บทที่ 697 องค์หญิงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์จากอาณาจักรเหลียง
บทที่ 697 องค์หญิงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์จากอาณาจักรเหลียง
ทูตจากอาณาจักรเฟิ่งหลินมาถึงเมืองหลวงก่อน ส่วนทูตจากอาณาจักรเหลียงมาถึงในวันที่สาม
การรับรองทูตเป็นหน้าที่ของกรมพิธีการ ในฐานะอัครมหาเสนาบดี ลู่อี้ต้องคอยจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ในแต่ละวันนับไม่ถ้วน หากกล่าวกันตามตรงแล้ว เขาแทบไม่มีเวลาว่าง ทว่าองค์หญิงจากอาณาจักรเหลียงผู้นั้นไม่รู้ว่านางคิดอะไรจึงระบุว่าตนต้องการไปอาศัยอยู่ที่จวนท่านอัครมหาเสนาบดี
“อาศัยอยู่ในจวนเรา?” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “นายท่านเห็นด้วยแล้วหรือ?”
“นายท่านไม่รับปากไม่ได้น่ะสิเจ้าคะ คนของฝ่าบาทส่งองค์หญิงผู้นั้นมาแล้ว” ฉานอีเอ่ย
“ตอนนี้นางอยู่ที่ใดแล้ว?”
“ถึงหน้าประตูแล้วเจ้าค่ะ”
มู่ซืออวี่ลุกขึ้นยืน “เช่นนั้นก็ไปต้อนรับเถอะ!”
ที่ประตู ซูฟางหวาองค์หญิงจากอาณาจักรเหลียงมองดูสวนที่งดงามหรูหรา สายตาของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
สิ่งแรกที่นางมองเห็นคือน้ำพุ ช่องที่ปล่อยน้ำออกมาไม่ได้มีรูปร่างเป็นสิงโตอย่างที่ผู้สูงศักดิ์มักจะใช้ หากแต่เป็นนกที่กำลังบินร่อน
“นั่นเป็นนกหงส์ไฟ” ทูตที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “นกหงส์ไฟเป็นนกศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคลและความงดงาม”
“ช่างน่าสนใจยิ่งนัก”
“องค์หญิงเสด็จมาไกล หม่อมฉันไม่ได้รอต้อนรับหน้าประตู เสียมารยาทยิ่งแล้ว”
มู่ซืออวี่ค่อย ๆ เดินออกมาพร้อมกับสาวใช้
ซูฟางหวาหันไปมองสตรีตรงหน้า
“ฮูหยินลู่หรือ?”
“องค์หญิง ห้องรับรองแขกยังต้องใช้เวลาจัดเตรียมให้เรียบร้อยอีกสักพัก ไม่สู้หม่อมฉันพาองค์หญิงไปนั่งแถวนี้ รอให้คนทำความสะอาดห้องหับเสียก่อน ค่อยเชิญองค์หญิงไปพักผ่อนเป็นอย่างไรเพคะ”
“เช่นนั้นต้องรบกวนฮูหยินลู่แล้ว”
ซูฟางหวาอายุสิบแปดปี นับว่าเป็นดรุณีแรกแย้ม หากเอ่ยถึงรูปโฉมถือได้ว่าโดดเด่นยิ่ง นอกจากนี้นางยังเกิดมาในราชวงศ์ บรรยากาศรอบกายจึงให้ความรู้สึกสูงส่ง
มู่ซืออวี่ดูแลกิจการมานาน ลูกน้องของนางแม้มีไม่ถึงหนึ่งแสนก็มีถึงห้าหมื่น ในแวดวงการค้า การมีตัวตนของนางเปรียบได้กับจักรพรรดิ ทั่วทั้งกายจึงแผ่กลิ่นอายแข็งแกร่งออกมา ปกติแล้วนางมักจะถ่อมตน อีกทั้งยังเข้าถึงได้ง่าย ผู้อื่นจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก ทว่าวันนี้นางกลับไม่ได้ซ่อนเร้นกลิ่นอายดังกล่าว ทั่วทั้งร่างของนางประหนึ่งดาบที่คมกริบ แผ่บรรยากาศกดดันออกมาเป็นพิเศษ
ซูฟางหวาไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด นางจึงเห็นกลิ่นอายมารดาของแผ่นดินในตัวสตรีผู้นี้
“องค์หญิงระวังด้วยเพคะ” มู่ซืออวี่พยุงซูฟางหวาที่กำลังจะล้มลงไว้
ซูฟางหวายิ้มเล็กน้อย “ทำให้ฮูหยินขบขันแล้ว ข้าน่ะอ่อนแอจึงมักจะสร้างปัญหาให้ผู้อื่นอยู่เสมอ”
“องค์หญิงอยู่ในวังตลอดทั้งปี น้อยนักที่จะได้เดินไปไหนมาไหน หากจะอ่อนแอก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ” มู่ซืออวี่ชี้ไปที่ศาลาฝั่งตรงข้าม “ในเมื่อองค์หญิงเหนื่อยแล้ว เช่นนั้นพวกเราไปนั่งพักตรงนั้นสักครู่เถอะเพคะ”
ในศาลา บ่าวรับใช้ยกน้ำชาและขนมมาให้ ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“องค์หญิงลองชิมดูสิเพคะ หากไม่ถูกปาก ข้าจะให้บ่าวรับใช้ทำให้มีรสชาติแบบอาณาจักรเหลียง บังเอิญข้ามีพ่อครัวจากอาณาจักรเหลียงอยู่ในบ้านพอดี เขาจะต้องคุ้นเคยกับรสชาติบ้านเกิดตนเป็นแน่”
“นี่ดียิ่งแล้ว ข้าไม่เรื่องมากเรื่องอาหาร”
ซูฟางหวาเคยได้ยินเรื่องฮูหยินลู่มานาน รู้แค่เพียงว่านางเป็นผู้มั่งคั่ง อีกทั้งยังเป็นสตรีผู้ทำการค้าอันดับหนึ่งที่ได้รับป้ายประกาศเกียรติคุณจากฝ่าบาทอาณาจักรนี้ ในความคิดของนาง ผู้ทำการค้าล้วนรู้แค่เพียงเรื่องเงินทอง เรื่องอื่นรู้เพียงเล็ก ๆ น้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ ซูฟางหวาก็ได้รู้ว่าความเข้าใจของนางนั้นผิดถนัด อีกฝ่ายเป็นสตรีที่รอบรู้ผู้หนึ่ง ขอแค่เพียงนางเอ่ยปากถาม ฮูหยินผู้นี้ก็ตอบได้ทั้งหมด
“ห้องจัดเตรียมพร้อมแล้ว ข้าจะให้บ่าวของข้าพาองค์หญิงไป”
“ขอบคุณฮูหยินลู่” ซูฟางหวากล่าว “ข้าและฮูหยินลู่พบหน้าครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนเป็นสหายกันมานาน ไม่รู้ว่าข้าจะได้คุยกับฮูหยินลู่บ่อย ๆ หรือไม่?”
“แน่นอนว่าได้”
“เช่นนั้น เย็นนี้ข้าจะมาหาฮูหยินเพื่อทานมื้อค่ำด้วยกัน”
หลังจากที่ซูฟางหวาจากไป มู่ซืออวี่ก็หันกลับไปมองซางจือและฉานอี
“พวกเจ้าลองว่ามา องค์หญิงอาณาจักรเหลียงผู้นี้คิดจะทำอะไร”
ซางจือเอ่ย “นางมาที่นี่เพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ หรือเพราะนางรู้ว่านายท่านเป็นอัครมหาเสนาบดีคนสำคัญ อีกทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทสูง นางจึงมาที่นี่เพื่อเอาชนะใจนายท่านหรือเจ้าคะ?”
“เมื่อครู่นี้นางพูดคุยกับฮูหยิน นางมองฮูหยินด้วยสายตาที่แปลกยิ่งนัก หากนางมามาที่นี่เพื่อเอาชนะใจฮูหยินก็ควรกระตือรือร้นให้มากกว่านี้ แต่ข้าคิดว่าสายตาที่มองมากลับดูเหมือนกำลังประเมินและสังเกตท่านเสียมากกว่า”
“ไม่ว่านางจะมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไรก็อย่าได้มายุ่งกับข้า เพียงแค่อาศัยอยู่ที่นี่สักสองสามวัน จากนั้นก็เข้าวังไปเป็นพระสนมเถอะ หากมายุ่งวุ่นวาย นางมาจากอาณาจักรเหลียงเช่นไร ข้าก็จะทำให้กลับไปเช่นนั้น”
ซูฟางหวาเดินตามบ่าวรับใช้มายังห้องทางทิศตะวันออก
“นั่นผู้ใด?” ซูฟางหวาเห็นหญิงสาวหน้าตาสวยสดงดงามผู้หนึ่งนั่งอยู่บนชิงช้า
หญิงสาวผู้นั้นสวมชุดกระโปรงสีสว่าง ทว่าชุดที่สวยงามกลับถูกรูปโฉมที่งดงามกว่าของเจ้าตัวบดบัง คนใส่และเสื้อผ้าส่งเสริมกันยิ่งนัก นี่เป็นสีสันที่งดงามที่สุดเท่าที่ซูฟางหวาเคยเห็นมา
“ท่านนั้นเป็นคุณหนูใหญ่จวนเราเพคะ”
“บุตรสาวของอัครมหาเสนาบดีลู่หรือ?”
“เพคะ”
“อนุคนใดให้กำเนิดหรือ?”
บ่าวรับใช้ชะงัก “…”
“องค์หญิงของพวกเราถามเจ้า เหตุใดเจ้าไม่ตอบ? ไร้มารยาทเสียจริง!”
“นายท่านอัครมหาเสนาบดีของเราไม่มีอนุเพคะ มีฮูหยินเพียงผู้เดียว ในจวนมีนายน้อยกับคุณหนูสี่คน ล้วนเป็นบุตรฮูหยินของพวกเรา”
“ไม่เหมือนฮูหยินลู่แม้แต่น้อย”
“นั่นเพราะคุณหนูเหมือนนายท่านอัครมหาเสนาบดีของพวกเราเพคะ”
ลู่อี้ยุ่งอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ท้ายที่สุดเขาจึงเข้าไปในวังพร้อมกับฏีกา หลังจากปรึกษาหารือหัวข้อราชการกับฟ่านหยวนซีแล้ว ฝ่ายหลังก็เอ่ยด้วยท่าทียินดี “องค์หญิงอาณาจักรเหลียงยืนกรานที่จะอาศัยอยู่ที่บ้านของท่าน ข้าตกลงแล้ว อีกทั้งยังเตรียมคนให้ไปส่งนางที่นั่นเรียบร้อย ท่านรับรองนางให้ดี อย่าได้ละเลยนาง ไม่เช่นนั้นจะเกิดข้อพิพาทระหว่างสองอาณาจักร และท่านย่อมหลีกเลี่ยงที่จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ได้”
“ฝ่าบาท ท่านประเสริฐยิ่งนัก”
“เป็นพี่น้องกัน ไม่ต้องเกรงใจ ภายหน้าจะมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้อีกมาก ท่านรีบทำตัวให้คุ้นชินเอาไว้เถิด!”
“ในเมื่อฝ่าบาทว่างถึงเพียงนี้ เช่นนั้นท่านก็จัดการเรื่องเซวียนอ๋องต่อเถอะ กระหม่อมจะไม่ยุ่งเรื่องนี้แล้ว อย่างไรเสียกระหม่อมก็ยังต้องรับรององค์หญิงจากอาณาจักรเหลียงให้ดี”
“ท่านอัครมหาเสนาบดีทำงานได้มากกว่านี้…”
“กระหม่อมแก่แล้ว ต้องดูแลร่างกายให้ดี ทำงานมากไม่ได้”
ลู่อี้เดินออกไปแล้ว
ฟ่านหยวนซีมองตามแผ่นหลังของเขาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “อัครมหาเสนาบดีลู่ของพวกเราก็มีวันที่หงุดหงิดเช่นกัน วันนี้ช่างเป็นวันที่น่าสนใจจริง ๆ”
“ท่านอัครมหาเสนาบดีและฮูหยินรักใคร่กันลึกซึ้ง องค์หญิงอาณาจักรเหลียงท่านนั้นเห็นได้ชัดว่าพึงใจท่านอัครมหาเสนาบดี หากพวกเขาอยู่ด้วยกัน ไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น”
“อาณาจักรเหลียงทะเยอทะยานมากถึงต้องการส่งองค์หญิงของพวกเขามาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ข้าเพียงแค่อยากใช้โอกาสนี้ทำให้องค์หญิงผู้นั้นกลับไปจะได้ไม่สร้างบรรยากาศแย่ ๆ ให้วังหลังของข้า” ฟ่านหยวนซีเล่นกับพู่กัน “ท่านอัครมหาเสนาบดีฉลาดหลักแหลมเพียงนี้ ย่อมต้องเข้าใจความหมายของข้า”
แน่นอนว่าลู่อี้เข้าใจความหมายของฮ่องเต้
เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ ทว่าการจุดไฟเผาเรือนหลังของเขาเช่นนี้ ย่อมสร้างความไม่พอใจให้แล้ว
“ฮูหยิน ท่านอัครมหาเสนาบดีกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” ซางจือเอ่ยกับมู่ซืออวี่เมื่อเห็นลู่อี้เดินเข้ามา
มู่ซืออวี่นิ่งเฉย ยังคงหวีผมให้ลู่จื่อชิงต่อไป
ผมของลู่จื่อชิงเป็นลอนตามธรรมชาติ มู่ซืออวี่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการจัดแต่งทรงผมของนางให้ดูเหมือนตุ๊กตา
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ…” ลู่จื่อชิงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษเมื่อได้พบลู่อี้
ลู่อี้ลูบลงบนใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเบา ๆ “เด็กดี”
“อย่าขยับ” มู่ซืออวี่เอ่ย “ระวังผมจะพังเอาได้”
ลู่อี้คว้ามือของมู่ซืออวี่ ขอให้นางหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่
“แม่นม พาคุณหนูออกไปก่อน”
แม่นมอุ้มลู่จื่อชิงขึ้นมา บ่าวรับใช้คนอื่น ๆ ในห้องเองก็ทยอยหลบออกไปแล้ว
มู่ซืออวี่เดินมาที่เบาะนั่งนุ่ม ๆ จากนั้นจึงหยิบหนังสือขึ้นอ่าน ประหนึ่งว่าไม่อยากสนใจเขาอีกต่อไป
ลู่อี้รู้ดี นางโกรธเข้าแล้วจริง ๆ
“ฮูหยิน…”
“ข้าไม่ทราบมาก่อนว่าฝ่าบาทจะจัดเตรียมเรื่องเช่นนี้ หากข้ารู้ ข้าย่อมไม่ตกลงอย่างแน่นอน เจ้าวางใจเถิด ข้าจะพาพวกเขาไปโรงเตี๊ยมทันที ไม่ปล่อยให้พวกเขารบกวนชีวิตของพวกเราเป็นอันขาด”
“องค์หญิงจากอาณาจักรเหลียงท่านนั้นหน้าตางดงามหมดจดทีเดียว อายุสิบแปดปี เป็นช่วงวัยที่กำลังเบ่งบาน นางอายุพอ ๆ กับลู่จื่ออวิ๋นด้วยซ้ำ นางมาที่นี่เพราะใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีกระมัง? นี่คือหนี้ดอกท้อที่เกิดกับท่านตอนอยู่ที่อาณาจักรเหลียงงั้นหรือ?”
“ข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง”
“แล้วท่านคิดอยากเกี่ยวข้องหรือ?”
“ไม่กล้า!”
ลู่จื่ออวิ๋นและลู่ฉาวอวี่มองหน้ากันไปมา
ดูเหมือนว่าพวกเขาพี่น้องจะมาผิดเวลา
อัครมหาเสนาบดีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังภายนอก อยู่ที่บ้านก็เป็นเพียงกุ้งเท้าอ่อน*[1] ผู้หนึ่ง เขาแทบจะถูกภรรยาเขมือบลงท้องไปอยู่รอมร่อ
“ท่านพี่ ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องกังวลแล้ว พวกเราไปเถอะ อย่าได้รบกวนท่านพ่อท่านแม่กระซิบกระซาบกันเลย”
บ่าวรับใช้เข้ามาเอ่ยกับลู่ฉาวอวี่ “นายน้อย องค์หญิงอาณาจักรเหลียงได้ยินว่าท่านอัครมหาเสนาบดีกลับมาแล้ว จึงกล่าวว่าจะมาเยี่ยมขอรับ”
“นางอยู่ที่ใดแล้ว?”
“สวนด้านนอกขอรับ”
“เหตุใดคนผู้นี้ถึงได้บุกรุกเข้าบ้านผู้อื่นกันนะ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ไร้มารยาทเสียจริง”
ลู่ฉาวอวี่เดินออกไปข้างนอก
ซูฟางหวาได้ยินเสียงฝีเท้าก็เงยหน้าขึ้นมอง จึงเห็นลู่อี้ในแบบที่ยังเป็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง
“ท่านคือ… บุตรชายของใต้เท้าลู่กระมัง”
ลู่ฉาวอวี่มองไปที่ซูฟางหวาก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็น “มีอะไรหรือ?”
“ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าลู่กลับมาแล้ว ในฐานะแขก ข้าควรจะไปเยี่ยมเยือนเขา”
“ถึงเวลาอาหารเย็น ครอบครัวเราย่อมต้องเชิญองค์หญิงมาร่วมงานเลี้ยง ตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่อยู่ด้วยกัน ไม่สะดวกที่จะพบองค์หญิง” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยอย่างอดทน
“ท่านดูเหมือนพ่อของท่านมาก” ซูฟางหวามองลู่ฉาวอวี่ “ท่านชื่ออะไรหรือ?”
“องค์หญิงเรียกข้าว่าผู้บังคับการลู่ได้” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “องค์หญิงยังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่?”
“ไม่มี” ซูฟางหวายิ้มบาง ๆ “รบกวนแล้ว”
ลู่ฉาวอวี่ยืนอยู่ที่นั่นมองดูองค์หญิงเดินจากไป
ลู่จื่ออวิ๋นโผล่หัวออกมาจากด้านหลังเขาแล้วเอ่ยว่า “ท่านพี่ คนผู้นี้… คงไม่ได้อยากเป็นแม่อีกคนของเรากระมัง?”
อย่าได้เห็นว่าท่านพ่อของพวกเขาแก่แล้ว ใบหน้านั้นของเขาดูเหมือนพี่ชายมากกว่าบิดาของลู่ฉาวอวี่เสียอีก ในเมืองหลวงมีแม่นางน้อยที่ตกหลุมรักใต้เท้าลู่อย่างลึกซึ้งไม่น้อย
[1] กุ้งเท้าอ่อน หมายถึง คนขี้ขลาด