สำหรับผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ การกระทำของเขาในครั้งนี้แทบจะเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต
เขารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก ที่ต้องมายอมอ่อนข้อให้กับคนที่ทุบตีเขา เพียงแต่เขาทำให้ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่พอใจ เพราะพาหลิงฮันกลับไปไม่ได้มาครั้งหนึ่งแล้ว เพราะงั้นครั้งนี้เขาจะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไร?
หลิงฮันยิ้ม “อืม รู้สึกเหมือนขาของข้าจะปวดนิดหน่อยนะ” เขานำเก้าอี้ออกมานั่ง และยื่นขาข้างหนึ่งไปด้านหน้า การกระทำของเขาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าต้องการอะไร
ผู้คนรอบข้างจิตใจสั่นสะท้าน หลิงฮันช่างกล้าอะไรอย่างนี้ นี่เขาคิดจะให้ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่นวดขาให้งั้นรึ? ไม่ว่าอย่างไรผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ก็เป็นคนของปรมาจารย์จื่อเฉิง เจ้าคิดว่าตนเองเป็นปรมาจารย์จื่อเฉิงคนที่สองรึไง ถึงได้กล้าทำเช่นนั้น?
ใบหน้าของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กลายเป็นสีแดง
เจ้า! มันจะเกินไปแล้ว!
“หลิงฮัน เจ้าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะยังมีไปไหนได้งั้นรึ?” ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่คำราม
“ข้าจะหนีพ้นหรือไม่แล้วเจ้าเกี่ยวอะไรด้วย?” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส
หลิงฮันหัวเราะแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร
ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ฉุนเฉียวเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้และคิดถึงภาพรวม
หากเขายังทำตามคำสั่งของปรมาจารย์จื่อเฉิงล้มเหลวอีกครั้ง ปรมาจารย์จื่อเฉิงจะยังคอยสนับสนุนเขาอยู่อีกงั้นรึ?
ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่รู้ดีว่า ที่ผู้คนมากมายจะแสดงความเคารพต่อเขา นั้นเป็นเพราะบารมีของปรมาจารย์จื่อเฉิง เขาจำไม่ได้ว่าคนที่เขาเคยไปล่วงเกินนั้นมีอยู่มากเท่าไหร่ ถ้าหากสูญเสียการสนับสนุนจากปรมาจารย์จื่อเฉิงไป คิดว่าอะไรบ้างที่จะรอเขาอยู่?
ผู้คนมากมาย จะต้องสังหารเขาอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ก็รู้สึกหวาดกลัวและกัดฟันค่อยๆเดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆ?
ไม่จริง ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ยอมทำตามหลิงฮันงั้นรึ?
ทุกคนหันมองหน้ากัน และมองเห็นแววตาอันกตกตะลึงของแต่ละคน
ที่แท้ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ผู้นี้ก็ขี้ขลาดถึงเพียงนี้! ที่ผ่านๆมาไม่ว่าใครก็หวาดกลัวเขา แต่ความเป็นจริง อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่ลูกแกะที่หุ้มหนังเสือเท่านั้น!
ทุกคนรู้สึกสลดกับการกระทำที่ผ่านๆของตนเอง แต่พวกเขาจะไปโทษใครก็ไม่ได้ เนื่องจากพวกเขาไม่รอบคอบเอง จริงอยู่ที่ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่คือคนที่มีอำนาจของปรมาจารย์จื่อเฉิงคอยคุ้มกะลาหัว แต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นเพียงผู้ช่วยนักปรุงยาเท่านั้น ซึ่งมีรึที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงจะสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ตัวนักปรุงยาตัวจ้อย?
ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ก้าวมาหยุดอยู่ที่ข้างกายหลิงฮัน หลังจากพยายามระงับความรู้สึกอัปยศ เขาก็ย่อตัวลงและนวดขาให้หลิงฮัน
เมื่อหลิงฮันไม่บอกให้หยุด ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ก็ไม่กล้าหยุดมือ หลังจากเวลาผ่านไปราวๆครึ่งชั่ว หลิงฮันก็ยืดตัวและกล่าว “เอาล่ะ ขาของข้าไม่รู้สึกแย่เท่าไหร่แล้ว ไปกันได้แล้ว”
ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ถอนหายใจโล่งอก พร้อมกับหรี่ตาด้วยแววตาอาฆาตแค้น
รอให้เขาทำคำสั่งของปรมาจารย์จื่อเฉิงให้ลุล่วงก่อน เขาจะต้องเอาคืนหลิงฮันอย่งแน่นอน ถ้าหากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าความตายไม่ได้ ข้าจะไม่ขอใช้แซ่โม่อีกต่อไป
หลิงฮันมองไปยังแววตาของอีกฝ่าย ก่อนจะเผยรอยยิ้ม “แววตาของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกกลัวมาก เพราะงั้นข้าขอนั่งอยู่ที่นี่ต่อไปอีกดีกว่า” หลิงฮันหย่อนก้นกลับลงไปนั่งที่เก้าอี้
น้องสาวเจ้าสิ!
ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่แทบจะสำลักโลหิต เขารีบกล่าว “จะทำให้ปรมาจารย์จื่อเฉิง
รอนานไปกว่านี้ไม่ได้”
ถึงแม้ประโยคนี้จะดูเหมือนคำพูดหว่านล้อม แต่น้ำเสียงของเขากลับดูเหมือนกำลังอ้อนวอนเสียมากกว่า
หากหลิงฮันมองลึกเข้าไปยังภายในร่างกายของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ได้ เขาจะเห็นเลยเวลาหัวใจของอีกฝ่ายกำลังเต้นแรงราวกับจะระเบิด
“เอาล่ะ ไปก็ไป” หลิงฮันกล่าว
ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่รับนำทางไปอย่างเร่งรีบ โดยที่หลิงฮันเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างเกียจคร้าน ส่วนทางด้านของสตรีนกอมตะกับจักรพรรดินีนั้น พวกนางเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬรีบร้อยแล้ว
กันไว้ย่อมดีกว่าแก้ หากเป็นในกรณีที่ว่าปรมาจารย์จื่อเฉิงเป็นคนที่ต่างจากที่เขาคิดไว้ และใช้กำลังกับเขาล่ะก็ ต่อให้ในตอนนั้นเขาหลบเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬได้ แต่ภรรยาทั้งสองล่ะจะทำอย่างไร?
ในขณะที่มองหลิงฮันกับผู้ช่วยนักปรุงยาโม่เดินจากไป ใครหลายคนก็ส่ายหัวและรู้สึกว่าหลิงฮันเป็นคนที่โอหังจริงๆ
ถึงแม้ในการเผชิญหน้ากับผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ หลิงฮันจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ตราบใดที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่พอใจในตัวหลิงฮันแม้แต่เล็กน้อย หลิงฮันก็ไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ได้อย่างสงบสุข
ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่นำทางมายังค่ายกลอาคมเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว ด้วยสถานะของผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ พวกเขาจึงสามารถใช้งานรูปแบบอาคมเคลื่อนย้ายไปยังอาณาเขตที่ห้าได้ โดยไม่ต้องจ่ายศิลาดวงดาวแม้แต่ก้อนเดียว
ในความเป็นจริงนั้น อาณาเขตที่ห้านั้น มีพื้นที่เล็กยิ่งกว่าอาณาเขตที่สี่
แต่ถึงแม้จะบอกว่าเล็กกว่า พื้นที่ที่ว่าก็ยังกว้างใหญ่ไพศาลอยู่ดี ภายในอาณาเขตที่ห้านั้น มีภูเขาอยู่ทั้งหมดสิบเจ็ดลูก ซึ่งในแต่ละลูกล้วนแต่มีปรมาจารย์ที่ทรงพลังพำนักอาศัยอยู่อย่างสันโดษ แม้แต่เหล่าทายาทหรือคนในตระกูลของพวกเขาก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ จะมีให้เห็นก็แค่ลูกศิษย์หรือผู้ช่วยนักปรุงยาของพวกเขาคนสองคนเท่านั้น
ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่นำทางหลิงฮันไปยังภูเขาลูกที่เจ็ด ซึ่งการจัดเรียงลำดับของภูเขาแต่ละลูกเป็นอย่างไรนั้น หลิงฮันก็ไม่รู้เหมือนกัน
บนภูเขาไม่มีทางเดินปูเอาไว้ พวกหลิงฮันจึงเหาะเหินขึ้นไปยังยอดเขาโดยตรง ซึ่งบนยอดเขาแห่งนี้มี มีบ้านพักขนาดเล็กตั้งอยู่ มันเป็นบ้านพักที่เล็กมากจริงๆ หากเทียบกับภูเขาทั้งลูกแล้วก็เปรียบเสมือนกับหยดน้ำหนึ่งหยดในมหาสมุทร
“เข้าไปได้ ปรมาจารย์จื่อเฉิงรอเจ้านานแล้ว!” ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่กล่าวพร้อมกับแสยะยิ้ม การที่หลิงฮันกล้ามาพบปรมาจารย์จื่อเฉิงล่าช้าเช่นนี้ หากไม่เรียกว่าแส่หาความตายแล้วจะเรียกว่าอะไร?
หลิงฮันยิ้ม เขาก้าวเดินเข้าไปในที่พัก โดยที่ผู้ช่วยนักปรุงยาโม่ไม่ได้เข้าไปด้วย แต่ทำหน้าที่ปิดประตูและเฝ้าอยู่ด้านนอกแทน
ภายในที่พักปห่งนี้ ห้องที่เตะตามากที่สุดก็คือห้องหลอมเม็ดยาที่เป็นห้องเร่งกาลเวลาหนึ่งร้อยเท่า ดูเหมือนว่าการเร่งเวลาเท่านี้ จะเป็นขีดจำกัดของขุมอำนาจสี่ดาวแล้ว
หลิงฮันกวาดสายตามองและพบเห็นชายชราผู้หนึ่งกำลังดื่มชาอยู่ในสวน ศีรษะของชายชราผู้นี้ปกคลุมไปด้วยเส้นผมอันขาวโพลน จิตวิญญาณของอีกฝ่ายในตอนนี้นั้นลุกโชนไปด้วยโทสะ และจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาโหดเหี้ยม
“เจ้าหนู เจ้าช่างกล้านักนะ!”