บทที่ 702 พิธีอภิเษกสมรสฮองเฮา
บทที่ 702 พิธีอภิเษกสมรสฮองเฮา
ในตอนท้ายของงานเลี้ยง ฮ่องเต้ฮุ่ยได้เอ่ยถึงเรื่องแต่งตั้งองค์หญิงอาณาจักรเฟิ่งหลินเป็นฮองเฮาขึ้นมาอีกครั้ง
ขุนนางบุ๋นบู๊ลุกขึ้นยืนแสดงความยินดีกับฮ่องเต้ฮุ่ยและซ่างกวนจิ่นซิ่ว
ซ่างกวนจิ่นซิ่วหันไปมองเซี่ยเฉิงจิ่น
ฝ่ายหลังจึงพยักหน้าให้
นางลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปหาฟ่านหยวนซี
ทูตอาณาจักรเหลียงยังคงไม่ยอมจำนน ใต้เท้าจิ่งลุกขึ้นและเอ่ยกับฮ่องเต้ฮุ่ย “ฝ่าบาท กระหม่อมยังมีบางอย่างจะกล่าว”
ฟ่านหยวนซีมองด้วยท่าทีเกียจคร้าน “ใต้เท้าจิ่งเป็นคนฉลาด คงรู้ว่าอะไรควรเอ่ย อะไรไม่ควรเอ่ยกระมัง?”
ใต้เท้าจิ่งประกบมือแล้วกล่าว “พ่ะย่ะค่ะ ทว่ากระหม่อมคิดว่านี่เป็นเรื่องมงคลสำหรับทั้งสองอาณาจักร คงเอ่ยเรื่องนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นท่านลองว่ามา เป็นเรื่องมงคลอะไรกัน”
เมื่อฟ่านหยวนซีเห็นเด็กน้อยที่อยู่ข้าง ๆ จึงตบลงบนบัลลังก์มังกรข้างตัวแล้วเอ่ยว่า “องค์หญิงจิ่นซิ่ว นั่งลงเถิด!”
ซ่างกวนจิ่นซิ่วหันมองขุนนางที่อยู่เบื้องล่าง จากนั้นก็หันไปมองที่ว่างข้าง ๆ ฟ่านหยวนซี ก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงด้วยท่าทีประหม่า
อย่างไรก็ตาม นางกล้าเพียงนั่งลงตรงมุมเล็ก ๆ มุมหนึ่งเท่านั้น
ฟ่านหยวนซีคว้าแขนนางแล้วดึงไปอยู่ข้าง ๆ เขาคอยกดไหล่นางให้นั่งนิ่ง ๆ
“เรา… ไม่กินคน ถึงแม้จะอยากกิน ร่างกายเล็ก ๆ นี้ของเจ้าก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้าอิ่ม นั่งดี ๆ เถิด”
“ฝ่าบาท องค์หญิงอาณาจักรข้าตกหลุมรักกับเซวียนอ๋อง ต้องการแต่งงานกับเซวียนอ๋องเพื่อเป็นพระชายาของเขา” ท้ายที่สุดใต้เท้าจิ่งก็เอ่ยความตั้งใจที่แท้จริงออกมา
เซวียนอ๋องหันไปมองลู่จื่ออวิ๋น
ทว่าฝ่ายหลังไม่ได้เหลียวแลเขาด้วยซ้ำ
แววตาของเขาปรากฏความหงุดหงิดขึ้นมา
ซูฟางหวากำมือ หันไปมองทางลู่อี้ สายตาของนางเต็มไปด้วยความริษยาเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังปรนนิบัติมู่ซืออวี่
นางคิดว่าถึงอย่างไรตนก็ต้องได้เป็นฮองเฮา อย่างไรเสีย ขุมอำนาจของอาณาจักรเหลียงก็แข็งแกร่งกว่าอาณาจักรเฟิ่งหลินมากนัก เพียงแต่คนต่างอาณาจักรที่น่าเกลียดชังกลับสร้างความอับอายให้นางถึงเพียงนี้
เซวียนหวางเฟย…
ฟังแล้วดูเหมือนจะดี แต่ผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าเซวียนอ๋องริษยาฮ่องเต้ฮุ่ย เขาไม่มีอำนาจที่แท้จริง มีเพียงสถานะที่ฟังดูดีเท่านั้น
“เซวียนอ๋อง ท่านคิดเห็นอย่างไร” ฟ่านหยวนซีเอ่ยถาม
“น้องชื่นชมองค์หญิงฟางหวามานานแล้ว เสด็จพี่ได้โปรดอนุญาต” เซวียนอ๋องลุกขึ้นยืน
“อย่างนั้นหรือ ก่อนหน้านี้เราคิดจะพระราชทานสมรสให้เจ้า เพียงแต่เจ้ากล่าวว่าหวางเฟยเพิ่งจากไปได้ไม่นาน ไม่คิดจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งของหนุ่มสาว บัดนี้เจ้าผิดคำพูดเพื่อองค์หญิงฟางหวา ดูเหมือนพวกเจ้าสองคนจะรักใคร่ลึกซึ้งกันจริง ๆ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ได้ เราจะพระราชทานสมรสให้พวกเจ้า” ฟ่านหยวนซีเอ่ย “เซวียนอ๋องและองค์หญิงฟางหวาจะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน เลือกวันฤกษ์งามยามดีเสีย”
“ฤกษ์งามยามดีสู้วันที่เหมาะสมไม่ได้ ไม่สู้เป็นวันถัดจากพิธีอภิเษกฮองเฮาเป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” ลู่อี้เอ่ย “เช่นนี้ ทูตอาณาจักรเหลียงจะได้เข้าร่วมพิธีแต่งงาน จากนั้นค่อยกลับไปยังอาณาจักรตนเพื่อรับหน้าที่ต่อหลังจากได้เป็นประจักษ์พยานให้กับเหตุการณ์อันเป็นมงคลด้วยตาตนเอง พวกเขาจะได้รู้สึกสบายใจ”
“จัดการตามนี้แล้วกัน”
หลังจากเลือกฮองเฮาแล้ว ขุนนางบุ๋นบู๊ก็เฝ้ารอให้ฮ่องเต้เลือกนางสนม ผลที่ได้คือฮ่องเต้ฮุ่ยกล่าวว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะสร้างวังหลัง ส่งสาวงามทั้งหมดที่ผ่านการคัดเลือกกลับไป ไม่เหลือใครไว้แม้แต่ผู้เดียว เช่นนี้วังหลังของเขาจึงมีเพียงฮองเฮาเท่านั้น
ในฐานะฮ่องเต้ผู้บ้าระห่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ ไม่มีขุนนางคนใดกล้าทักท้วงเรื่องนี้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ยินดี พวกเขาก็กล้าเพียงเอ่ยปากกับลู่อี้ ขอให้เขาออกหน้าโน้มน้าวฮ่องเต้ ทว่าลู่อี้เองก็ขึ้นเชื่อเรื่องรักใคร่เอาใจใส่ภรรยาตน ขอเพียงมีขุนนางคนใดกล้าโน้มน้าวให้เขามีอนุ ตำแหน่งขุนนางของคนผู้นั้นย่อมสั่นคลอน ผ่านไปหลายครั้งเข้าก็ไม่มีผู้ใดกล้าฝ่าฝืนเรื่องต้องห้ามนี้อีก
ก่อนพิธีอภิเษกฮองเฮาจะเริ่มต้น ซ่างกวนจิ่นซิ่วยังคงอาศัยอยู่ในจวนลู่ ในวันพิธี นางออกจากจวนลู่ เข้าพิธีอภิเษกฮองเฮาที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
“เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ?” จู่ ๆ เซี่ยเฉิงจิ่นก็มาปรากฏตัวด้านหลังลู่จื่ออวิ๋น
ลู่จื่ออวิ๋นขยับกล้วยไม้กระถางหนึ่ง หมุนมันกลับไปกลับมา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร อีกทั้งยังเหม่อลอยเล็กน้อย การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเซี่ยเฉิงจิ่นปลุกนางให้ตื่นจากความงุนงง
“กล้วยไม้กระถางนี้กำลังจะตายแล้ว”
“ให้ข้าดูหน่อย”
เซี่ยเฉิงจิ่นรับมาจากมือของนาง
ทันใดนั้น เขาก็ดึงดอกกล้วยไม้ออกมา
“ท่านทำอะไรน่ะ?”
“เจ้าดูรากมันสิ มันเน่าแล้ว นั่นหมายความว่า กล้วยไม้กระถางนี้หักออกจากรากแล้ว ไม่ว่ามันจะงดงามเพียงใดก็ไม่อาจช่วยมันไว้ได้” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “ไม่เช่นนั้น ปลูกกระถางใหม่เถอะ?”
“จะง่ายเพียงนั้นได้อย่างไร? กล้วยไม้กระถางนี้ล้ำค่าและหายากยิ่ง” ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกเสียดาย “ช่างเถอะ บางทีข้าอาจดูแลสิ่งที่เปราะบางเช่นนี้ไม่ได้”
เซี่ยเฉิงจิ่นราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“วันนี้เป็นวันที่องค์หญิงจิ่นซิ่วอภิเษกสมรสไม่ใช่หรือ? เหตุใดท่านไม่เข้าวัง?”
“งานแต่งผู้อื่นมีอะไรน่าตื่นเต้น?” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “ข้าไม่อยากคุกเข่าให้กับพวกเขาทั้งวัน”
หลัก ๆ แล้วเป็นเพราะลู่จื่ออวิ๋นไม่ไป
ได้ยินมาว่านางไม่สบายเล็กน้อยจึงอยู่ที่จวน เช่นนั้นเขาเข้าวังไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“องค์หญิงจิ่นซิ่วเป็นฮองเฮาของพวกเราแล้ว หน้าที่ของท่านบรรลุผลเรียบร้อย ท่านต้องกลับอาณาจักรเลยใช่หรือไม่?”
“อืม”
“เช่นนั้นขอให้ท่านเดินทางปลอดภัย”
“เจ้าเด็กไร้หัวใจ”
เซี่ยเฉิงจิ่นเดินไปแล้ว
ติงเซียงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ท่านอ๋องจิ่นจะต้องอยากให้คุณหนูรั้งเขาไว้สักสองสามคำแน่เลยเจ้าค่ะ”
“รั้งเขาไว้หรือ? เขาเป็นจิ่นอ๋องแห่งอาณาจักรเฟิ่งหลิน จะรั้งอยู่ได้อย่างไร? ข้าเข้าใจว่าไม่อาจเป็นไปได้ ย่อมไม่ทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงโง่เกินไปแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “บุรุษเหล่านี้ช่างน่าอึดอัดใจจริง ๆ ปกติอยู่ข้างนอกเรียกลมเรียกฝนได้ บางครั้งกลับไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร ไม่ต่างอะไรกับเด็กสามขวบ สีหน้านั้นจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน นิสัยใจคอหรือก็แปลกพิกล”
ติงเซียงหัวเราะออกมา
คุณหนูกล่าวว่าจิ่นอ๋องแปลก ทว่าอันที่จริงแล้วหมู่นี้นางเองก็แปลกไปเช่นกัน
ปกติแล้วคุณหนูใหญ่มักจะสงบนิ่งอยู่เสมอ ทว่านับตั้งแต่จิ่นอ๋องปรากฏตัว อารมณ์ของนางก็แปรปรวน อีกทั้งยังรุนแรงขึ้นทุกวัน บางครั้งดีใจ บางครั้งโมโห อีกทั้งอาการดีใจและอาการโมโหเหล่านี้ล้วนเป็นเพราะจิ่นอ๋อง
วันถัดจากพิธีอภิเษกฮองเฮา เซวียนอ๋องและองค์หญิงแห่งอาณาจักรเหลียงก็ได้แต่งงานกัน
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นน่ายินดีของวันก่อนแล้ว วันนี้บรรยากาศกลับเงียบเหงายิ่ง
ลู่อี้ไม่ปรากฏตัว ขุนนางคนอื่น ๆ แน่นอนว่าย่อมไม่กล้าปรากฏตัว งานเลี้ยงที่เดิมทีเตรียมไว้ร้อยโต๊ะ ท้ายที่สุดจึงต้องมอบให้ผู้ที่ผ่านไปมา
“ฝ่ายเซวียนอ๋องกำลังตกที่นั่งลำบาก เหตุใดท่านจึงต้องให้ข้าเป็นเซวียนหวางเฟย?!” ซูฟางหวาร้องห่มร้องไห้อยู่ในเรือนหอ
ใต้เท้าจิ่งประกบมือกล่าว “องค์หญิง ไม่สิ ตอนนี้ควรเรียกว่าหวางเฟยแล้ว หวางเฟย เซวียนอ๋องไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในสระน้ำ*[1] ภายหน้าท่านจะทราบเอง ติดตามเขาไม่ผิดพลาดเป็นแน่ กระหม่อมจะทิ้งหน่วยกล้าตายร้อยนายไว้ให้ท่าน ตอนนี้สิ่งที่ท่านต้องทำคือร่วมหัวจมท้ายไปกับเซวียนอ๋อง ไม่ใช่สร้างความวุ่นวายให้สามีของตนขุ่นเคือง เช่นนี้จะยิ่งทำให้สถานการณ์ของท่านยุ่งยากขึ้นไปอีก”
“ท่านก็เห็นสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เขาจะกลับขึ้นไปได้อย่างไร?”
“ดังนั้น เขาจึงต้องเป็นพันธมิตรกับพวกเรา”
ซูฟางหวาไม่ยินดียอมพ่ายแพ้ ทว่านางก็รู้ว่าไม่อาจทำอะไรได้ ใต้เท้าจิ่งต้องไปแล้ว หากนางสร้างปัญหาอีก เกรงว่าเขาจะปัดก้นหนีไป แล้วตนเองจะไม่ได้สิ่งใดเลย
ไม่สู้ยอมจำนนต่อโชคชะตา รับหน่วยกล้าตายร้อยนายมาจากมือของเขาจะดีกว่า
หน่วยกล้าตายร้อยนายทำเรื่องราวได้ไม่น้อย…
“หวางเฟย อนุจ้าวมาคารวะเจ้าค่ะ” หงซิ่วเดินเข้ามารายงาน
“อนุจ้าว?” ซูฟางหวาขมวดคิ้ว “แท้จริงแล้วเซวียนอ๋องมีอนุกี่คน?”
“อนุคนอื่น ๆ ไม่ต้องสนใจได้ อนุจ้าวผู้นี้ให้กำเนิดฟ่านซู่บุตรชายของเซวียนอ๋อง สถานะของนางแตกต่างจากผู้อื่น ก่อนหน้าองค์หญิงจะแต่งเข้ามา นางเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบจวนเจ้าค่ะ” หงซิ่วเอ่ย
[1] สิ่งมีชีวิตในสระน้ำ หมายถึง ผู้ที่ไร้ความทะเยอทะยาน