สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 732 รอดจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 732 รอดจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิด

บทที่ 732 รอดจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิด

ฝนตกลงมาอย่างหนัก

เม็ดฝนตกลงมาถี่เสียจนมองเห็นเป็นผืนม่านโปร่งใส

ซ่างกวนหมิงเสียยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ชมวิวทิวทัศน์ข้างนอกแล้วเอ่ยว่า “ราชบุตรเขยคงถึงหลินอันแล้วกระมัง?”

“กราบบังคมทูลองค์หญิง นับตั้งแต่ยามที่ราชบุตรเขยออกไป ถึงแม้จะยังไม่ถึง อีกไม่กี่วันคงใกล้ถึงแล้วเพคะ” สาวใช้ข้างกายเอ่ย “หลายวันมานี้ท่านไม่ทานข้าวดื่มชา ผ่ายผอมลงไปไม่น้อย ดูแลพระวรกายให้ดีเถิดนะเพคะ”

“ตั้งแต่พวกเรากลับมา เซี่ยโหวเลี่ยพยายามไม่ให้พวกเราข้องเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก บัดนี้จิ่นเอ๋อร์ยังไม่กลับมา อีกทั้งราชบุตรเขยยังถูกส่งไปหลินอันอีก หากกล่าวว่าไม่มีกลอุบายใดนั้นเป็นไปไม่ได้ ในฐานะตัวประกัน ข้าไม่อาจตามสามีไปหลินอัน ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง จิ่นเอ๋อร์ก็ไปเป็นราชทูตที่มาตุภูมิของบิดา เขาเติบใหญ่มาที่นั่น ข้าเชื่อว่าเขาจะไม่ได้รับความลำบากใจ ทว่าการเดินทางกลับนั้นย่อมอันตรายยิ่ง ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัยได้หรือไม่”

“องค์หญิง…” เสียงของจูเฉิงปินคนสนิทของนางดังขึ้น “มีเรื่องแปลก ๆ เกิดที่วัดหรงอันเจ้าค่ะ”

“องค์หญิง….” สาวใช้มองนางอย่างเป็นกังวล

“เตรียมรถม้า พวกเราไปวัดหรงอัน!” ซ่างกวนหมิงเสียสั่งอย่างเฉียบขาด

“ฝนตกหนักมากเลยนะเพคะ รถม้าไม่อาจบรรทุกคนไปในเวลาเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องได้ง่าย ๆ” สาวใช้เอ่ย “ไม่สู้รอให้ฝนหยุดตกค่อยว่ากันเป็นอย่างไรเพคะ”

“หากรอฝนหยุดตกก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่วัดหรงอันจะเป็นอย่างไร” ซ่างกวนหมิงเสียสั่นศีรษะเบา ๆ “วัดหรงอันเป็นที่ที่คนของเราพบกันอย่างลับ ๆ หากไม่ใช่เรื่องสำคัญย่อมไม่มีข่าวส่งมาจากที่นั่น หากเห็นสัญญาณที่วัดหรงอัน นั่นหมายความว่ามีเรื่องที่ต้องจัดการโดยด่วน ข้าต้องรุดไปดูสถานการณ์ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น”

ณ วัดหรงอัน เจ้าอาวาสพาพระอาวุโสหลายท่านไปท่องพระสูตรที่นั่น พระอาวุโสที่อายุไม่ห่างจากเจ้าอาวาสเท่าใดนักกำลังทำการฝังเข็มให้ผู้ที่อยู่บนเตียง โดยมีพระรุ่นเยาว์สองคนกดคนผู้นั้นไว้

ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงปกคลุมด้วยเลือดและบาดแผลไปทั้งตัว เลือดที่ไหลออกมาจากแผลใหม่เป็นสีแดง ส่วนบาดแผลเก่าดูย่ำแย่ เลือดที่ไหลออกมาเป็นสีเหลือง ทั้งยังมีกลิ่นเน่าเหม็น

“ท่านเจ้าอาวาส สถานการณ์ของท่านอ๋องไม่สู้ดีนัก”

“เราต้องหาวิธีรักษาเขา เขาเป็นความหวังของอาณาจักรเฟิ่งหลิน” เจ้าอาวาสเอ่ยด้วยความเคร่งเครียด ในมือถือลูกประคำเอาไว้

“บาดแผลของเขาสาหัสเกินไป ทั้งบาดแผลใหม่และบาดแผลเก่า รวมถึงมีบางส่วนที่ถูกพิษ เห็นได้ชัดว่าถูกอาวุธลับอาบยาพิษมา การที่เขามาถึงโดยที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นไม่ง่าย หากอยากให้รอดเกรงว่า…”

“องค์หญิงใหญ่มาแล้วขอรับ”

หลังจากเสียงของเณรน้อยดังขึ้น สตรีที่ร่างกายเปื้อนเปรอะดินโคลน ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงก็เดินเข้ามาโดยมีบ่าวรับใช้ช่วยพยุง ทว่าสภาพของบ่าวรับใช้นั้นแย่ยิ่งกว่า ทั่วทั้งตัวนางปกคลุมไปด้วยโคลนและน้ำสกปรก เห็นได้ชัดว่ากว่าจะมาถึงที่นี่ไม่ง่ายดายนัก

“องค์หญิง” เจ้าอาวาสเดินเข้าไปหา “วันนี้ศิษย์ของเราเปิดประตูไปทำความสะอาดโคลนข้างหน้าจึงพบคนผู้หนึ่งนอนอยู่ เดิมทีนึกว่าเป็นผู้อพยพจากที่ใด เมื่อล้างตัวเขาจึงพบว่าเป็นจิ่นอ๋อง”

“มีเพียงเขาคนเดียวหรือ?” ซ่างกวนหมิงเสียมองเซี่ยเฉิงจิ่นที่นอนอยู่บนเตียงอย่างปวดใจ

ลูกชายนางเคยจนตรอกถึงเพียงนี้ที่ใดกัน?

บัญชีนี้นางจะต้องสะสางกับเซี่ยโหวเลี่ยให้ได้!

“จนกระทั่งบัดนี้มีเขาเพียงผู้เดียว” ท่านเจ้าอาวาสเอ่ยว่า “เกรงว่าจะมีคนตามสังหารท่านอ๋อง เขาถึงได้มีบาดแผลมากมายเพียงนี้ ส่วนแผลเก่านั้นน่าจะได้รับบาดเจ็บมาเมื่อหนึ่งถึงสองเดือนที่แล้ว ไม่เพียงแต่เริ่มกลัดหนอง แต่พวกมันยังเป็นพิษอีกด้วย สถานการณ์ของจิ่นอ๋องย่ำแย่ยิ่ง ถึงแม้บางพิษจะเป็นเพียงพิษธรรมดาทั่วไป ขจัดได้ไม่ยุ่งยาก แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งยังเสียเลือดไปไม่น้อย เกรงว่า…”

“ท่านเจ้าอาวาส ข้าไม่อยากได้ยินข่าวร้าย หวังว่าท่านคงเข้าใจ” ซ่างกวนหมิงเสียมองเจ้าอาวาสด้วยสีหน้าจริงจัง “อาณาจักรเฟิ่งหลินเปื่อยเน่าแล้ว เน่ามาจากราก บัดนี้เมื่อมีความกล้าที่จะสู้กับเซี่ยโหวเลี่ยขึ้นมา ผู้ที่มีความสามารถพอที่จะต่อกรก็มีเพียงผู้เดียวคือลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสืออย่างลูกชายข้า หากเขามีชีวิตอยู่ เราก็มีชีวิตด้วย แต่หากเขาตาย ภายในครึ่งปี อาณาจักรเฟิ่งหลินจะต้องเกิดพายุโลหิต ท่านเจ้าอาวาส ลูกชายข้าไม่อาจตายได้จริง ๆ”

สิ้นคำ ซ่างกวนหมิงเสียก็เดินไปที่ข้างเตียง คว้ามือของเซี่ยเฉิงจิ่นเอาไว้ นางมองรอยแผลเน่าเปื่อยบนมือเขา กัดฟันกลั้นน้ำตา

“ลูกชาย หากเจ้าตายแล้ว สาวน้อยสกุลลู่ผู้นั้นก็จะกลายเป็นของผู้อื่น เจ้าชอบนางถึงเพียงนั้น เจ้ายินดีจะเห็นนางแต่งกับผู้อื่นหรือ?”

“ท่านอ๋องขยับมือแล้ว” เณรน้อยที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น

ซ่างกวนหมิงเสียยังคงกล่าวต่อไป “สาวน้อยสกุลลู่ผู้นั้นถึงวัยปักปิ่นแล้ว แม้สกุลลู่ไม่อาจตัดใจให้นางแต่งออกไปก็คงรั้งนางไว้ได้เพียงสองสามปี อย่างมากก็เพียงสามสี่ปีเท่านั้น พวกเขาจะพูดคุยเรื่องแต่งงานให้นาง ถึงตอนนั้นนางก็จะเป็นสตรีของสกุลอื่นแล้ว”

ไม่ว่าเซี่ยเฉิงจิ่นจะได้ยินหรือไม่ ซ่างกวนหมิงเสียก็ยังคงกล่าวต่อ

“ตอนที่พวกเราจากมา เด็กสกุลโม่และสกุลเจียงล้วนพึงใจนาง เจ้าว่าสกุลโม่กับสกุลลู่ หรือสกุลเจียงกับสกุลลู่ฟังดูเข้าทีกว่ากันเล่า?”

“แค่ก! แค่ก!” เซี่ยเฉิงจิ่นลืมตาขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นของเขาแดงก่ำ

“ท่านแม่ ท่านจะทำให้ลูกโมโหตายหรือไร?”

ซ่างกวนหมิงเสียเห็นลูกชายตื่นขึ้นมาก็เริ่มร้องไห้ “เจ้าเด็กคนนี้ หากข้าอยากให้เจ้าตาย โยนเจ้าออกไปไม่ง่ายกว่าหรือ เจ้าจะทำให้แม่ตกใจตายรึ?”

“ศิษย์น้อง ท่านอ๋องฟื้นแล้ว เจ้าตรวจอาการให้เขาเถิด”

เณรน้อยอีกคนวิ่งเข้ามา ทั้งยังเอ่ยด้วยท่าทีร้อนรน “แม่ทัพอู่นำกองกำลังเข้ามาแล้ว เขากล่าวว่าจะหาตัวคนทรยศคิดกบฏ”

“เจ้าคนแซ่อู่ผู้นั้นเป็นสุนัขรับใช้เซี่ยโหวเลี่ย เขามาที่นี่เพราะจิ่นเอ๋อร์เป็นแน่” ซ่างกวนหมิงเสียเอ่ย “เขาคงเห็นข้ารีบร้อนออกมาจึงคาดเดาได้ว่าต้องมาพบจิ่นเอ๋อร์ ท่านเจ้าอาวาส พวกท่านมีห้องลับหรือไม่? ท่านรีบพาจิ่นเอ๋อร์ไปซ่อนเถิด ส่วนสุนัขรับใช้แซ่อู่ผู้นั้น องค์หญิงผู้นี้จะจัดการเอง”

“องค์หญิง ท่านควรตามท่านอ๋องไปซ่อน เลี่ยงไม่ให้โดดเด่น ในดินแดนของพระพุทธองค์ แม่ทัพแซ่อู่ผู้นั้นย่อมไม่กล้าลงมือฆ่าคน” เจ้าอาวาสเอ่ย

“ท่านยังไม่รู้จักสุนัขรับใช้ผู้นี้ดีพอ ไม่มีอะไรที่เขาไม่กล้าทำ ข้าไม่อาจซ่อนได้ เพราะหากข้าซ่อน เรื่องราวยิ่งจะพินาศไปกว่าเดิม ข้าต้องอยู่ที่นี่เพื่อตบตาเขา ไม่เช่นนั้นวัดหรงอันจะถูกดึงเข้าไปพัวพันได้”

“พวกเจ้าสองสามคน รีบพาท่านอ๋องเข้าไปซ่อนในห้องลับเถิด ทำความสะอาดที่นี่เสียหน่อย อย่าได้ทิ้งร่องรอยไว้เด็ดขาด!”

เมื่อแม่ทัพอู่สวมเสื้อกันฝนรุดเข้ามาในวัดพร้อมกับคนของเขาก็เห็นซ่างกวนหมิงเสียกำลังคุกเข่าเคาะมู่อวี๋*[1] อยู่ที่นั่น ขณะที่ภิกษุราว ๆ สามสิบรูปต่างก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูกท่องพระสูตร

“องค์หญิง รบกวนแล้ว” แม่ทัพอู่กล่าว

ซ่างกวนหมิงเสียเคาะมู่อวี๋ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชา “แม่ทัพอู่ช่างน่าเกรงขาม คนในครอบครัวท่านก็ถูกส่งไปหลินอันถึงได้มาสวดภาวนาให้เขาที่วัดหรงอันเช่นกันหรือ?”

“องค์หญิงใจร้อนเกินไปหน่อยหรือไม่? ราชบุตรเขยเพิ่งไปหลินอัน เหตุใดต้องรีบมาสวดภาวนาให้เขาเล่า? รีบร้อนมาที่วัดหรงอันทั้งฝนตกหนัก โดยไม่คำนึงถึงแม้กระทั่งความปลอดภัยของตนเองเช่นนี้ หรือว่าที่นี่มีความลับอื่นซ่อนอยู่ องค์หญิงจึงทนรอไม่ไหวแม้เพียงชั่วขณะ?” แม่ทัพอู่แสยะยิ้ม

[1] มู่อวี๋ คือ เครื่องดนตรีทางสงฆ์ชนิดหนึ่ง ใช้ระหว่างสวดมนต์

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท