บทที่ 705 ลอบสังหารกลางดึก
บทที่ 705 ลอบสังหารกลางดึก
กลางดึก เสียงกรอบแกรบปลุกเซี่ยเฉิงจิ่นที่กำลังฝันร้ายให้ตื่นขึ้น
เซี่ยเฉิงจิ่นลืมตาขึ้น เห็นแสงสีเงินแวบผ่านสายตา
เขาคว้าก้อนหินบนพื้นโยนใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ตรงข้าม
ผู้ใต้บังคับบัญชาถูกปลุกขึ้นมาคนแล้วคนเล่า ด้วยการเตือนของเซี่ยเฉิงจิ่น ในที่สุดพวกเขาก็พบความผิดปกติแล้วเช่นกัน
“ลงมือ!”
นักฆ่าในเงามืดพบว่าเซี่ยเฉิงจิ่นและคนอื่น ๆ ตื่นแล้ว อีกทั้งยังรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา จึงกระโดดออกมาจากที่ซ่อนหลายแห่ง ก่อนจะใช้อาวุธในมือเข้าโรมรันพันตูกับคนหลายคน
ภายใต้แสงจากกองไฟ กองกำลังของทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงบ ทว่าในไม่ช้าความเงียบนั้นก็พังทลายลงเพราะพวกเขา เหลือไว้เพียงการฆ่าฟันกันถึงชีวิต
นักฆ่ามีฝีมือไม่น้อย อีกทั้งแต่ละคนมียังมีอาวุธลับ อาวุธลับเหล่านั้นอาบด้วยยาพิษที่ทำให้แขนขาไร้เรี่ยวแรง เมื่ออาวุธลับเหล่านั้นถูกนำออกมา คนของเซี่ยเฉิงจิ่นก็สูญเสียการป้องกันราวกับเด็ก ๆ
“ท่านอ๋อง ท่านรีบหนีไป!” ผู้ใต้บังคับบัญชาเอ่ย
เมื่อเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง พวกเขาย่อมต้องการปกป้องเซี่ยเฉิงจิ่นด้วยการสั่งให้หนีไป
เซี่ยเฉิงจิ่นตัดหัวของนักฆ่าผู้หนึ่ง เมื่อหันกลับไปก็เห็นผู้ติดตามของตนถูกแทงเข้าพอดี ดวงตาเขาพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ
เขารู้นานแล้วว่าการเดินทางในครั้งนี้จะไม่ราบรื่นจึงไม่อยากให้ลู่จื่ออวิ๋นมาด้วย อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาออกจากเมืองหลวงก็พบเข้ากับนักฆ่าแล้ว ทั้งยังเกือบจะตกอยู่ในเงื้อมมือคนเหล่านี้ตั้งแต่ครั้งแรก ภายในใจเขาย่อมเต็มไปด้วยความไม่ยินดี
“ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?” เสียงใสกระจ่างดังแหวกม่านรัตติกาลขึ้นมา
หลังจากนั้น ขบวนม้าขบวนหนึ่งก็ปรากฏกาย
เซี่ยเฉิงจิ่นมองลู่จื่ออวิ๋นผ่านแสงจากกองไฟ แววตาเขาเผยความประหลาดใจขึ้นมา
“เจ้ามาได้อย่างไร?!”
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ? ข้าอยู่ระหว่างทาง” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “เพียงแต่ดูเหมือนจะมีคนขวางทางเรา ลู่เยี่ย เก็บกวาดเถอะ!”
“ขอรับ คุณหนู”
เดิมทีลู่จื่ออวิ๋นพาคนมาเพียงยี่สิบคนเท่านั้น ภายหลังนางให้ลู่เยี่ยนำยอดฝีมือนับร้อยติดตามมาด้วย บัดนี้นางจึงมีลูกน้องมากกว่าร้อยคนรอบกาย สิ่งสำคัญที่สุดคือคนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือ หนึ่งต้านสิบได้สบาย
หนึ่งเค่อให้หลัง นักฆ่าทุกคนจึงถูกกำจัดในที่สุด
แน่นอนว่าพวกมันคิดจะหลบหนี เพียงแต่เดิมทีก็ไม่มีโอกาสหลบหนีตั้งแต่แรกแล้ว
ลู่เยี่ยให้คนของตนจัดการสถานที่ให้เรียบร้อย
คนของเซี่ยเฉิงจิ่นกว่าครึ่งถูกอาวุธลับซัดเข้าใส่ บัดนี้พวกเขาจึงอ่อนแอจนไม่แม้แต่จะขยับตัวได้
“คุณหนู ครั้งนี้พวกเราพาท่านหมอมาด้วยสองคน” ลู่เยี่ยเอ่ย “ข้าน้อยให้ท่านหมอทำแผลให้พวกเขา ขณะเดียวกันก็กำจัดพิษแล้วขอรับ”
“ดี”
เซี่ยเฉิงจิ่นไม่ได้รับบาดเจ็บ ทว่าร่างกายเขาล้วนเต็มไปด้วยเลือด เลือดเหล่านั้นล้วนเป็นของศัตรู
“ขอบคุณเจ้า เจ้าช่วยข้าไว้แล้ว” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “เพียงแต่เมื่อครู่นี้อันตรายยิ่งนัก หากนักฆ่าเหล่านั้นทำร้ายเจ้า เจ้าคงไม่อาจกลับมาได้อีก”
“จิ่นอ๋อง หากคนของข้ามาไม่ทัน ท่านคงไม่อาจกลับไปได้เช่นกัน ข้าว่าอีกไม่นานท่านก็คงเป็นเพียงร่างไร้ลมหายใจแล้ว หากเป็นเช่นนั้น ข้าควรส่งท่านกลับไปอาณาจักรเฟิ่งหลินหรือฝังท่านไว้ตรงนี้เล่า?”
“เอาละ โชคดีที่เจ้ามาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นข้าคงตายอยู่ต่างแดนด้วยความเศร้าเสียใจแล้ว”
“นี่ก็ไม่นับว่าเป็นต่างแดน ที่นี่ก็เป็นบ้านเกิดท่านเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นที่ที่ท่านเติบโตมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากท่านโชคร้ายจริง ๆ ท่านก็สามารถพักอยู่ที่นี่อย่างสงบได้ ไม่ต้องส่งกลับไปอาณาจักรเฟิ่งหลิน”
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์…”
“คนของท่านไปต่อไม่ไหวแล้ว วันนี้ก็พักอยู่ที่นี่เถอะ! ฟ้าใกล้สางแล้ว ข้าต้องไปหาที่สะอาด ๆ พักผ่อน เชิญจิ่นอ๋องตามสบายเถิด”
เซี่ยเฉิงจิ่นเดินตามลู่จื่ออวิ๋นไป
“ท่านตามมาทำไม?”
“ข้าเหนื่อยแล้ว อยากหาที่สะอาด ๆ พักผ่อนเช่นกัน”
“มีที่ตั้งมากมายให้ท่านพักผ่อน ไม่ต้องตามข้ามา”
เซี่ยเฉิงจิ่นมองลู่จื่ออวิ๋นขึ้นไปบนรถม้า เขาหยุดอยู่ไม่ไกลจากนางนัก หาต้นไม้แถวนั้น แล้วเอนตัวพิงลงไป
ติงเซียงชะโงกหน้าออกไปดูแล้วเอ่ยว่า “คุณหนู จิ่นอ๋องหลับอยู่ใต้ต้นไม้เจ้าค่ะ”
“เจ้าเอาผ้าห่มไปให้เขา”
“บ่าวไม่อยากไปเจ้าค่ะ คุณหนูนำไปให้เองเถอะนะเจ้าคะ” ติงเซียงเอ่ย “อย่าได้เห็นว่าจิ่นอ๋องยามอยู่ต่อหน้าท่านเชื่องเหมือนแมว เพราะยามอยู่ต่อหน้าบ่าว เขาไม่ได้มีสีหน้าที่ดีอะไรเลย บ่าวกลัวว่าหากเขาโกรธขึ้นมาเขาจะสับบ่าวเป็นชิ้น ๆ เอาได้”
“เจ้าฝีมือล้ำเลิศถึงเพียงนี้ ยังต้องกลัวเขาสับเจ้าอีกหรือ?”
“วรยุทธ์แมวสามขาของบ่าวนี้ใช้กลับผู้อื่นได้ ทว่าไม่เพียงพอที่จะจัดการกับจิ่นอ๋อง ท่านไม่เห็นนักฆ่าที่มาเมื่อครู่นี้หรือเจ้าคะ พวกเขาล้วนมุ่งจู่โจมจิ่นอ๋อง องครักษ์คนอื่น ๆ ล้วนได้รับบาดเจ็บ ทว่าจิ่นอ๋องที่ถูกโจมตีมากที่สุดกลับไม่มีแม้แต่บาดแผล ถึงแม้เรามาไม่ทัน เขาก็หลบหนีไปเองได้ เพียงแต่เขาไม่อาจดูดายต่อลูกน้องตนเอง เดิมทีนักฆ่าพวกนั้นก็ไม่อาจทำสำเร็จตั้งแต่แรกแล้วเจ้าค่ะ”
ลู่จื่ออวิ๋นเปิดม่านมองออกไปข้างนอก ภายใต้แสงจันทร์กระจ่าง ร่างของเซี่ยเฉิงจิ่นทั้งดูโดดเดี่ยว ทั้งดูน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง!
นางลงไปจากรถม้า
ติงเซียงส่งผ้าห่มให้นาง
นางเหลือบมองติงเซียงแวบหนึ่ง
อีกฝ่ายจึงเอ่ยยิ้ม ๆ “ฟ้ามืดเกินไป บ่าวมองไม่เห็นอะไรเลยเจ้าค่ะ”
ลู่จื่ออวิ๋นเดินกอดผ้าห่มเข้าไปหาเซี่ยเฉิงจิ่น
นางห่มผ้าลงบนร่างของเขา
ทันใดนั้นเอง เซี่ยเฉิงจิ่นก็คว้ามือนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ท่านไม่ได้หลับหรือ?!”
“หลับแล้ว แต่พอเจ้ามา ข้าก็ตื่น” เซี่ยเฉิงจิ่นปล่อยมือนาง “เจ้าเหนื่อยมากแล้ว กลับรถม้าไปพักผ่อนเถอะ”
ลู่จื่ออวิ๋นรีบร้อนกลับไปที่รถม้าทันที
เซี่ยเฉิงจิ่นลืมตาขึ้นมองไปทางรถม้าคันนั้น รอยยิ้มแวบผ่านดวงตาของเขา
เช้าตรู่วันถัดมา ลู่จื่ออวิ๋นได้ยินเสียงดังเซ็งแซ่แว่ว ๆ เมื่อนางลืมตาขึ้น คนอื่น ๆ ก็ตื่นแล้ว คนที่ถูกอาวุธลับเหล่านั้นกลับมามีเรี่ยวแรงดังเดิม ตอนนี้พวกเขากำลังตั้งหม้อก่อไฟหุงหาอาหาร
นางลงมาจากรถม้า
“อรุณสวัสดิ์คุณหนู”
“อรุณสวัสดิ์คุณหนูลู่”
“อรุณสวัสดิ์ผู้มีพระคุณ”
ลู่จื่ออวิ๋น “…”
เซี่ยเฉิงจิ่นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เขาเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำ ดูจากหยดน้ำบนใบหน้า เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเพิ่งล้างหน้ามา
“ทางโน้นมีปลา อีกประเดี๋ยวค่อยไปจับปลา เช่นนี้จะได้มีปลาย่างเป็นอาหารกลางวัน”
“ขอรับ”
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าหลับสบายดีหรือไม่?” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ยถาม
“ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า?”
“คิดว่าคงนอนหลับไม่สนิทนัก เห็นได้จากรอยคล้ำใต้ตา…” เซี่ยเฉิงจิ่นโน้มตัวเข้ามาดูใกล้ ๆ
ลู่จื่ออวิ๋นผลักเขาออก แล้วดึงติงเซียงเดินไป
นางนั่งยอง ๆ อยู่ริมน้ำ มองภาพสะท้อนของตน
“ติงเซียง ใต้ตาข้าคล้ำมากหรือ?”
“คุณหนู จิ่นอ๋องเพียงแค่จงใจแกล้งท่านเท่านั้น สีหน้าท่านสดใสเพียงนี้ ไม่ได้งามน้อยลงแม้แต่น้อย” ติงเซียงเอ่ย “แต่คุณหนู เหตุใดท่านต้องตระหนกเพียงนี้เล่าเจ้าคะ?”
“ข้าไม่ได้ตระหนก” ลู่จื่ออวิ๋นจัดผมตนเอง “ท่านแม่ข้าบอกว่าสตรีควรใส่ใจภาพลักษณ์ของตน คนมากมายเพียงนั้นจะปล่อยให้ตนดูไม่ได้ได้อย่างไร? ข้าเป็นตัวแทนสกุลลู่เชียวนะ!”
“เจ้าค่ะ เมื่อครู่นี้ใบหน้าท่านมีรอยเปื้อนรอยหนึ่ง ถูกจิ่นอ๋องเห็นเข้าแล้วเจ้าค่ะ”
“ตรงไหนหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นมองภาพสะท้อนของตนในน้ำอีกครั้ง “อยู่ตรงไหนกันแน่? เหตุใดข้าไม่เห็น?!”
ติงเซียงหัวเราะออกมา “บ่าวล้อเล่นเจ้าค่ะ”
“เจ้า…” ลู่จื่ออวิ๋นถลึงตามอง “ดีนัก ในเมื่อเจ้ากล้าล้อเจ้านาย ดูซิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร…”
ลู่จื่ออวิ๋นวักน้ำใส่ติงเซียง
ติงเซียงถูกน้ำกระเซ็นใส่หน้า นางจึงรีบร้องขอความเมตตาทันที “บ่าวยอมรับผิดแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูไว้ชีวิตบ่าวเถิดนะเจ้าคะ!”
ลู่จื่ออวิ๋นวักน้ำขึ้นมามากกว่าเดิม สาดน้ำใส่ติงเซียงไม่หยุด
ติงเซียงทนไม่ไหวจึงหันกลับมาตะโกนใส่นาง “คุณหนู ท่านบีบบังคับข้านะเจ้าคะ เช่นนั้นอย่าได้ตำหนิข้าที่ล่วงเกินแล้ว!”