จ้าวชิงเฟิงมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
ในความคิดของเขา หลิงฮันกับเขานั้นมีพลังต่อสู้ที่ทัดเทียมกัน แต่ที่ก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็เพราะกายหยาบหลิงฮันแข็งแกร่งเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นล่ะก็ ในการประลองครั้งแรก หลิงฮันคงถูกเขาสังหารไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
แต่ทว่า ในการประลองครั้งนี้ พลังต่อสู้ของเขากับอีกฝ่าย กลับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!
หลิงฮันสามารถรับการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาได้อย่างง่ายดาย ราวกับการโจมตีของเขาไม่ต่างอะไรจากการผายลม
ผลลัพธ์เกิดขึ้นนี้ทำให้เขานึกถึงเอี๋ยนเซียนลู่ ในตอนที่ยังไม่บรรลุห้านิพพาน หรือว่า… เจ้าหมอนี่จะกำลังจะกลายเอี๋ยนเซียนลู่คนที่สอง?
ในขณะที่จ้าวชิงเฟิงกำลังครุ่นคิด เนื้อหนังบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ สลายตัวกลายเป็นเศษฝุ่น
ทุกคนยืนมองอย่างแน่นิ่งไร้คำพูด ไม่มีใครปฏิเสธว่าจ้าวชิงเฟิงนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง พลังของอัจฉริยะผู้นี้สามารถทำให้แม้แต่ ผู้สืบทอดของขุมอำนาจราชานิรันดร์ก็ยังมัวหมอง ช่างน่าสลดนักที่ท้ายที่สุด เขาต้องมาตายอย่างไร้ค่า
ใช่แล้ว… แม้แต่จะลากหลิงฮันไปได้เขาก็ไม่อาจทำได้
จ้าวชิงเฟิงอ้าปากกล่าวคำพูดสุดท้าย “เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ ข้าคนนี้ขอยอมรับ! เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของนายน้อยเอี๋ยนได้ หลังจากการตายของข้า เจ้าเองก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่นานเช่นกัน เนื่องจากด้วยนิสัยของเจ้าแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมจำนนต่อใคร ซึ่งนายน้อยน้อยเอี๋ยนก็ไม่มีวันยอมไว้ชีวิตคนแบบเจ้าเช่นกัน! ”
เมื่อเขาเอ่ยปากพูด ความเร็วในการแหลกสลายของยิ่งเร็วขึ้น หลังจากที่เขากล่าวจบ ทั่วร่างก็แหลกสลายกลายเป็นฝุ่นและถูกพัดหายไปตามสายลม
หลิงฮันยิ้มมุมปาก ไม่ว่าคำพูดสุดท้ายของจ้าวชิงเฟิงจะเป็นคำแนะนะหรือคำขู่ เขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ
ในระดับพลังเดียวกัน เขาไม่หวั่นเกรงต่อผู้ใด
เอี๋ยนเซียนลู่อะไรนั่น สุดท้ายก็ต้องกลายมาเป็นหินลับคมให้แก่เขา
ปรมาจารย์จื่อเฉิงยิ้ม ถึงแม้จ้าวชิงเฟิงจะโผล่มาและเสียชีวิตในงานพิธีอันยิ่งใหญ่ แต่วิหารอนันต์รุ่งโรจน์ก็ย่อมเข้าใจเหตุผลของเรื่องที่เกิดขึ้น และถึงแม้เอี๋ยนเซียนลู่จะไม่พอใจและไร้เหตุผลแค่ไหน อีกฝ่ายก็เป็นเพียงผู้สืบทอด ที่มีพลังบ่มเพาะระดับโลกียนิพพานเท่านั้น
เวลา… ขอแค่ศิษย์ตัวน้อยของเขามีเวลาเท่านั้น อีกฝ่ายก็จะเฉิดฉายและมีอำนาจพอที่จะเหยียดหยามยุทธภพ
“ฮ่าๆ ดำเนินพิธีต่อได้” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว ถึงแม้จะมีเหตุการณ์ยุ่งเหยิงเกิดขึ้น แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นผลดีต่อตัวหลิงฮันเอง
แต่แน่นอนว่าหลังจากนี้เขาจะทำการตรวจสอบอยู่ดีว่า ใครกันที่เป็นคนปล่อยให้จ้าวชิงเฟิงเข้ามาในงานพิธีได้
“ช้าก่อน! ” เพียงแต่ว่าทันใดนั้นเอง ใครบางคนก็ตะโกนแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
บัดซบ วันนี้มันวันอะไรกัน เหตุใดถึงได้มีคนชอบตะโกนโผล่หัวกันมาเยอะนัก?
ชายชราผู้หนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน เขาพาดสองมือไว้ด้านหลังอย่างน่าเกรงขาม
“ลู่จิ้น! ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงขมวดคิ้ว
ลู่จิ้นผู้นี้คือนักปรุงยาสามดาว และเป็นนิรันดร์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ เขาคือนักปรุงยาอัจฉริยะที่มีศักยภาพพอจะบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาว
ลู่จินผสานมือทักทายปรมาจารย์จื่อเฉิงด้วยสีหน้าอวดดี ราวกับไม่เห็นปรมาจารย์จื่อเฉิงอยู่ในสายตา
ทุกคนรอบข้างต่างเผยท่าทีประหลาดใจ
เมื่อครู่จ้าวชิงเฟิงก็ปรากฏตัวสร้างความวุ่นวายแล้วหนหนึ่ง พอมาตอนนี้ก็เป็นนักปรุงยาลู่จิ้นอีก… นี่กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเมืองวิถีโอสถกันแน่?
“เจ้ามีอะไร? ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพียงแต่อีกฝ่ายก็ยังเป็นถึงนักปรุงยาสามดาว และนิรันดร์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ เพราะงั้นเขาจึงจำเป็นต้องไว้หน้าอีกฝ่าย
“ข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะบอก! ” ลู่จิ้นกล่าวเสียงดังก้องราวกับฟ้าผ่า
ภายใต้อำนาจของปรมาจารย์ระดับข้ามผ่านต้นดำเนิดแท้ รัศมีของหลิงฮันได้หม่นหมองลงไปทันที
“เรื่องสำคัญอะไร ทำไมเจ้าต้องมาพูดในเวลาเช่นนี้? ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว
ลู่จิ้นแสยะยิ้ม “ด้วยเรื่องอันสำคัญนี้ พิธีการแต่งตั้งผู้สืบทอดคนใหม่จะสิ้นความสำคัญ และล้มเลิกไปได้เลย! ”
“โอ้? ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงคร้านจะเสวนากับลู่จิ้น ถ้าหากอีกฝ่ายไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมจริงๆล่ะก็ เขาก็ไม่คิดจะไว้หน้าอีกฝ่ายอีกต่อไป
“ข้า…” ลู่จิ้นชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า “บรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาวแล้ว! ”
นักปรุงยาสี่ดาวแล้ว… นักปรุงยาสี่ดาวแล้ว… นักปรุงยาสี่ดาวแล้ว… คำหกคำนี้ดังก้องกังวานไปทั่วพื้นที่อยู่ชั่วขณะ
ทุกคนตกตะลึงจนลืมตัวหยุดหายใจไปอย่างน้อยสิบลมหายใจ
นักปรุงยาสี่ดาว!
ในเมืองวิถีโอสถ ไม่สิ… ต่อให้เป็นทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก ก็มีนักปรุงยาสี่ดาวอยู่เพียงสี่คนเท่านั้น ซึ่งสถานะของพวกเขาล้วนแต่เทียบเท่า กับราชานิรันดร์
ก่อนหน้านี้ปรมาจารย์จื่อเฉิงมีสถานะสูงกว่านักปรุงยาลู่จิ้น แต่ถ้าหากที่เขากล่าวมาเป็นความจริง สถานะของทั้งคู่ก็จะกลายมาเป็นทัดเทียมกัน
ปรมาจารย์จื่อเฉิงชะงักเล็กน้อย และอดคิดไม่ได้ว่า เรื่องที่ลู่จิ้นบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาว กับเรื่องที่จ้าวชิงเฟิงสามารถผ่านเข้ามายังที่นี่ได้นั้น ช่างบางเอิญเกิดขึ้นพร้อมกันเสียจริง
ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่ง่ายแล้ว!
ใบหน้าของปรมาจารย์จื่อเฉิงยังคงแน่นิ่งไม่เปลี่ยน “มีข้อพิสูจน์หรือไม่? ”
“นี่คือเม็ดยาสี่ดาวที่ข้าหลอมสำเร็จเมื่อสิบวันก่อน เชิญตรวจสอบดูได้! ” ลู่จิ้นดีดนิ้ว ‘พรึบ’ ก้อนแสงสีขาวบางอย่างถูกส่งลอยออกไปหาปรมาจารย์ชิวเย่
ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงไม่ส่งเม็ดยาให้กับปรมาจารย์จื่อเฉิง แต่ส่งให้กับปรมาจารย์ชิวเย่แทน
ปรมาจารย์ชิวเย่ที่กำลังถือขวดสุราอยู่ในมือ เมื่อเห็นว่าขวดเม็ดยาลอยเข้ามา เขาก็ยื่นมือออกไปคว้าขวดเม็ดยามาอยู่ที่มือ สีหน้าของเขาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะวางขวดสุราลงและแก้ผนึกบนขวดยา
เม็ดยานิรันดร์สี่ดาวคือเม็ดยาที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก ออร่าที่เล็ดลอดออกมาเพียงเล็กน้อยถือว่าเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ เพราะงั้นจึงต้องผนึกเอาไว้
ปรมาจารย์จื่อเฉิง และปรมาจารย์เทียนซินขยับเข้ามาใกล้เพื่อดูด้วยกัน
ผู้คนโดยรอบก็เช่นกัน พวกเขาเขย่งเท้ายื่นหน้ายื่นตาโดยไม่รู้ตัว
‘พรึบ’ แต่ยังไม่ทันที่จะเห็นเม็ดยา คลื่นพลังสีครามภายในขวดก็ควบแน่นรวบกัน กลายเป็นจิ้งจอกน้อยดวงตาโตแสนน่ารัก