สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 749 คดีดอกท้อของฮูหยินอิน

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 749 คดีดอกท้อของฮูหยินอิน

บทที่ 749 คดีดอกท้อของฮูหยินอิน

“คนงานผู้นั้นอยู่ที่ใด?”

“หลังจากพี่สาวข้าจากไป เขาอับอายเกินกว่าจะอยู่ในร้านต่อ เมื่ออาการของเขาเลวร้ายลงจึงกลับไปยังบ้านเกิดแล้ว”

“เช่นนั้น รบกวนนายท่านอวี๋บอกเราเถิดว่าบ้านเกิดชายผู้นั้นอยู่ที่ไหน”

“นี่ไม่รบกวน พวกท่านทำเพื่อคดีของพี่สาวข้า ข้าย่อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”

หลังออกมาจากจวนอิน มู่ซืออวี่จัดเตรียมคนของนางไปที่บ้านเกิดชายผู้นั้นเพื่อตามหาเขา

ในตอนนี้เอง เสียงเอะอะโวยวายก็ดังมาจากด้านหน้า

“ฮูหยิน ข้างหน้าคนเยอะเกิน พวกเราผ่านไปไม่ได้เจ้าค่ะ” ฉานอีเอ่ย “ไม่เช่นนั้น พวกเราอย่าเพิ่งไปดีหรือไม่เจ้าคะ อย่างไรก็ไม่ได้รีบร้อนถึงเพียงนั้น”

“ได้”

ฉานอีบอกให้คนขับรถม้าไปหาที่พักผ่อน รอให้คนแยกย้ายไปแล้วจึงนั่งรถม้ากลับไปที่บ้านจู

ขณะที่พวกเขาผ่านฝูงชน กลับได้ยินเสียงอันคุ้นเคยแว่วมา

นางกับฉานอีหันมามองหน้ากัน

“ฮูหยิน บ่าวจะเข้าไปดูนะเจ้าคะ”

“ไปเถอะ”

ฉานอีทะยานข้ามผ่านศีรษะของทุกคนขึ้นไป จากนั้นจึงร่อนลงกลางกลุ่มคน

เมื่อคนรอบ ๆ เห็นจอมยุทธ์หญิงเหินผ่าน พวกเขาย่อมไม่กล้าล่วงเกินและแหวกออกเป็นทางทันที มู่ซืออวี่จึงใช้โอกาสจากทางที่แหวกออกนี้เบียดเข้าไปในกลุ่มคนภายใต้การคุ้มครองของผู้คุ้มกัน

“ท่านลุงท่านนี้ ท่านดูสิ เริ่มแรกเขาต้องให้ท่านสองตำลึงเงิน หลังจากท่านหาเงินทอนให้เขา เขาบอกว่าในมือเขามีเศษเงินพอดีจึงให้ท่านเอาทั้งตำลึงคืนเขา ท่านก็ให้ไป เขาเองก็ให้เงินเศษท่านแล้ว เช่นนั้นท่านเห็นเงินตำลึงเขาหรือไม่? เขายังไม่ได้ให้ท่านนะ!”

“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น” พ่อค้าท่าทางซื่อ ๆ ผู้หนึ่งพยักหน้าหงึกหงัก “ข้าก็คิดอยู่ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”

“ยังมีอีก ท่านลุงผู้นี้ เนื้อของท่านราคายี่สิบอีแปะต่อหนึ่งจิน เขายืนกรานจะซื้อเนื้อไม่ติดมันและเนื้อติดมันแยกกัน ผลที่ได้คือ เนื้อไม่ติดมันราคาแปดอีแปะต่อจิน เนื้อติดมันราคาสิบสองอีแปะต่อจิน เขาต้องการไม่ติดมันครึ่งจิน ติดมันอีกครึ่งจิน ทั้งหมดรวมกันเป็นเงินสิบอีแปะ นี่ไม่ใช่หลอกเอาเงินท่านหรือ? ท่านตกหลุมพรางเช่นนี้ได้อย่างไร!”

“เจ้าเด็กขี้โกหก อย่าได้มาพูดจาไร้สาระ! เนื้อไม่ติดมันแปดอีแปะ เนื้อติดมันสิบสองอีแปะเป็นเขาที่กล่าวเอง ข้าไม่ได้ไปบีบบังคับเขา” บุรุษเจ้าเนื้อผู้หนึ่งต่อว่าอย่างดุร้ายด้วยน้ำเสียงดุดัน

“เห็นได้ชัดว่าท่านลุงผู้นี้เป็นคนซื่อ ท่านจึงจงใจหลอกลวงเขา”

เด็กหญิงตัวเล็กรัดผมเป็นวงทั้งสองข้างกล่าวเสียงใสเจื้อยแจ้ว ทุกประโยคเรียบเรียงออกมาได้เป็นอย่างดี วิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน หากผู้ใดไม่เลอะเลือนย่อมรู้ว่าเรื่องถูกหลอกที่นางเอ่ยถึงนั้นเป็นความจริง

ข้าง ๆ นางยังมีเด็กผู้ชายสองคน คนหนึ่งแก่กว่า คนหนึ่งอ่อนกว่า

เด็กทั้งสามสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อดี ดูเหมือนจะมาจากครอบครัวผู้มั่งคั่ง อย่างไรก็ตาม ข้างกายพวกเขาไม่มีบ่าวรับใช้แม้เพียงผู้เดียว ไม่รู้ว่าพลัดหลงกันหรือไม่

“นอกจากนั้น ยังมีพี่หญิงผู้นี้…” เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้ามองสตรีผู้นั้นด้วยแววตาสงสาร “ท่านแยกเงินจริงกับเงินปลอมไม่ออกหรือ? เงินที่เขาให้ท่านเบาเพียงนั้น ท่านถูกหลอกได้อย่างไร?”

ชายอ้วนผู้นั้นเห็นทุกคนมองตนด้วยสายตาเกรี้ยวกราด เขาพาลโมโหขึ้นมาทันที

“เจ้าเด็กเหม็นโฉ่ เจ้าสนใจแต่เรื่องตัวเองเถอะ นำตัวนางไป…”

“ข้าอยากดูนักว่าผู้ใดกล้าแตะต้องคุณหนูของพวกเรา!” ฉานอีเตะลูกน้องของชายอ้วนผู้นั้นออกไป

เมื่อชายอ้วนผู้นั้นเห็นหญิงสาวสองคนปรากฏตัวขึ้น อีกทั้งสตรีทั้งสองล้วนแต่ตัวสวยงาม โดยเฉพาะนายหญิงผู้ที่มีกลิ่นอายไม่ธรรมดา เขาก็รู้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ที่เขาไม่อาจทำให้ขุ่นเคืองได้ จึงรีบพาคนของตนเองวิ่งหนีไป

“ทุกท่าน คนผู้นั้นเป็นพวกหลอกลวง พวกเราไม่อาจยอมทนต่อคนพรรค์นี้ได้ รบกวนส่งตัวเขาให้ทางการด้วย” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยท่าทีนิ่งขรึม

แรกเริ่มชาวบ้านลังเลเล็กน้อย แต่หลังจากได้ยินคำพูดของมู่ซืออวี่ บุรุษเลือดร้อนทั้งสองคนจึงหยุดชายอ้วนเอาไว้ในทันที

เมื่อลู่จื่อชิงเห็นมู่ซืออวี่ก็รีบวิ่งเข้าไปกอดเอวของนาง เอ่ยอ้อนเสียงหวาน “ท่านแม่ โชคดีที่ท่านมา ไม่เช่นนั้นชิงเอ๋อร์คงถูกรังแกแล้ว”

มู่ซืออวี่บีบแก้มของลูกสาว “ช่างกล้าจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าพาน้องชายกับน้าเล็กออกมา แม้กระทั่งบ่าวสักคนยังไม่พามาด้วย หากคนเมื่อครู่นี้ลักพาตัวเจ้าไปขาย ถึงตอนนั้นต่อให้ร้องไห้หาพ่อหาแม่ก็ไม่มีผู้ใดปกป้องเจ้าได้”

“ไม่หรอกเจ้าค่ะ ที่นี่มีท่านอาท่านป้าที่ใจดีมากมายเพียงนี้ พวกเขาต้องไม่ยอมให้เสี่ยวชิงเอ๋อร์ถูกคนพาไปขายแน่ ถูกหรือไม่เจ้าคะ?”

“ใช่ ๆ แม่นางน้อยทั้งน่ารักและเฉลียวฉลาดปานนี้ ผู้ใดจะยอมให้นางไม่ได้รับความเป็นธรรมกันเล่า?”

“ฮูหยิน ท่านไม่อาจตำหนิคุณหนูผู้นี้เป็นอันขาด” คนขายเนื้อเอ่ย “หากไม่ใช่คุณหนูผู้นี้เตือน ข้าคงถูกเจ้าชั่วผู้นั้นหลอกต่อไปเรื่อย ๆ มิน่าเล่าเหตุใดทุกครั้งที่มาซื้อเนื้อกับข้า เขาล้วนซื้อเช่นนี้ อีกทั้งยังซื้อมาเกือบปีแล้ว ข้าสูญเงินไปไม่น้อยเลย”

“ยังมีอีก เขาชอบให้เงินจำนวนมาก ๆ ก่อน แล้วค่อยให้เงินทอน ผ่านไปนานวันเข้าก็ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นลูกไม้ของเขา เขารู้ดีว่าพวกเราล้วนเป็นคนซื่อจึงเลือกลงมือกับพวกเราเท่านั้น!”

“ใช่ อีกทั้งเขายังใช้เงินปลอมกับเราด้วย บ้านเมืองมีขื่อมีแป แต่เขากลับนำเงินปลอมมาใช้ทั้งที่รู้ดีแก่ใจ นี่เป็นความผิดร้ายแรง!”

“เอาละ ข้าไม่ตำหนินางแล้ว หากทุกท่านคิดว่าคนผู้นั้นน่ารังเกียจก็สามารถร้องเรียนเรื่องนี้ต่อทางการได้” มู่ซืออวี่กล่าว

“ฮูหยิน ท่านหน้าตาคุ้น ๆ นะ! เพียงแต่ข้านึกไม่ออกว่าเคยพบท่านที่ใด”

“พวกเราเป็นคนธรรมดาจะเคยพบผู้สูงศักดิ์อย่างฮูหยินได้อย่างไร?”

มู่ซืออวี่ยิ้มเจื่อน “ข้าขอตัว”

เมื่อกล่าวเช่นนั้นแล้ว นางก็ส่งสายตาให้ฉานอีพาพวกเด็ก ๆ ออกไป

กระทั่งออกมาไกลแล้วก็ยังคงได้ยินบทสนทนาของคนเหล่านั้นแว่วมา บางคนพอคาดเดาตัวตนของมู่ซืออวี่ได้ ทว่าครู่ถัดมาพวกเขาก็กล่าวหักล้างข้อสันนิษฐานทันที อย่างไรเสียจวนลู่ก็ว่างเปล่ามานาน ทั้งครอบครัวดื่มดำกับความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่งอยู่ในเมืองหลวง จะกลับมาเมืองฮู่เป่ยได้อย่างไร?

“ลู่จื่อชิง ตอนนี้เจ้าชักจะไร้กฎเกณฑ์ขึ้นเรื่อย ๆ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าเที่ยวเตร็ดเตร่ไปทั่ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “กลับไปคัดคัมภีร์คุณธรรมเยาวชนให้ดีเถอะ คัดครบร้อยครั้งแล้วจึงจะออกไปข้างนอกได้”

ก่อนที่จะตรวจสอบคดีให้กระจ่าง นางไร้อารมณ์พาลูก ๆ ไปเที่ยวเล่น อีกทั้งยังไม่ทันได้ไปดูลานหรรษาเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้การช่วยเหลือท่านหมอจูเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

“ท่านแม่ ท่านแม่ที่งดงามที่สุดของข้า…” ลู่จื่อชิงเขย่าแขนของมู่ซืออวี่ด้วยท่าทางออดอ้อน

ทว่ายามนี้การออดอ้อนกลับไม่ได้ผล

ซางจือกำลังปวดหัวอยู่กับลูกน้อง เมื่อนางเห็นมู่ซืออวี่กลับมาพร้อมกับเจ้าบ้านน้อยทั้งหลาย หัวใจของนางก็กลับสู่ภาวะปกติ

“บ่าวไม่ได้ดูแลเจ้าบ้านน้อยให้ดี เชิญฮูหยินลงโทษ”

“ลงโทษนั้นย่อมต้องลงโทษ แต่ข้ารู้จักเสี่ยวชิงเอ๋อร์ดี ขอแค่เพียงมีช่องโหว่ นางย่อมฉวยโอกาสได้ ผู้ใดก็ขวางนางไม่อยู่” มู่ซืออวี่เอ่ย “จากนี้จะลงโทษให้เจ้าคอยจับตาดูนางให้ดี อย่าปล่อยให้นางสร้างปัญหาให้ข้าอีก”

“พี่หญิง…” ลู่จื่อชิงโถมตัวเข้าหาอ้อมแขนลู่จื่ออวิ๋น “ข้าคิดถึงท่านพ่อ คิดถึงพี่ชายแล้ว”

ลู่จื่ออวิ๋นหัวเราะออกมา “เจ้าคิดจะพึ่งพาผู้อื่นกระมัง! แต่ท่านแม่โกรธแล้ว แม้ว่าท่านพ่อท่านพี่จะอยู่ตรงนี้ พวกเขาก็ปกป้องเจ้าไม่ได้ เจ้าว่านอนสอนง่ายหน่อยเถอะ!”

สองชั่วยามต่อมา ผู้ติดตามที่ถูกส่งไปตามหาคนงานผู้นั้นกลับมาแล้ว เพียงแต่นำข่าวร้ายข่าวหนึ่งกลับมาด้วย นั่นคือ… คนงานผู้นั้นตายเสียแล้ว

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท