บทที่ 725 คลอดก่อนกำหนด
บทที่ 725 คลอดก่อนกำหนด
กำหนดคลอดของซูจือหลิ่วอยู่ห่างไปอีกหนึ่งเดือน ดังนั้นการคลอดครั้งนี้จึงเร็วกว่ากำหนด ทุกคนตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
ถึงแม้หมอตำแยและท่านหมอจะถูกเชิญมาประจำนานแล้ว ทว่าเวลานี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านลู่เซวียน จึงต้องไปหาคนมาใหม่
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของซูจือหลิ่วดังมาจากในห้อง ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกทั้งปวดใจทั้งรู้สึกผิด
นางเคยอยู่เคียงข้างมารดาตอนคลอดน้องชายน้องสาว นางรู้ดีกว่าผู้ใดว่าการให้กำเนิดนั้นยากเพียงใด เมื่อคิดว่าอาสะใภ้รองต้องคลอดก่อนกำหนดเพราะนางเป็นต้นเหตุ นางก็ได้แต่เสียใจ ได้แต่คิดว่าไม่ควรกลับมาเร็วเพียงนี้
มู่ซืออวี่อยู่เคียงข้างซูจือหลิ่วข้างใน พวกนางไม่ให้ลู่จื่ออวิ๋นเข้าไป ฝ่ายหลังจึงทำได้เพียงรออยู่ข้างนอก
ลู่เซวียนพาหมอตำแยและท่านหมอมาแล้ว
อีกทั้งท่านหมอยังเชิญมาจากในวัง
ลู่เซวียนกำลังหารือเรื่องราชการอยู่ในวังพอดี ทันทีที่เขาออกมาก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าซูจือหลิ่วกำลังจะคลอดก่อนกำหนด เขาจึงรีบกลับไปหาฟ่านหยวนซีเพื่อขอหมอหลวงสองคนมาทันที
ส่วนหมอตำแย เขายืมตัวมาจากบ้านของขุนนางอีกคน ภรรยาขุนนางผู้นั้นกำลังจะคลอดเช่นกัน ลู่เซวียนเพิ่งได้ยินเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นเมื่อผ่านบ้านของเขาจึงพาหมอตำแยมาด้วย
“เป็นอย่างไร?!” ลู่เซวียนเอ่ยถามหมอหลวง
หลังจากท่านหมอตรวจดูซูจือหลิ่วแล้วจึงเอ่ย “พร้อมคลอดแล้วขอรับ”
“ภรรยาของข้าคงไม่ได้รับอันตรายกระมัง?”
“ใต้เท้าวางใจ ถึงแม้จะได้รับความตื่นตระหนก ทั้งยังคลอดก่อนกำหนด แต่กำหนดคลอดของฮูหยินรองก็ใกล้เข้ามาแล้ว ถึงแม้ตอนนี้นางจะไม่ได้คลอด อย่างไรสามสี่วันให้หลังก็ต้องคลอดออกมาอยู่ดี”
“แต่ว่ากำหนดคลอดเป็นหนึ่งเดือนให้หลัง”
“ท่านหมอคนก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกว่าฮูหยินท้อง… ลูกแฝดหรือ?”
ลู่เซวียนตกตะลึง
ท่านหมอหลวงกล่าวต่อ “หากในท้องมีลูกแฝด แน่นอนว่าต้องคลอดก่อนกำหนดอยู่แล้ว”
ลู่จื่ออวิ๋นเห็นลู่เซวียนนิ่งอึ้งไปเช่นนั้น จึงเอ่ยถาม “ท่านอาเล็ก ท่านหมอก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกหรือ?”
“ไม่” ลู่เซวียนสั่นศีรษะ
“เหตุใดเขาต้องปิดบัง?”
ในตอนนี้เอง โม่จู๋สาวใช้ของซูจือหลิ่วก็เดินออกมาบอก “เป็นความต้องการของฮูหยินเจ้าค่ะ”
“เพราะเหตุใด?”
“ฮูหยินบอกว่ามีลูกแฝดนั้นหนักหนา อีกทั้งยังอันตรายกว่าผู้อื่น นางไม่อยากให้ใต้เท้าคอยพะวงอยู่กับนางจนทำงานไม่ได้ หากเป็นเช่นนั้น นางคงมีความผิดใหญ่หลวงแล้ว”
“เหตุใดนางจึงโง่เขลาเพียงนี้?” ลู่เซวียนเอ่ยถามด้วยความโมโห “หากเอ่ยถึงเรื่องนี้กับข้าล่วงหน้า ข้าจะได้เตรียมตัวให้ดี ไม่ใช่ทำอะไรไม่ถูกเช่นนี้”
“ใต้เท้า อย่าได้กังวล ฮูหยินฝึกฝนวรยุทธ์ตั้งแต่ยังเล็ก ร่างกายและกระดูกของนางดีกว่าผู้อื่น นางจะต้องคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัยแน่นอน” ท่านหมอหลวงเอ่ย
“ใช่ ท่านอาสะใภ้รองจะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน”
เมื่อลู่อี้รู้ข่าว ซูจือหลิ่วก็ปวดท้องคลอดได้สองชั่วยามแล้ว ขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ นางก็ยังไม่คลอดออกมาเสียที แม้กระทั่งท่านหมอก็ไม่กล้าบอกเวลาที่แน่ชัด
อันอวี้และฮั่วอวิ๋นซิ่วก็มาแล้วเช่นกัน
พวกนางเป็นสตรี อีกทั้งยังสนิทชิดเชื้อกับมู่ซืออวี่และซูจือหลิ่ว ดังนั้นจึงเข้าไปรอด้านใน
โม่จู๋นำโสมตามเข้าไป
เดิมทีร่างกายของลู่เซวียนก็บอบบางอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขากระวนกระวายใจขึ้นมาเรื่อย ๆ หากยังไม่คลอดออกมา ถึงแม้ซูจือหลิ่วและลูกจะไม่เป็นไร ก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องกับร่างกายของลู่เซวียนก่อนแล้ว
หลายปีมานี้เขาดูแลตนเองดีมาตลอดจนร่างกายเหมือนคนปกติ อันที่จริงในฤดูหนาว ร่างทั้งร่างของเขาจะเย็นขึ้นและต้องอาบน้ำสมุนไพรทุกวันเพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่
“ทานยา” ลู่อี้หยิบขวดยามาจากข้างเอวของลู่เซวียน เทยาออกมาจากขวดสามเม็ดยัดใส่ในมือน้องชาย
ลู่เซวียนเงยหน้าขึ้นแล้วทานมันลงไป
“ขอบคุณพี่ใหญ่” ลู่เซวียนเอ่ย “ข้าไม่เป็นไร”
“แน่นอนว่าเจ้าต้องไม่เป็นไร น้องสะใภ้และเด็ก ๆ สองคนยังต้องให้เจ้าดูแล เจ้าไม่อาจล้มลงเป็นอันขาด”
“อุแว้…”
เสียงร้องไห้ดังขึ้นมาทำให้บุรุษหลายคนมองไปทางห้องที่ใช้ทำคลอดอย่างพร้อมเพรียงกัน
“คลอดแล้ว!” อันอวี้เอ่ยอย่างตื่นเต้น “นายท่านรองลู่ ฮูหยินลู่คลอดแล้วเป็นลูกสาวหนึ่งคน”
“เป็นอย่างไรบ้าง?” ลู่เซวียนเอ่ยถาม “ข้าอยากเข้าไปดู!”
“นายท่านรองอย่าเพิ่งเข้ามา ข้างในมีคนมากเกินไป อีกทั้งฮูหยินรองก็ไม่อยากให้ท่านเข้ามาด้วย”
รูปโฉมของสตรียามให้กำเนิดน่ากลัวนัก อีกทั้งภาพดังกล่าวก็ไม่ได้น่าดูชมเท่าไหร่ บุรุษบางคนอาจถูกภาพนั้นหลอกหลอนไปชั่วชีวิต แน่นอนว่าซูจือหลิ่วรู้ว่าลู่เซวียนเป็นบุรุษที่ดี ทว่าอย่างไรก็ยังคงไม่อยากให้สามีเห็นรูปโฉมที่อัปลักษณ์ของนาง
“ไม่ได้บอกว่าเป็นลูกแฝดหรือ?” เซี่ยคุนเอ่ย “ยังมีอีกคนหนึ่ง”
“เหตุใดไม่มีความเคลื่อนไหวแล้วเล่า?” จือเชียนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ย
“ไม่ต้องรีบร้อน” ลู่อี้เอ่ย “ไม่ใช่ลูกแฝดทุกคนที่ออกมาพร้อมกัน ยังมีบางคนที่ต้องรออีกสักพักหนึ่ง”
ทางด้านซูจือหลิ่วยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ลู่เซวียนเริ่มอยู่ไม่สุขขึ้นมาแล้ว
โม่จู๋เปิดประตูตะโกนออกมาข้างนอก “ในห้องครัวยังมีซาลาเปาที่ทำเสร็จใหม่ ๆ หรือไม่ นำมาสักสองลูกหน่อย!”
“ซาลาเปา?” ลู่เซวียนเอ่ยถาม “ฮูหยินหิวหรือ?!”
“หมอตำแยบอกว่าทารกยังไม่ขยับ ตอนนี้ฮูหยินหิวขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นก็ต้องรองท้องเสียก่อน อย่างไรเสียกินซาลาเปาสักสองลูกก็ไม่ได้ทำให้การคลอดล่าช้า ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ”
จือเชียนรีบก้าวไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็นำซาลาเปามาให้
ซูจือหลิ่วทานซาลาเปาลงไปแล้ว พละกำลังจึงฟื้นฟูขึ้นมา ไม่นานนัก เสียงร้องไห้ของลูกคนที่สองก็ดังขึ้น
“เป็นคุณชายเจ้าน้อยเจ้าค่ะ!”
ลู่อี้หันไปมองลู่เซวียน
แข้งขาของลู่เซวียนอ่อนแรง เขาเกือบจะล้มลงไป เซี่ยคุนที่อยู่ข้าง ๆ สังเกตอาการของเขามาโดยตลอดจึงพยุงขึ้นมาได้ทันเวลา
“เอาละ นายท่านรองลู่ ท่านมีลูกสาวลูกชายในคราเดียวกัน ใต้หล้านี้คนที่ได้รับพรเช่นท่านมีไม่มากนัก แต่พวกท่านสกุลลู่กลับมีแล้วถึงสองคน”
ลู่เซวียนเคาะประตูเบา ๆ “ข้าเข้าไปได้หรือไม่?”
“ไม่ได้” ซูจือหลิ่วเอ่ยอย่างอ่อนแรง “ตอนนี้สภาพของข้า… ท่านอย่าดูเลยจะดีกว่า”
“หลิ่วเอ๋อร์ ให้ข้าเข้าไปดูเจ้าเถิด” ลู่เซวียนเอ่ยอย่างเป็นกังวล “หากเจ้าไม่อยากให้ข้าเข้าไปใกล้ ๆ ข้าก็จะอยู่ข้าง ๆ พูดคุยกับเจ้าสองสามคำ แม้ว่าจะมีม่านเตียงกั้นก็ตาม”
“เอาเถอะ ให้เขาเข้ามา!” มู่ซืออวี่เอ่ย “ไม่เช่นนั้นเขาคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่งม และเจ้าก็จะไม่ได้พักผ่อนแน่”
เมื่อลู่เซวียนเข้าไป ซูเซิ่งและภรรยาเพิ่งมาถึง เมื่อได้ยินว่าลูกสาวคลอดลูกแฝด สองสามีภรรยาถึงกับตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าซูจือหลิ่วไม่แม้กระทั่งบอกบิดามารดา ด้วยกลัวว่าคนในครอบครัวจะเป็นห่วง
“เจ้าเด็กคนนี้… เหตุใดทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้? นึกไม่ถึงว่าจะปิดบังทุกคนนานถึงเพียงนี้ ” ซูเซิ่งเอ่ย “ลูกเขยเข้าไปแล้วหรือ?”
“เขาไม่วางใจ ยืนกรานจะเข้าไปดูให้ได้” เซี่ยคุนเอ่ย “วางใจเถอะ ฮูหยินรองร่างกายแข็งแรง ปลอดภัยทั้งแม่และลูก”
เซี่ยวซื่อเอ่ยว่า “ข้าก็จะเข้าไปดู พวกท่านบุรุษตัวโตทั้งหลายอย่าได้ยืนโง่เขลาอยู่ตรงนี้ ในเมื่อไม่มีอะไรทำก็ไปหาที่นั่งดื่มชาเถอะ”
ถึงแม้ห้องจะใหญ่โต แต่เมื่อทุกคนเข้าไปข้างใน อากาศย่อมบางเบาลงเล็กน้อย
มู่ซืออวี่รู้ว่าลู่เซวียนและเซี่ยวซื่ออยากดูอาการซูจือหลิ่วจึงพาโม่จู๋ไปเข้าครัวเตรียมน้ำแกง เพื่อฟื้นฟูร่างกายคนเพิ่งคลอดในภายหลัง
หมอตำแยและท่านหมอยังคงตรวจเด็ก ๆ อยู่
พี่หญิงดูเหมือนจะตัวเล็กกว่าน้องชาย น้องชายกลับตัวใหญ่กว่าพี่หญิง
อีกทั้งเขายังส่งเสียงร้องไห้ดังกว่าพี่สาวที่เสียงเบาราวกับเสียงลูกแมว ทว่าโดยรวมแล้วเด็กทั้งสองล้วนสุขภาพแข็งแรงดี
ในที่สุดลู่จื่ออวิ๋นก็ได้เข้าไปดูน้องหญิงน้องชายของนางข้างใน
“น่ารักจริงเชียว” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “แม่นมมาแล้วหรือยัง? ที่บ้านมีแม่นมกี่คน?”
“วางใจเถอะเจ้าค่ะคุณหนู” โม่จู๋เอ่ย “เตรียมไว้แล้วสี่คน แต่ละคนล้วนแต่เลือกมาเป็นอย่างดี”