บทที่ 750 คนงานเสียชีวิตแล้ว
บทที่ 750 คนงานเสียชีวิตแล้ว
“ตายได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
ผู้ติดตามตอบว่า “หลังจากคนงานผู้นั้นเป็นโรค ภรรยาเขาก็พาลูกชายหนีไป ทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง ในมือของเขาพอมีเงินอยู่บ้าง ชีวิตจึงนับว่าไม่เลว เขาเป็นโรคเช่นนั้น แต่ไม่ได้รับการรักษาจึงตายไปแล้ว อย่างไรก็ตามคนในหมู่บ้านบอกว่าเขาสบายดี ดูปกติทุกอย่าง ทว่าจู่ ๆ อาการของเขาก็ทรุดลงกะทันหันจนเสียชีวิต นี่เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงจริง ๆ”
“ศพถูกฝังแล้วหรือ?”
“คนในหมู่บ้านกำลังจะฝังเขา ทว่าข้าน้อยจ่ายเงินไปก้อนหนึ่งและนำร่างเขากลับมาด้วย”
“ทำได้ดีมาก” มู่ซืออวี่กล่าวชมเชย “เช่นนั้น พวกเราไปเชิญอู่จั้วมาชันสูตรเถอะ จะได้รู้สาเหตุการตายของเขาเสียที”
ไม่นานนัก อู่จั้วก็ชันสูตรศพของคนงานผู้นั้นจนเสร็จเรียบร้อย อีกทั้งยังรายงานผลการชันสูตรต่อหน้านายอำเภอกู่
“คนผู้นี้เป็นกามโรค เสียชีวิตเพราะโรคนี้ ดูจากศพแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ”
มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “อู่จั้ว อาการของกามโรคเป็นอย่างไรหรือ?”
“มีผื่นทั่วทั้งตัว ส่งกลิ่นเหม็น มีอาการเน่าเปื่อยพุพองร่วมด้วย…” อู่จั้วกล่าว
“ดังนั้น ท่านคิดว่าอาการของเขาเป็นอย่างไร?”
“ทั่วทั้งร่างกายเขามีผื่น ทว่าอาการอื่น ๆ ไม่ได้เห็นชัดเพียงนั้น เขาดูไม่เหมือนคนใกล้จะตาย”
“ท่านเพิ่งบอกว่าศพไม่มีปัญหา แล้วนี่ไม่ใช่ปัญหาหรือ?” มู่ซืออวี่่เอ่ย “หากท่านไม่แน่ใจ เช่นนั้นข้าจะส่งอู่จั้วจากที่อื่นมาเพิ่มสักสองสามคน จนกว่าจะพบสาเหตุที่แน่ชัด”
“เอ่อ…” อู่จั้วเหลือบมองนายอำเภอกู่
เขาไม่รู้ว่ามู่ซืออวี่เป็นผู้ใด ทว่านางดูเหมือนจะมีสิทธิ์มีเสียง แม้กระทั่งนายอำเภอยังต้องเกรงใจ นั่นแสดงให้เห็นว่านางเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่ไม่อาจล่วงเกินได้
“เท่าที่ข้ารู้ กามโรคในขั้นปลายจะกระทบต่ออวัยวะภายใน ข้าจะให้โอกาสท่าน ท่านชันสูตรกายวิภาคของศพนี้อีกรอบ แล้วค่อยให้คำตอบที่แน่ชัดกับข้าเถิด”
“กายวิภาคหมายถึง…” อู่จั้วคล้ายจะไม่เข้าใจ
“ผ่าท้องเขา ตรวจดูอวัยวะภายในร่างกายว่าเหมือนคนปกติหรือไม่ ท่านเป็นอู่จั้ว คงเคยผ่าท้องคนกระมัง? อย่างไรเสีย บางศพก็ต้องเย็บแผลปิด”
“อู่จั้วย่อมต้องเคยจัดการกับศพ ทว่า… ศพนี้ยังอยู่ในสภาพดี ข้าต้องผ่าเปิดร่างเขา จะไม่เท่ากับทำให้เขาตายตาไม่หลับหรือ?”
“นายอำเภอกู่ ท่านคิดเห็นอย่างไร?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามนายอำเภอกู่
นายอำเภอกู่เอ่ยกับอู่จั้ว “ทำตามที่ฮูหยินบอก”
อู่จั้วได้ยินนายอำเภอกล่าวเช่นนั้นก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป ทำได้เพียงกัดฟันยอมรับ
ขณะที่พวกเขากำลังชันสูตรศพเพิ่มเติม คนของมู่ซืออวี่ก็มารายงานสถานการณ์ของนายท่านอวี๋จวนอิน
“ตอนนี้นายท่านอวี๋กำลังดูแลกิจการ ดูเผิน ๆ เหมือนคุณหนูอินผู้นั้นรับผิดชอบภาพรวม ทว่าในความเป็นจริง นางต้องถามนายท่านอวี๋ทุกเรื่อง ดังนั้นเจ้านายที่แท้จริงของสกุลอินคือเขา นายท่านอวี๋ผู้นี้นอบน้อมถ่อมตน ทั้งยังมนุษยสัมพันธ์ดี เถ้าแก่มากมายล้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เขาสามารถขยายกิจการให้ใหญ่โตขึ้นได้ คนผู้นี้เป็นคนบ้างานผู้หนึ่ง ทุกวันนอกจากทำการค้าแล้วก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นอีก”
“เขาดูเหมือนยังอายุน้อยทีเดียว อายุเท่าใด?”
“ว่ากันว่ายี่สิบแปดขอรับ”
“ยี่สิบแปด…” มู่ซืออวี่เอ่ย “วัยนี้ควรแต่งงานมีครอบครัวแล้วกระมัง?”
“ไม่มีขอรับ นายท่านอวี๋ไม่มีภรรยา แม้กระทั่งเมียบ่าวยังไม่มี”
“ยังไม่มีครอบครัวหรือ?” ซางจือเอ่ยขึ้น “อายุเท่านี้ยังไม่แต่งงานมีภรรยามีลูก นับว่าแปลกเกินไปแล้ว”
“ก็ไม่นับว่าแปลกอะไร” มู่ซืออวี่เอ่ย “นายท่านรองลู่ของเราก็แต่งงานช้าเช่นกัน ผู้คนในเมืองหลวงยังแพร่ข่าวลืออยู่เลยว่าเขามีปัญหาบางอย่างทางร่างกาย”
“หรือว่าสุขภาพของนายท่านอวี๋ผู้นี้ก็มีปัญหา?”
มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยท่าทีครุ่นคิด “บุรุษธรรมดาที่ใดไม่ยินดีแต่งงานในวัยนี้บ้าง หากร่างกายไม่มีปัญหา หรือไม่ได้สนใจในสตรี ก็ต้องมีคนในใจอยู่แล้ว ไม่ยินดียอมแพ้”
“สุขภาพของนายท่านอวี๋ไม่มีอะไรผิดปกติ ส่วนเขาชอบสตรีหรือไม่นั้น ข้าน้อยยังไม่เคยตรวจสอบขอรับ”
นายอำเภอกู่ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “เหตุใดฮูหยินจึงเริ่มตรวจสอบนายท่านอวี๋เล่า?”
“ข้าไม่เพียงตรวจสอบเขา แต่ยังตรวจสอบทั้งจวนอิน นับตั้งแต่นายจนถึงบ่าว ข้าล้วนตรวจสอบทุกคน” มู่ซืออวี่เอ่ย “ใต้เท้ากู่มีอะไรจะแนะนำหรือไม่?”
“นายท่านอวี๋ไม่มีทางมีปัญหา เขาแจกจ่ายโจ๊กทุกปี ทั้งยังบริจาคเงินให้บ้านพักคนชราและสถานสงเคราะห์เด็กเหมือนกับฮูหยิน เขาเป็นผู้มีพระคุณที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ คนมากมายล้วนได้รับประโยชน์จากน้ำใจของเขา”
“อย่างนั้นหรือ?” มู่ซืออวี่มองนายอำเภอกู่ “ดูเหมือนใต้เท้ากู่กับเขาจะมีความสัมพันธ์ไม่เลวเช่นกัน”
นายอำเภอกู่เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ฮูหยิน ข้าน้อยเพียงแค่เอ่ยถึงเรื่องนี้เท่านั้น หากท่านไม่เชื่อ เพียงแค่ตรวจสอบต่อไปเถิด หากคดีนี้เกี่ยวข้องกับเขาจริง ข้าน้อยยินดีถอดหมวกขุนนางออก”
มู่ซืออวี่พยักหน้า “ข้าเห็นความจริงใจของท่านแล้ว”
มู่ซืออวี่ยังคงให้คนของนางมุ่งความสนใจไปที่การตรวจสอบนายท่านอวี๋และอินซู่หลาน
ระยะนี้อินซู่หลานไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกนัก นายท่านอวี๋เองก็ยุ่งอยู่กับกิจการทั้งวัน ไม่มีอะไรผิดปกติ
“ฮูหยิน วันนี้ข้าน้อยไปร้านผ้าเพื่อซื้อผ้าแพรใหม่ ท่านลองเดาดูเถิดว่าข้าได้ยินอะไรมา?” ฉานอีเอ่ย “เมื่อเดือนก่อนคุณหนูอินซื้อผ้าสีแดงเจ้าค่ะ”
“นี่เป็นข่าวสำคัญหรือ?”
“เถ้าแก่เนี้ยบอกว่าผ้าสีแดงพับนั้นแตกต่างจากผ้าผืนอื่น ๆ มันมีไว้สำหรับตัดชุดแต่งงาน นั่นเป็นของล้ำค่าในร้านพวกเขา คุณหนูอินจับจ่ายเงินออกไปจำนวนมากเพื่อซื้อมัน นางยังถามว่ากำลังจะมีเรื่องมงคลใช่หรือไม่ แม้คุณหนูอินผู้นั้นไม่ได้ยอมรับ ทว่าสีหน้านางกลับมีความสุขยิ่ง เมื่อเห็นดังนี้เถ้าแก่เนี้ยก็พอคาดเดาได้แล้ว”
“แต่ช่วงนี้นางไม่ได้ออกไปที่ใด ดูไม่เหมือนมีคนรัก” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“บางที คนรักของนางอาจอยู่ในจวนจึงไม่จำเป็นต้องออกมาก็ได้เจ้าค่ะ”
มู่ซืออวี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “คืนนี้จัดคนสองคนไปดูที่จวนอิน ระวังอย่าให้ถูกคนของพวกเขาพบเข้าเป็นอันขาด”
เมื่ออู่จั้วผ่าศพเสร็จแล้วก็มารายงาน
เขากลับคำพูดที่เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้ คนงานผู้นั้นไม่ได้ตายเพราะกามโรค อันที่จริงชายผู้นั้นไม่ได้เป็นโรคนี้ด้วยซ้ำ เขาเพียงแค่กินยาบางอย่างแล้วถูกวางยาพิษจึงแสดงอาการออกมาเหมือนกามโรค
“เช่นนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่าฮูหยินอินก็ถูกวางยาพิษและไม่ได้เป็นโรคนั้นเช่นกัน?” มู่ซืออวี่เอ่ย “ชายผู้นี้เป็นชู้รักของฮูหยินอิน เขาไม่ได้ป่วยก็มีความเป็นไปได้ที่ฮูหยินอินจะไม่ได้ป่วย”
“คดีนี้ชักจะซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว” ฉานอีกล่าว “หากสาเหตุการตายของฮูหยินไม่ได้เกิดจากกามโรค เช่นนั้นท่านหมอจูก็ถูกหลอกเช่นกันหรือ? ฮูหยินอินไม่ได้มีโรค ทว่าถูกลอบสังหาร ท่านหมอจูเป็นคนจัดยาให้ ไม่เพียงแต่ยาไม่มีผลต่อการรักษา แต่ยังทำให้ร่างกายย่ำแย่ลงอีกด้วย ฆาตกรตัวจริงเจ้าเล่ห์เพทุบายยิ่งนัก อีกทั้งใช้วิธีการโหดเหี้ยมยิ่ง ไม่ว่าจะก่อคดีอะไร ย่อมต้องมีแรงจูงใจเสมอ คนผู้นี้ทำไปเพื่ออะไรกัน?”
“คดีฆาตกรรมส่วนมากล้วนเกิดจากผลประโยชน์หรือการแก้แค้น หากเป็นศัตรูย่อมไม่ใช้วิธีเช่นนี้ฆ่าคน” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “เห็นได้ชัดว่าเรื่องผลประโยชน์มีความเป็นไปได้มากกว่า หลังจากนางตาย ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดมีโอกาสเป็นฆาตรถึงเก้าส่วน”