นหน้าออกไปมองไปรอบ ๆ ทว่าไม่เห็นผู้ใด

“เร็วยิ่ง”

“เจ้าว่าอะไรเร็วหรือ?” เซี่ยเฉิงจิ่นปรากฏตัวขึ้นกะทันหัน

ในมือของเขาถือดอกชบาที่สวยที่สุดเอาไว้

ลู่จื่ออวิ๋นมองเขาด้วยความประหลาดใจ นางกะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นจึงหันไปมองดอกชบาในมือเขา

เซี่ยเฉิงจิ่นทัดดอกชบาไว้บนผมของนาง “ดอกไม้ที่สวยงามเช่นนี้หากนำไปใส่แจกันคงน่าเสียดายนัก แต่หากเป็นเครื่องประดับผมให้เจ้าได้ การที่มันเกิดมาในโลกนี้ก็ไม่เสียแรงเปล่าแล้ว”

“น้ำและดินในอาณาจักรเฟิ่งหลินไม่เลวจริง ๆ ทำให้เซี่ยซื่อจื่อ… ไม่สิ ข้าได้ยินว่าตอนนี้เป็นท่านอ๋องแล้ว ข้าควรเรียกท่านว่าท่านอ๋องจิ่นกระมัง? น้ำและดินในอาณาจักรเฟิ่งหลินทำให้ท่านอ๋องจิ่นเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ก่อนหน้านี้ไม่เคยเอ่ยถ้อยคำรื่นหูเช่นนี้มาก่อน ทว่าท่านแม่ข้าเคยว่าไว้ ยิ่งเอ่ยถ้อยคำหวานหูเพียงใดยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้นเพียงนั้น สิ่งที่เรียกว่าลูกดอกเคลือบน้ำตาลนั้นจะทำให้คู่ต่อสู้สับสนก่อน จากนั้นค่อยยิงอีกฝ่ายให้ถึงตาย”

“ฮูหยินลู่ช่างมีความคิดที่ลึกล้ำ” เซี่ยเฉิงจิ่นยิ้มน้อย ๆ “ตอนนี้ข้าพิสูจน์ตัวเองแล้ว เจ้าคงไม่สงสัยอะไรอีกกระมัง?”

“ไม่สงสัย พรุ่งนี้ข้าจะบอกท่านพ่อ ให้เขาตระเตรียมผู้คุ้มกันใหม่ นอกจากนี้ข้ายังจะบอกท่านแม่ ให้นางออกแบบกลไกให้ห้องข้าเป็นพิเศษด้วย เช่นนี้จะได้ไม่ต้องปล่อยให้วัวหายค่อยล้อมคอก”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท