สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 728 มาสอบสวนถึงหน้าประตู

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 728 มาสอบสวนถึงหน้าประตู

บทที่ 728 มาสอบสวนถึงหน้าประตู

เช้าตรู่ ลู่ฉาวอวี่สวมเสื้อผ้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำค้าง ขี่ม้าผ่านประตูจวนอัครมหาเสนาบดีไป

ยามเฝ้าประตูเห็นลู่ฉาวอวี่นึกว่าเขาเพิ่งกลับมาจึงเปิดประตูออก คุณชายลู่ไม่แม้กระทั่งหันกลับมามอง เขาขี่ม้าผ่านประตูไปทันที

“ใต้เท้า ท่านไม่กลับจวนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหรือ?”

เสื้อผ้าของลู่ฉาวอวี่ไม่เพียงแต่เปียกชุ่ม แต่ยังมีโคลนเปรอะเปื้อนอีกไม่น้อย

เมื่อวานเขาออกไปจากเมืองหลวงทั้งคืนเพื่อรุดไปยังสถานที่เกิดเหตุ หลังจากตรวจสอบแล้ว พวกเขาจึงพักกลางแจ้ง นอนพักได้ไม่นานก็ต้องรุดกลับมา ร่างที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กของเขายังทนแทบไม่ไหว นับประสาอะไรกับลู่ฉาวอวี่ที่เป็นเด็กหนุ่ม

“ที่สำนักตรวจการไม่มีเสื้อผ้าหรือ?”

ผู้ติดตามเงียบปากไปทันที

ลู่ฉาวอวี่พาลูกน้องกลับไปยังสำนักตรวจการ

เมื่อผ่านเข้าประตูมา เขาก็เอ่ยว่า “เจ้าพาพวกเขาไปพักผ่อน เรียกจางอี้มาแทน”

“ใต้เท้า ข้าไม่เหนื่อย!” หยางจงเซิงได้ยินว่าลู่ฉาวอวี่จะให้คนมาเปลี่ยนตัวก็รีบร้อนปฏิเสธทันที

เขาเชื่อมั่นในตัวใต้เท้าน้อยผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง จึงติดตามทำงานต่าง ๆ มากมายกับอีกฝ่าย ท่านแม่เขาบอกว่า หากติดตามใต้เท้าแซ่ลู่จะต้องมีอนาคตที่สดใสเป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็นลู่อี้หรือลู่ฉาวอวี่

“ยามบ่ายข้ายังมีเรื่องให้เจ้าทำ หากเจ้าไม่เก็บแรงเอาไว้แล้วทำงานไม่สำเร็จ ข้าจะสับเจ้า!” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยอย่างเยือกเย็น

“…” หยางจงเซินจำต้องยอมแพ้แล้ว

ใต้เท้าลู่ผู้นี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก หากไม่ยอมเชื่อฟัง เขาต้องถูกสับเป็นชิ้น ๆ แน่

หยางจงเซิงพาลูกน้องทั้งกลุ่มกลับไปพักผ่อนอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อลู่ฉาวอวี่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมา จางอี้ผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคนก็ยืนรออยู่ด้านนอกแล้ว

เมื่อเทียบกับหยางจงเซิงแล้ว จางอี้ดูฉลาดกว่ามาก อีกทั้งยังมองอะไรได้กว้างไกลกว่า

“ใต้เท้า เมื่อวานนี้ท่านให้ย้ายร่างของคนสกุลสิงทั้งหมดมาที่นี่ ตอนนี้ร่างของพวกเขาอยู่ในห้องเก็บศพแล้ว ใต้เท้าจะไปดูด้วยตนเองหรือไม่ขอรับ?”

“เรียกอู่จั้วมา”

ครึ่งชั่วยามต่อมา ลู่ฉาวอวี่ก็มายังห้องเก็บศพพร้อมกับลูกน้องและอู่จั้วที่จะมาชันสูตร

“ใต้เท้า ตอนนี้ยังต้องตรวจสอบสิ่งใดอีกหรือขอรับ?”

“ไปสกุลสิง”

ณ สกุลสิง สิงฉี่จวิ้นนายท่านรองสกุลสิงได้ยินว่าลู่ฉาวอวี่จากสำนักตรวจการกำลังมาจึงรีบร้อนออกไปต้อนรับ

“ใต้เท้าลู่ ท่านมาครานี้เพราะมีเบาะแสเกี่ยวกับคดีพี่ใหญ่ของข้าแล้วใช่หรือไม่”

สกุลสิงไม่ได้แยกบ้าน ทั้งสี่ครอบครัวจึงอยู่ด้วยกัน

สิงไท่ฟู่ลูกชายคนโตเป็นบ้านใหญ่ อีกทั้งยังมีตำแหน่งขุนนางสูงสุด สกุลสิงจึงอยู่ในความดูแลของสองสามีภรรยาบ้านใหญ่

บัดนี้สามีภรรยาทั้งสองคนถูกฆ่าตายแล้ว ทั่วทั้งสกุลสิงจึงผูกผ้าขาว แม้กระทั่งโลงศพยังถูกเตรียมพร้อม เพียงแค่รอฝังผู้ตายเท่านั้น

“ข้าอยากพบทุกคนในสกุลท่าน ไม่ว่าจะเป็นนายหรือบ่าว แม้จะเป็นข้ารับใช้ที่ทำความสะอาดส้วม ข้าก็ต้องการพบทั้งหมด” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยอย่างสงบ

สิงเจียซือนั่งอยู่บนชิงข้า สายตาทอดมองออกไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย

เท้าของนางเหยียบอยู่บนพื้นเพียงเล็กน้อย ขาของนางแกว่งไปมา ชิงช้าเคลื่อนไหวเบา ๆ

“คุณหนู” สาวใช้ผู้หนึ่งวิ่งมาแต่ไกล “ใต้เท้าลู่มาที่จวนแล้วเจ้าค่ะ ได้ยินว่าเขาจะตรวจสอบทุกคนในจวน ไม่ว่าจะเป็นนายบ่าว ท่านอยากไปดูหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?”

“อืม” สิงเจียซือลุกขึ้นยืน

ลู่ฉาวอวี่นั่งอยู่ตรงนั้น ฟังบ่าวรับใช้เล่าเรื่องแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นระยะนี้

“อนุฟางโวยวายจะให้นายท่านเชิญอาจารย์มาสอนคุณชายน้อยที่บ้าน นายท่านไม่เห็นด้วย อนุฟางยังไล่นายท่านออกมา…”

“นายท่านรองไปขอเงินจากนายท่านหลายครั้งหลายครา ครานี้นายท่านไม่ให้แล้ว ทั้งสองคนจึงเริ่มมีปากเสียง… หากฮูหยินใหญ่ไม่พานายท่านออกไป เกรงว่าจะทุบตีนายท่านรองแล้ว…”

“ฮูหยินใหญ่ของพวกเราเป็นคนใจดี นางกับนายท่านเคารพซึ่งกันและกัน หากเอ่ยถึงเรื่องที่ทะเลาะกันก็คงเป็นตอนที่คุณหนูลูกพี่ลูกน้องมาพึ่งพิงฮูหยินผู้เฒ่า…”

บ่าวรับใช้พูดเรื่องทั่ว ๆ ไปออกมาคนแล้วคนเล่า

ลู่ฉาวอวี่ฟังเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าเขาฟังเข้าหูไปมากเพียงใด อย่างไรเสีย ข้ารับใช้เหล่านี้ก็ได้พบกับขุนนางขั้นสูงไม่บ่อยนัก อีกทั้งตอนนี้ยังไม่มีเจ้านายคอยจับจ้อง พวกเขาจึงเริ่มเปิดปากเล่าอย่างหมดเปลือก ขุดคุ้ยเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งของสกุลสิงออกมาบอกอย่างออกรส

หลังจากเหล่าบ่าวรับใช้พูดจบก็เปลี่ยนเป็นตาของเจ้านายในสกุลสิง

ฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้วจึงนั่งอยู่ข้างบน ในมือนางถือลูกประคำและนับมันไปเรื่อย ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ใต้เท้า คดีลูกชายข้าเรียบร้อยแล้วหรือ? นี่ก็ผ่านมาหลายวัน ควรให้พวกเขาได้พักผ่อนอย่างสงบได้แล้ว”

“ฮูหยินไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าจะมอบคำอธิบายให้ท่านอย่างแน่นอน” ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของลู่ฉาวอวี่จะยังดูไม่เป็นผู้ใหญ่ ทว่าไม่มีผู้ใดในที่นี้กล้าดูแคลนใต้เท้าน้อย

นอกจากฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว สามนายท่าน สามฮูหยินในจวนล้วนอยู่ทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีอนุ ลูกสาว ลูกชาย และอิงหรูเฉิน ท่านอาหญิงที่นับว่าเป็นเจ้านายของจวนสิงครึ่งหนึ่ง

สายตาของลู่ฉาวอวี่จับจ้องอยู่ที่สิงเจียซือและน้องชายของนาง

เด็กคนนั้นดูสงบเสงี่ยม ไม่กล้ามองมาที่เขาราวกับเป็นลูกนกที่ตื่นกลัว ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า

ลู่ฉาวอวี่ขมวดคิ้วแล้วไม่สนใจอีก เขาค่อย ๆ เลื่อนสายตาไปยังคนอื่น ๆ

“ข้าตรวจสอบพบบางอย่างจริง ๆ นักฆ่าที่สังหารสิงไท่ฟู่และฮูหยินถูกจับแล้ว อีกทั้งยังสารภาพว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังเรื่องครั้งนี้ออกมาแล้วด้วย”

ขณะที่กล่าวเช่นนี้ ลู่ฉาวจิ่งก็กวาดสายตาผ่านคนทั้งหมด

“คนผู้นั้นอยู่ในหมู่พวกท่าน”

“ว่าอย่างไรนะ?!” นายท่านสามสกุลสิงที่ร่างผอมบางเอ่ยขึ้น ดูเหมือนเขาจะเป็นประเภทที่หมกมุ่นอยู่กับสุราและนารี “ท่านหมายความว่าในหมู่พวกเรามีคนสั่งฆ่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้หรือ? ท่านล้อเล่นอะไรออกมา? พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ข้าเป็นกระดูกสันหลังของสกุล หากฆ่าพวกเขาแล้ว สกุลนี้คงล่มสลาย! พวกเราจะทำเรื่องที่ทำให้ตนเสียประโยชน์พรรค์นี้ได้อย่างไร?!”

“เจ้าสามกล่าวไม่ผิด” นายท่านรองเอยขึ้น “ถึงแม้พวกเราพี่น้องจะไม่ได้มาจากมารดาเดียวกัน ทว่าผลประโยชน์ของเรานั้นมีร่วมกัน พี่น้องคนอื่น ๆ ล้วนพึ่งพาพี่ใหญ่ จะทำร้ายเขาได้อย่างไร? ถึงแม้จะมีเรื่องขัดแย้งระหว่างเรา อย่างไรก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวเท่านั้น”

“ฮูหยินทุกท่านคิดเช่นนี้หรือไม่?” ลู่ฉาวอวี่หันไปมองฮูหยินหลายท่าน

ฮูหยินเหล่านั้นกล่าวเช่นเดียวกับสามีตนเองไม่มีผิดเพี้ยน

ส่วนอนุและลูก ๆ ยิ่งไม่มีทางมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของสามีภรรยาบ้านใหญ่สกุลสิง พวกเขายังต้องให้สกุลนี้เลี้ยงดู จะกล้าทำเรื่องใหญ่โตเช่นนั้นได้อย่างไร?

ลู่ฉาวอวี่หันไปมองอิงหรูเฉินแล้วเอ่ยว่า “ฮูหยินอิงก็คิดเช่นนั้นหรือ?”

อิงหรูเฉินประหลาดใจ “ข้า? ข้ายิ่งไม่มีทางทำร้ายญาติผู้พี่ ข้าเพียงแค่เป็นแขกของสกุลสิง ทำร้ายเขาแล้ว ข้าจะได้ประโยชน์อะไร?”

สิงเจียซือมองสีหน้าของทุกคนในสกุล แล้วคิดถึงการคาดคะเนของลู่ฉาวอวี่ นางนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าในหมู่คนเหล่านี้จะมีศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่ของตนได้อย่างไร

ทุกคนล้วนเป็นญาติสนิท มีเพียงท่านอาหญิงที่เป็นญาติห่าง ๆ แต่ท่านอาหญิงเป็นคนที่ดีต่อนางมากที่สุด อีกฝ่ายทั้งอ่อนโยนและใจดีถึงเพียงนั้น จะฆ่าพ่อแม่ของนางได้อย่างไร?

มีอะไรผิดพลาดหรือไม่?

สิงเจียซือนึกสงสัย ทว่านางไม่กล้าขัดการซักถามของลู่ฉาวอวี่

ตอนนี้นางทำได้เพียงเชื่อใต้เท้าน้อยผู้นี้ เช่นนั้นจึงจะพบความจริงได้เร็วขึ้น หาตัวฆาตกรที่ซ่อนตัวในเงามืดผู้นั้นออกมา!

“ข้าพาร่างญาติพวกท่านกลับมาแล้ว” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ทุกคนไม่ได้คิดถึงพวกเขาหรือ? เช่นนั้นไปดูเถอะ!”

“ไปดู?” ทุกคนตกตะลึงไปตาม ๆ กัน

“ใต้เท้าลู่ พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ของเราถูกคนฆ่า เช่นนั้นสภาพศพต้องไม่ดีเป็นแน่ พวกเราขี้ขลาด…” นายท่านสามสิงเริ่มไม่พอใจ “อีกอย่าง ตรงนี้ยังมีเด็ก ๆ อยู่นะ!”

“อนุ คุณชาย และคุณหนูสามารถถอยออกไปไม่ต้องมองได้ ส่วนนายท่านและฮูหยินทุกคน พวกท่านไม่อยากเห็นญาติที่ตนรักเป็นครั้งสุดท้ายหรือ? แม้ตอนนี้พวกเขาอาจจะน่ากลัวอยู่บ้าง แต่พวกเขายังคงเป็นญาติของพวกท่าน ไม่มีอะไรดูไม่ได้กระมัง? หรือว่า… พวกท่านรู้สึกผิด?”

“พวกเราจะรู้สึกผิดอะไร?! มีอะไรให้รู้สึกผิด?” นายท่านรองเอ่ย “นั่นเป็นพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ พวกเราจะต้องกลัวอะไรเล่า?”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท