บทที่ 703 เรื่องน่าประหลาดใจที่เตรียมไว้ให้นาง
บทที่ 703 เรื่องน่าประหลาดใจที่เตรียมไว้ให้นาง
นับจากพิธีอภิเษกฮองเฮา เวลาก็ผ่านไปสองเดือนแล้ว ราชทูตจากอาณาจักรเหลียงเดินทางกลับไปถึงครึ่งทางแล้ว ทว่าราชทูตจากอาณาจักรเฟิ่งหลินยังไม่ได้ออกเดินทาง
ติงเซียงสวมเสื้อคลุมให้ลู่จื่ออวิ๋นแล้วเอ่ยว่า “คุณหนู วันนี้หนาวเพียงนี้ เหตุใดท่านใส่เสื้อผ้าบาง ๆ อย่างนี้เล่าเจ้าคะ?”
“เจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม
ติงเซียงส่ายหน้า “ไม่นะเจ้าคะ”
“เจ้าฟังสิ มีคนกำลังเป่าขลุ่ย อีกทั้งยังเป่าได้ไพเราะมาก” ลู่จื่ออวิ๋นสวมชุดคลุมเดินออกไปที่สวน
ด้วยการนำทางของเสียงขลุ่ย ในที่สุดนางก็มาถึงสวนด้านหลัง
จวนอัครเสนาบดีมีขนาดใหญ่โต อีกทั้งยังมีพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ด้านหลังที่ปลูกต้นเหมย ต้นท้อ ต้นผิงกั่ว และอื่น ๆ อีกมาก ทว่าที่นี่ไม่มีเรือน การที่ลู่จื่ออวิ๋นจะมาที่นี่สักสองครั้งต่อปีก็นับว่าไม่เลวแล้ว
“ที่แท้สวนหลังบ้านของเราสวยถึงเพียงนี้ เหตุใดข้าไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนเลยเล่า?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย
“คุณหนูออกไปตั้งแต่เช้ากว่าจะกลับมาก็มืดแล้ว ท่านจะมีเวลามาที่สวนหลังบ้านและชมทิวทัศน์นี้ได้อย่างไร?” ติงเซียงเอ่ย “อย่าว่าแต่ท่าน ฮูหยินเองก็ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ปกติล้วนเป็นบ่าวรับใช้ที่คอยดูแล”
ลู่จื่ออวิ๋นเห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าจึงหยุดฝีเท้าลง
“ท่านจิ่นอ๋อง”
“มาแล้วหรือ” เซี่ยเฉิงจิ่นกวักมือเรียกนาง “มาทางนี้สิ”
ลู่จื่ออวิ๋นหมุนตัวคิดจะจากไป แต่กลับได้ยินเสียงของเซี่ยเฉิงจิ่นดังมาจากด้านหลัง “เฮ้อ ประเดี๋ยวข้าก็ต้องกลับไปที่อาณาจักรเฟิ่งหลินแล้ว เพียงอยากจะพูดคุยกับสหายยังไม่ได้เสียด้วยซ้ำ จากกันครานี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะได้พบกันอีก”
ลู่จื่ออวิ๋นลังเลไปชั่วขณะ ก่อนจะเดินกลับไป
มุมปากของเซี่ยเฉิงจิ่นหยักยกขึ้น
เจ้าเซี่ยชิงโจวผู้นั้นกล่าวได้ไม่ผิด หากแสดงความอ่อนแออย่างพอเหมาะย่อมบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังได้ผลกว่าวิธีอื่นเป็นอย่างมาก
“ท่านมาทำอะไรที่นี่?”
“เจ้าเดินมาดูก็จะรู้แล้ว” เซี่ยเฉิงจิ่นกล่าว
ลู่จื่ออวิ๋นเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ เมื่อมองผ่านเขาไป จึงได้เห็นบางสิ่งที่คล้ายเรือนกระจกอยู่ไม่ไกล
“เข้าไปดูสิ”
“ท่านซ่อนปริศนาอะไรเอาไว้กัน?”
ลู่จื่ออวิ๋นเดินเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อเปิดประตูเรือนกระจกออกจึงเห็นกล้วยไม้มากมายหลายสายพันธุ์ปลูกไว้ข้างใน
ฤดูนี้ไม่ใช่ฤดูดอกกล้วยไม้บาน อันที่จริงอากาศเช่นนี้ การที่มันมีชีวิตรอดก็นับว่าไม่เลวแล้ว อย่างไรก็ตาม กล้วยไม้เหล่านั้นกลับเจริญงอกงาม ทุกดอกล้วนเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา
กล้วยไม้มีหลายสายพันธุ์ บางสายพันธุ์บอบบาง อีกทั้งยังหายากเป็นพิเศษ ปลูกได้ยากเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม นางเห็นว่ากล้วยไม้ทุกต้นในนี้ปลูกได้งามนัก แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ปลูกมันใช้ความพยายามในการเอาใจใส่ไม่น้อย
“ต้นไม้ทุกต้นที่นี่ข้าลงมือปลูกเอง”
“ท่านหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ
“ใช่แล้ว ข้า…” เซี่ยเฉิงจิ่นยื่นมือออกมา เผยให้เห็นรอยแผลบนนิ้วของเขา “เก่งกาจหรือไม่?”
“ระยะนี้ท่านหายหน้าหายตาไป เป็นเพราะมัวมาปลูกกล้วยไม้อยู่ที่นี่หรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นพึมพำ
“เจ้ากำลังเอ่ยอะไร?” เซี่ยเฉิงจิ่นโน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อฟังนางพูด
“ไม่มีอะไร”
“ข้าได้ยินแล้ว” เซี่ยเฉิงจิ่นหรี่ตาลง “ดังนั้น ระยะนี้เจ้าคิดถึงข้าแล้วหรือ?”
“ท่านพูดจาเลื่อนเปื้อนอะไร? ข้ายุ่งทุกวันเพียงนั้น มีเวลาว่างที่ใด…”
“ตอนที่ข้าปลูกกล้วยไม้เหล่านี้ ในใจข้าคิดว่า หากข้ากลับไปอาณาจักรเฟิ่งหลินแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อใด หากปลูกกล้วยไม้ไว้ ภายหน้าเจ้าเห็นพวกมันจะได้คิดถึงข้า”
“นี่ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน หากข้าชอบกล้วยไม้ ขอเพียงแค่ข้าเอ่ยปากสักคำก็จะมีคนมากมายปลูกให้แล้ว ท่านเป็นจิ่นอ๋องผู้สูงศักดิ์ ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักเช่นนี้” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว
“คนเหล่านั้นปลูกกล้วยไม้ได้ก็จริง ทว่าพวกเขาไม่ใช่ข้า แม่สาวน้อย ข้าทุ่มสุดตัวเพื่อเรียนรู้วิธีการปลูกกล้วยไม้และเรียนรู้วิธีเลี้ยงพวกมันให้เจ้า เหตุใดเจ้าไม่ซาบซึ้งใจเล่า”
ลู่จื่ออวิ๋นเงียบไป
นางไม่ได้ไม่ทราบซึ้งเสียหน่อย
เพียงแต่รู้สึกว่าการที่เขาทำเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกเกรงใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
นางกับเขาภายหน้าจะเป็นอย่างไรยังไม่แน่ชัด ตอนนี้ยิ่งเขาทำเรื่องดี ๆ มากเพียงใด นางก็ยิ่งรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากเพียงนั้น
นางไม่คิดว่าความสัมพันธ์เช่นนี้เหมาะสมหรือยุติธรรมเท่าไหร่
“เจ้ากำลังคิดอะไร?”
“ข้ากำลังคิดว่าควรขอบคุณท่านอย่างไร”
“ข้าจะบอกเจ้าให้ ในสายตาของเจ้า ผู้อื่นมอบสิ่งใดให้ เจ้าก็คิดจะตอบแทนหรือ? ข้าไม่ได้ทำเรื่องเหล่านี้เพื่อให้เจ้าตอบแทนอะไร นี่เป็นเพียงของขวัญยามต้องแยกจากกันเท่านั้น”
“อืม ข้ารู้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “เพียงแต่หากท่านจากไปแล้ว ย่อมไม่มีคนคอยดูแลดอกไม้ใบหญ้าเหล่านี้ ข้ายังต้องหาคนมาดูแลพวกมัน”
“เจ้ากำลังจะรั้งข้าให้อยู่ที่นี่หรือ?” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“ไม่ใช่!” ลู่จื่ออวิ๋นหมุนตัวเดินออกไป
“ข้าตระเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว” เซี่ยเฉิงจิ่นเดินตามมา “ข้าพบผู้เชี่ยวชาญที่เก่งเรื่องการปลูกกล้วยไม้คนหนึ่ง ข้าเรียนรู้วิธีปลูกดอกไม้เหล่านั้นมาจากเขา ต่อไปเขาจะมาดูแลกล้วยไม้เหล่านี้”
“เช่นนั้นข้าต้องจ้างเขาหรือ?”
“เงินเดือนที่ข้าจ่ายให้เขา เพียงพอให้เขาเลี้ยงกล้วยไม้ไปถึงสองร้อยปีแล้ว”
เซี่ยเฉิงจิ่นทำตัวลึกลับอยู่นานเพียงนั้น วันนี้ในที่สุดคำตอบก็เผยออกมาแล้ว ในไม่ช้าทั่วทั้งจวนก็ได้รู้ว่าคนในสวนหลังบ้านเหล่านั้นทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ
เพื่อรอยยิ้มของคุณหนูใหญ่แล้ว จิ่นอ๋องเลี้ยงกล้วยไม้เหล่านั้นด้วยสองมือของตนทุกวัน ไม่รู้ว่าความรักลึกซึ้งเช่นนี้สามารถสั่นคลอนจิตใจของคุณหนูใหญ่ได้หรือไม่ อย่างไรเสีย มันก็ทำให้จิตใจของสาวใช้ไม่น้อยสั่นไหว
ไม่นานนัก เรื่องนี้ก็เป็นที่ล่วงรู้กันอย่างกว้างขวาง ความรักอันลึกซึ้งของเซี่ยเฉิงจิ่นที่มีต่อคุณหนูใหญ่จวนลู่กลายเป็นเรื่องราวที่งดงามอีกเรื่องหนึ่ง
เรื่องเล่านี้กล่าวว่าคุณหนูใหญ่จวนลู่งามล่มเมือง นางปฏิเสธบุตรชายของขุนนางในเมืองหลวงหลายคน แม้กระทั่งอดีตซื่อจื่อจวนอู่อันโหวหรือจิ่นอ๋องในตอนนี้ยังสยบอยู่ใต้ชายกระโปรง ผู้คนต่างเล่าลือกันไปต่าง ๆ นานา
“จิ่นอ๋องจะออกเดินทางในอีกห้าวัน” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้าได้เตรียมของบางอย่างให้เขานำไปให้มารดาเขา นี่เป็นรายการของขวัญ เจ้าดูหน่อยว่าเหมาะสมหรือไม่”
ลู่จื่ออวิ๋นรับมันมาอ่านดูครู่หนึ่ง “เหตุใดจึงต้องมอบของขวัญให้มารดาเขาเล่าเจ้าคะ?”
“เพราะตอนที่เขามา เขานำของขวัญมาให้ข้า บอกว่ามารดาของเขามอบให้” มู่ซืออวี่เอ่ย “ก่อนหน้านี้มารดาเขากับข้ามีสัมพันธไมตรีต่อกัน ข้าชอบพวกเขาแม่ลูกยิ่ง ผู้อื่นปฏิบัติต่อเราอย่างไร เราก็ปฏิบัติต่อเขาเยี่ยงนั้น!”
“ข้าคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร หากท่านแม่คิดว่าใช้ได้ย่อมใช้ได้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ท่านแม่ ข้าอยากเข้าวังไปพบฮองเฮา”
“ย่อมได้! เจ้าอยากเข้าวังเมื่อไหร่ก็ได้ตลอดเวลา”
ลู่จื่ออวิ๋นอยู่ในวังเป็นเวลานาน ทานอาหารเย็นกับฮองเฮาแล้วจึงกลับมา
ระหว่างนั่งรถม้ากลับบ้าน นางนึกถึงคำพูดของซ่างกวนจิ่นซิ่ว
สถานการณ์ของเซี่ยเฉิงจิ่นในอาณาจักรเฟิ่งหลินไม่ดีนัก หากเขาฉลาดพอ เขาควรกลับไปที่อาณาจักรเฟิ่งหลินทันที ไม่ใช่รั้งอยู่ที่นี่จนทำให้การเดินทางล่าช้า หากเขาอยู่ที่นี่เพียงหนึ่งวัน ทางอาณาจักรเฟิ่งหลินก็อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด แต่เขากลับรั้งอยู่ที่นี่อีกสองเดือน นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนฉลาดอย่างเขาจะทำ หากกล่าวไปแล้ว เขาคงลังเลไม่อาจตัดใจไปจากที่นี่ได้
หลายวันต่อมา เซี่ยเฉิงจิ่นเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาร่างของลู่จื่ออวิ๋น
เขาอดรู้สึกผิดหวังขึ้นมาไม่ได้
“ท่านอ๋อง ควรไปแล้วนะขอรับ ไม่อาจล่าช้าได้อีกต่อไปแล้ว” ผู้ติดตามเอ่ยขึ้น
ซ่างกวนจิ่นซิ่วออกจากวังเพื่อมาพบเขา
ยามนี้บนร่างกายนางสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์หรูหรา ทว่าความเป็นเด็กไร้เดียงสากลับยังไม่จางหายไป อีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าราวกับไม่รู้จักความเศร้าโศก
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์คงล่าช้าเพราะเรื่องบางอย่าง” ซ่างกวนจิ่นซิ่วเอ่ย “เอาละ ท่านไม่ต้องมองแล้ว ข้าจะช่วยดูแลนางให้ แต่ว่านะญาติผู้พี่ เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่ใช่เด็กแล้ว นางคงรอได้ไม่นานนัก”