สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 722 สุนัขกัดกับสุนัข

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 722 สุนัขกัดกับสุนัข

บทที่ 722 สุนัขกัดกับสุนัข

ค่ายอินทรีย์ดำ

เหล่าโจรที่กำลังยกจอกชนกันถูกเสียงเอะอะข้างนอกดึงความสนใจไป ผู้ที่กำลังกินดื่ม เล่นมุกลามกสัปดนกันล้วนหยุดลง ทยอยเดินออกไปคนแล้วคนเล่า

“เกิดอะไรขึ้น?!” หัวหน้าค่ายตะโกนถาม

“ลูกพี่ ท่าไม่ดีแล้ว แม่ทัพเฉิงนำกองทัพของเขาขึ้นมา” ชายหนุ่มผู้หนึ่งกุมอกบริเวณที่ถูกธนูยิงเอาไว้ หลังจากเอ่ยคำเหล่านี้ เขาก็ล้มลงพื้นทันที

หัวหน้าค่ายอินทรีย์ดำเบิกตากว้าง ตะโกนด้วยเสียงกึกก้องดุจระฆัง “เจ้าคนแซ่เฉิงนั่นทำอะไร? หรือคิดจะฆ่ากันเมื่องานเสร็จ? พี่น้องทั้งหลาย ตามข้ามา พวกเราไปต่อสู้กับพวกมัน!”

“ลูกพี่ ท่านลืมแล้วหรือว่าพวกเราที่นี่ครึ่งหนึ่งเป็นคนของแม่ทัพเฉิง? หากต้องสู้กันขึ้นมาจริง ๆ…” คนผู้นั้นเกิดอาการลังเลใจขึ้นมา

“เช่นนั้น นำตัวคนทั้งหมดที่มาจากเฉิงซื่อจวินไปขังเอาไว้ พวกเราไปสู้กับพวกมันเดี๋ยวนี้” อินทรีย์ดำหยิบง้าวใหญ่ขึ้นมา ก่อนจะรุดออกไปจัดการพร้อมกับลูกน้องคนสนิท

ทั้งค่ายอินทรีย์ดำมีคนนับพันและครึ่งหนึ่งของ ‘โจร’ เหล่านี้เป็นโจรตัวปลอม แท้จริงแล้วเป็นทหารที่มาจากเฉิงซื่อจวิน บัดนี้เฉิงซื่อจวินพูดจากลับกลอก สิ่งแรกที่อินทรีย์ดำควรทำคือจัดการปัญหาภายใน

อีกฝั่งหนึ่ง ชายหนุ่มสวมชุดโจรวิ่งออกมา เอ่ยกับเซี่ยเฉิงจิ่นผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น “ท่านอ๋อง จัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ อินทรีย์ดำนั่นไม่มีสมอง ขังคนครึ่งหนึ่งเอาไว้แล้วจริง ๆ”

“เพียงแค่ขังเอาไว้แต่ไม่ได้ฆ่าทันที ดูเหมือนอินทรีย์ดำนี่จะไม่ได้โง่เกินเยียวยา” เซี่ยเฉิงจิ่นเอ่ย “อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เชื่อใจแม่ทัพเฉิงถึงเพียงนั้นนี่! ใช่หรือไม่? แม่ทัพเฉิง”

เฉิงซื่อจวินถูกลูกน้องของเซี่ยเฉิงจิ่นจับเป็นตัวประกันอยู่ตรงนั้น เขายังคงสวมชุดเกราะ ราวกับเพิ่งผ่านสนามรบฆ่าฟันศัตรูมา หากอินทรีย์ดำนั่นเห็นเขาในสภาพนี้ต้องเชื่ออย่างสนิทใจเป็นแน่

ครานี้เซี่ยเฉิงจิ่นจับเฉิงซื่อจวินเป็นตัวประกัน สั่งกองทัพให้ปราบปรามโจร เมื่อมีเกาอู่คอยประสานภายใน ทหารล้วนไม่สงสัยสิ่งใดทั้งสิ้น

ท่านอ๋องหนุ่มใช้คนของเฉิงซื่อจวินทำลายแผนที่เขาวางไว้มานานหลายปี ผู้ที่สูญเสียมีเพียงแม่ทัพเฉิง เซี่ยเฉิงจิ่นไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย กลวิธีนี้นับได้ว่ายอดเยี่ยมยิ่ง

“คนแซ่เฉิง เจ้าคนชั่วช้าต่ำทราม ข้าจัดการเรื่องราวให้เจ้ามากมายเพียงนี้ เมื่อเจ้าอยากจะแตกหักก็แตกหัก ข้าจะสู้กับเจ้า!” อินทรีย์ดำบุกฆ่าฟันเข้ามาพร้อมกับง้าวใหญ่

เฉิงซื่อจวินคิดจะเปิดปาก ทว่ากระบี่ที่พาดอยู่บนคอเขาไม่ใช่ว่าไร้คม เขาคิดจะส่งสายตาบอกใบ้ให้อินทรีย์ดำ ทว่าไม่ต้องเอ่ยถึงภายใต้แสงสลัวเช่นนี้ แม้กระทั่งภายใต้ฟ้าแดดเปรี้ยง ๆ ก็ไม่แน่ว่าเจ้าโง่ผู้นั้นจะเข้าใจ

“แม่ทัพเฉิง อินทรีย์ดำนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว ท่านจัดการเอาเองเถอะ!” ลูกน้องที่คอยจับเฉิงซื่อจวินอยู่ข้างหลังตะโกนขึ้น

เฉิงซื่อจวินรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา

เมื่อง้าวใหญ่ของอินทรีย์ดำใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และกำลังจะฟันเข้าที่คอ เขาก็ตะโกนเรียก “อินทรีย์ดำ อย่า…”

ถูกหลอก

สองคำสุดท้ายไม่มีโอกาสได้เอ่ยออกมาแล้ว

ง้าวใหญ่ของอินทรีย์ดำฟันฉับเข้าที่คอเฉิงซื่อจวินในครั้งเดียว ศีรษะนั้นกลิ้งหลุน ๆ ออกไปไกล

อินทรีย์ดำตกตะลึง

ถึงแม้เฉิงซื่อจวินจะละโมบโลภมาก ทว่าฝีมือของเขากลับดีเยี่ยม ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้มาเป็นแม่ทัพใหญ่ของที่นี่

ทว่าเมื่อครู่นี้ เพียงฟันออกไปดาบเดียว ศีรษะเขาก็หล่นลงจากคอแล้ว

มีบางอย่างผิดปกติ!

เขามองไปรอบ ๆ พบว่าทหารที่เฉิงซื่อจวินนำมาฆ่าฟันคนของเขาไปทุกหนทุกแห่ง

เห็นได้ชัดว่าเฉิงซื่อจวินพูดจากลับกลอก เหตุใดจึงรู้สึกราวกับตกหลุมพรางเล่า?

ฟ้าเหนือค่ายอินทรีย์ดำกึกก้องไปด้วยเสียงฆ่ารันฟันแทง เสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนา เคล้าไปกับเสียงร้องขอความเมตตา…

อากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเลือด

เสียงกรีดร้องอย่างยาวนานทำให้สัตว์ป่าในระยะหลายลี้บริเวณนี้แตกตื่นจนต้องหลบซ่อนตัว

“แม่ทัพเฉิงถูกโจรค่ายอินทรีย์ดำฆ่าแล้ว แก้แค้นให้แม่ทัพเฉิง!” เกาอู่ตะโกนก้อง “ฆ่าโจรได้ผู้หนึ่ง ตัดหูข้างขวาของพวกมัน ถึงตอนนั้นจะตกรางวัลตามความชอบ หูมากเพียงใด รางวัลมากเพียงนั้น!”

“เกาอู่ ไอ้คนสารเลว…” อินทรีย์ดำถือง้าวใหญ่พุ่งเข้าไปหาเกาอู่

เซี่ยเฉิงจิ่นมองฉากฆ่าฟันเบื้องหน้า

ท่านอ๋องหนุ่มทำลายภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเมืองซื่อไห่โดยไม่ได้แม้แต่กระดิกนิ้ว

เขาถูจมูกเบา ๆ แล้วเอ่ยว่า “กล่าวไปแล้ว หากเขาปล่อยให้ข้าพาเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์กลับเมืองซานหลินไปแต่เนิ่น ๆ คงไม่ต้องพาตัวเองมาตายเช่นวันนี้”

เขาไม่ได้อยากกำจัดใครให้สิ้นซากเช่นนี้ แต่ก็มักจะมีคนบีบบังคับกันอยู่เสมอ

ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด เสียงเกือกม้าบึ่งมาไม่ไกลออกไป ทหารคุ้มกันเมืองได้ยินเสียงดังจึงมาตรวจสอบ

พวกเขายืนอยู่หน้าประตูเมือง มองลงไปเห็นขบวนม้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

ไม่นานนัก ขบวนม้านับร้อยก็มาถึงประตูเมือง

“เปิดประตู!” หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้น

“วันนี้ดึกแล้ว ประตูเมืองปิดแล้ว ตามกฎไม่อาจเปิดประตูเป็นอันขาด” ทหารยามเอ่ยเสียงสั่น

บุรุษที่เป็นหัวหน้านำป้ายออกมา เอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น “ข้าคือฉีเซียวหัวหน้าหน่วยลับ ผู้ใดกล้ายโสโอหัง? หากไม่เปิด เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่หน่วยลับสักเที่ยวเป็นอย่างไร”

“หน่วยลับ… จะทำอย่างไรดี?!”

“เจ้าโง่ แน่นอนว่าต้องเปิดประตูน่ะสิ! หรือเจ้าอยากไปหน่วยลับ?” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า

ประตูเมืองเปิดออกแล้ว

ฉีเซียวพาคนของเขาตรงไปที่จวนว่าการทันที

นายอำเภอกำลังรอข่าวเซี่ยเฉิงจิ่นปราบโจรอย่างกระวนกระวายใจ นึกไม่ถึงว่าเซี่ยเฉิงจิ่นยังไม่ทันได้กลับมา ก็จะมีปีศาจอีกตนโผล่มาแล้ว

นายอำเภอรู้สึกราวกับว่าคืนวันดี ๆ ของเขาได้จบสิ้นลง เฉิงซื่อจวินครอบงำที่นี่มานานหลายปี ในฐานะนายอำเภอ เขากลับไม่กล้าเป็นศัตรูกับอีกฝ่าย มิหนำซ้ำยังปกป้องคนผู้นั้นไปทุกหนทุกแห่ง บัดนี้กระดาษไม่อาจห่อไฟ เฉิงซื่อจวินถูกจัดการแล้ว ปีศาจจากหน่วยลับผู้นั้นยังมาจากเมืองหลวงอีก เขาที่เป็นนายอำเภอผู้นี้ก็เตรียมรอรับบทลงโทษเถอะ!

“คารวะท่านป๋อ”

“เฉิงซื่อจวินอยู่ที่ใด?”

“เขา… เขา…”

“พูด!”

“เขานำกองกำลังทหารไปปราบโจร”

สายตาของฉีเซียวฉายแววประหลาดใจแวบหนึ่ง

“ปราบโจรยามนี้หรือ?”

ผู้ใดจะไปปราบโจรดึกดื่นกัน?

หรือได้ยินว่าเขาจะมาจึงแสร้งทำให้ดู?

หากเป็นเช่นนั้น ข้างกายเขาจะต้องมีสายลับ ไม่เช่นนั้นข่าวจะเล็ดลอดออกไปได้อย่างไร?

“ท่านอ๋องจิ่นพาเขาไปที่นั่นขอรับ” นายอำเภอบอกเหตุผล

“ท่านอ๋องจิ่น? จิ่นอ๋องผู้นั้นหรือ?” เขาพอคาดเดาได้ ทว่ายังคงอยากได้ยินคำยืนยันจากปากของอีกฝ่าย

จู่ ๆ ฉีเซียวพลันอยากดูละครขึ้นมา

ลู่จื่ออวิ๋นใส่ใจถึงเพียงนี้ เห็นได้ว่ายังพอมีความรู้สึกต่อเจ้าเด็กสกุลเซี่ยผู้นั้น ลู่อี้ที่เป็นทาสลูกสาวจะยอมให้นางแต่งงานออกไปในที่ห่างไกลได้หรือไม่? เกรงว่าถึงตอนนั้นจะเกิดการพลิกผลันแล้ว

น่าสนใจ

ถึงแม้เขาและลู่อี้จะร่วมมือกันอย่างรู้ใจในราชสำนัก ทว่าการได้เห็นอีกฝ่ายต้องถอยบ้างเป็นบางโอกาสก็ฟังดูน่าสนใจทีเดียว

“เป็นจิ่นอ๋องจากอาณาจักรเฟิ่งหลินผู้นั้นขอรับ” นายอำเภอเอ่ย “เขาพาท่านแม่ทัพเฉิงขึ้นไปที่ค่ายอินทรีย์ดำ ดูจากเวลาแล้ว ตอนนี้คงเริ่มแล้วขอรับ”

ฉีเซียวยกมือขึ้นปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงบนแขน “ดูเหมือนข้าจะผ่อนคลายได้เล็กน้อยแล้ว คุณหนูอัครมหาเสนาบดีลู่อยู่ที่ใด?”

“เดิมทีข้าน้อยคิดจะเชิญคุณหนูลู่ให้พักอยู่ที่จวนว่าการ แต่จิ่นอ๋องพานางไปอยู่ในที่ปลอดภัย ทั้งยังจัดคนไว้ปกป้องนางแล้ว ตอนนี้ข้าน้อยก็ไม่ทราบว่าคุณหนูลู่อยู่ที่ไหน”

“ในฐานะนายอำเภอ ข้าถามอะไรเจ้า เจ้ากลับไม่รู้สิ่งใดเลย เป็นนายอำเภอนี่ช่างสบายจริง ๆ!” ฉีเซียวแค่นเสียงเย็น “หากเจ้าฉลาดพอ เวลาเช่นนี้หาทางทำดีชดเชยจะดีที่สุด ไม่แน่ว่าอาจสามารถกันครอบครัวออกไปจากเรื่องนี้ได้”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท