สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 758 แม่นางน้อยผู้นี้ช่างเหี้ยมโหด

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 758 แม่นางน้อยผู้นี้ช่างเหี้ยมโหด

บทที่ 758 แม่นางน้อยผู้นี้ช่างเหี้ยมโหด

นายอำเภอกู่อาเจียนเป็นเวลานาน สุดท้ายนักการที่อยู่ข้าง ๆ ก็พยุงเขาให้เดินไปทั้งที่ขายังสั่นเทา

เมื่อเห็นฉากนองเลือดใกล้ ๆ แล้วนายอำเภอกู่ยิ่งรู้สึกผะอืดผะอมมากกว่าเดิม

“สตรีผู้นี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก” นายอำเภอกู่เอ่ยด้วยความโมโห “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าก็ไม่ควรทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้ ตอนนี้เจ้ากำลังรุมประชาทัณฑ์ในทางที่ผิด เช่นนั้นก็ตามข้าไปเข้าคุกเถิด!”

“ท่านอยากให้ข้าเข้าคุกหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอียงศรีษะ สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ท่านรู้หรือไม่ว่าพวกเขาทำอะไรลงไปบ้าง?”

“ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร เจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนี้” นายอำเภอกู่เอ่ยอย่างเฉียบขาด

“แม้ว่าพวกเขาจะฆ่าคน จุดไฟเผา ปล้นสะดม หรือฉุดผู้อื่นอย่างนั้นรึ?”

นายอำเภอกู่ถึงกับสะอึก

เมิ่งหูเซิงที่อยู่ข้าง ๆ กอดต้นขานายอำเภอกู่เอาไว้แน่น หวาดผวาประหนึ่งสุนัขที่ตกใจกลัว เขาร้องเสียงหลง อีกทั้งถ้อยคำที่เอ่ยออกมาล้วนจับใจความได้ไม่ชัดเจน

“ใต้เท้า… ช่วยข้าด้วย… นางจะฆ่าคน… นางจะฆ่าพวกเราทั้งหมด… ใต้เท้า… น่ากลัวเหลือเกิน…”

“นักการ พาตัวนางออกไป!” นายอำเภอกู่สั่งเจ้าหน้าที่ทางการ

ผู้คุ้มกันที่เฝ้าอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวข้างในจึงรีบรุดเข้ามาทันที

พวกเขาล้อมนายอำเภอกู่และคนอื่น ๆ เอาไว้

เจ้าหน้าที่ทางการเหล่านั้นฝีมือดีกว่าคนธรรมดาทั่วไปอยู่บ้าง ทว่าเมื่อเห็นท่าทางพร้อมสังหารของบรรดาผู้คุ้มกัน พวกเขาจะกล้าก้าวออกไปได้อย่างไร?

ไม่เห็นมือที่ถูกฟันขาดอยู่บนพื้นหลายคู่นั่นหรือ? เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานชั้นยอดของพวกผู้คุ้มกัน เงินเดือนของพวกเขาไม่ได้มากมายนัก พวกเขาย่อมไม่อาจเสี่ยงชีวิตเพื่อเงินเล็กน้อยนี้ได้

“พวกเจ้าคิดจะก่อกบฏหรือไร?” นายอำเภอกู่ฉุนเฉียวเป็นอย่างยิ่ง

ลู่จื่ออวิ๋นนำป้ายอันหนึ่งออกมา วางลงตรงหน้านายอำเภอกู่

“นี่….” นายอำเภอกู่มองดูคำที่สลักอยู่บนนั้น ‘เสมือนเรามาด้วยตนเอง’ ก็ตกใจจนเข่าอ่อน ทรุดลงนั่งบนพื้น “เจ้า… ที่แท้เจ้า…”

“ใต้เท้าคงไม่ทราบ ข้าแซ่ลู่” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าวอย่างอ่อนโยน “คนเหล่านี้ทำร้ายน้องสาวข้า ข้ามาที่นี่เพื่อทวงความยุติธรรมให้นาง นี่เป็นเรื่องส่วนตัว ใต้เท้าว่าถูกหรือไม่?”

สีหน้าของนายอำเภอกู่แปรเปลี่ยนฉับพลัน

เขาหันไปมองเมิ่งหูเซิง “เจ้าทำร้ายคุณหนูรองลู่หรือ?”

เมิ่งหูเซิงพลันสับสนกับการแสดงออกของนายอำเภอกู่

จนกระทั่งบัดนี้นี่เอง มีเรื่องหนึ่งที่เขาไม่อาจไม่ยอมรับ คือครานี้เขาชนกำแพงเหล็กเข้าแล้ว

“คนของข้าไม่รู้จักกฎเกณฑ์ ทำร้ายคุณหนูท่านนั้นเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้พวกเขาถูกลงโทษแล้ว เรื่องนี้ก็ให้แล้วกันไปเถิด” สิ้นคำ เมิ่งหูเซิงก็ยิ้มอย่างขอโทษขอโพยลู่จื่ออวิ๋น “คุณหนูลู่ ผู้ใหญ่ของท่านกว้างขวางใหญ่โต ถือเสียว่าข้าเป็นเพียงลมตดเถิด!”

ลู่จื่ออวิ๋นไม่เคยเห็นคนไร้ยางอายถึงเพียงนี้มาก่อน

อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนที่พอมั่งมีอยู่บ้าง คนประเภทนี้ควรมีเกียรติจึงจะถูก ทว่าเมื่อดูท่าทางเช่นนั้นของอีกฝ่ายแล้ว แม้แต่สุนัขที่อยู่ข้างนอกก็ยังมีศักดิ์ศรีมากกว่าเขา

“ข้าเคยบอกแล้ว ถ้าเจ้าตัดแขนข้างหนึ่ง แล้วภายหน้าไม่ต้องทำการค้าอีก เรื่องทั้งหมดก็จะจบลงตรงนี้”

“คุณหนูลู่ให้อภัยได้ก็ควรให้อภัย อย่าได้บีบบังคับให้ผู้อื่นถึงตาย” สีหน้าเมิ่งหูเซิงโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง

“หากข้าต้องการบีบบังคับเจ้าเล่า? เจ้าถามใต้เท้ากู่ดูสิว่า ต่อให้ข้าบีบบังคับให้เจ้าตาย เจ้าจะทำอะไรข้าได้? เจ้าลองไปถามข้างนอกดูก็ได้ หากมีชาวบ้านแม้เพียงผู้เดียวยินยอมออกหน้าเพื่อเจ้า ครานี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป อย่างไรก็ตาม หากมีชาวบ้านที่เกลียดชังเจ้าอยากให้เจ้าตาย เช่นนั้นเจ้าย่อมไม่ใช่แค่ถูกหักแขนข้างข้างเดียวไถ่โทษแล้ว เจ้ากล้าออกไปหรือไม่เล่า?”

“ใต้เท้ากู่ ท่านต้องตัดสินให้ข้าน้อยนะขอรับ!” เมิ่งหูเซิงทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับนายอำเภอกู่เท่านั้น

นายอำเภอกู่ลดเสียงลงแล้วเอ่ย “ข้าตัดสินไม่ได้ ท่านนั้นคือบุตรสาวอัครมหาเสนาบดี ในมือนางคือป้ายที่ฝ่าบาทประทานให้ ด้วยป้ายนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงขุนนางเล็ก ๆ เช่นข้า ต่อให้บิดาของนางอยู่ที่นี่ก็ยังต้องเชื่อฟัง”

ลู่จื่ออวิ๋นเท้าคางตนเอง

ที่แท้ป้ายนี่มีประโยชน์เช่นนี้ด้วย

น่าเสียดายที่ต่อให้ไม่ต้องใช้ป้ายนี้ ท่านพ่อของนางก็ยังคงฟังนางอยู่ดี

ครานี้เมิ่งหูเซิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจริง ๆ

เจ้าโง่พวกนั้นไปล่วงเกินลูกสาวอัครมหาเสนาบดีได้อย่างไรกัน?

ไม่ถูกสิ เหตุใดลูกสาวอัครมหาเสนาบดีถึงได้มาอยู่ในที่เล็ก ๆ เช่นนี้ได้เล่า? พวกเขาไม่ควรอยู่ในเมืองหลวงหรือ?

คนของเขาที่ส่วนใหญ่ทำงานล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ เหตุใดต้องไปทำร้ายลูกสาวอัครมหาเสนาบดีด้วย? ตอนนี้ทานไม่หมดยังต้องห่อกลับ ไม่ได้นำผลดีใด ๆ มาให้เขาเลย

มิน่าเล่าผู้คุ้มกันเหล่านั้นจึงอาละวาดไปทั่ว บอกว่าจะฟันก็ฟัน ไม่เห็นขุนนางเล็กน้อยอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ที่แท้บิดานางอยู่ใต้คนผู้เดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่นนี่เอง นอกจากฝ่าบาทแล้ว ไม่มีผู้ใดควรค่าให้พวกเขาเห็นเป็นจริงเป็นจัง

ตายแน่แล้ว!

“คุณหนูลู่…” เมิ่งหูเซิงคุกเข่าลงบนพื้น ร้องขอวิงวอนต่อลู่จื่ออวิ๋น “ผู้น้อยยินดีเป็นสุนัขรับใช้ท่าน โฮ่ง โฮ่ง… ขอแค่เพียงคุณหนูลู่มอบทางออกให้ข้า…”

สายตาของลู่จื่ออวิ๋นเต็มไปด้วยความรังเกียจ

นางลุกขึ้นแล้วเอ่ยกับนายอำเภอกู่ที่อยู่ข้าง ๆ “ในเมื่อใต้เท้ากู่มาถึงที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านเถอะ!”

นายอำเภอกู่นึกไม่ถึงว่าจู่ ๆ ลู่จื่ออวิ๋นจะคุยด้วยง่ายเพียงนี้ แววตาของเขาจึงเต็มไปด้วยความฉงน

“มอบให้ข้าน้อยจัดการหรือ?”

“แน่นอน” ลู่จื่ออวิ๋นแย้มยิ้มอย่างใสซื่อบริสุทธ์ ไม่เหมือนนางปีศาจที่มองคนถูกฟันโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าอย่างเมื่อครู่นี้แม้แต่น้อย “ที่นี่เป็นเขตอำนาจของท่าน เกิดเหตุการณ์ชาวบ้านผู้เลี้ยงหนอนไหมถูกรังแก อีกทั้งยังถูกเอารัดเอาเปรียบ เด็กหนุ่มจากสกุลที่ดีงามเองก็ถูกฉุดไป แน่นอนว่าใต้เท้าต้องตัดสินเพื่อราษฎร ข้าเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่ง ไม่ได้เป็นขุนนางท้องที่ จะรุมประชาทัณฑ์คนได้อย่างไร?”

นายอำเภอกู่เข้าใจแล้ว ที่แท้นางกำลังรอเขาอยู่ตรงนี้นั่นเอง! ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า

“คุณหนูลู่กล่าวได้ถูกต้อง เดิมทีนี่ก็เป็นสิ่งที่ข้าน้อยควรทำ”

ลู่จื่ออวิ๋นที่กำลังจะหมุนตัวจากไป หันกลับมาเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย “เช่นนั้นราษฎรอย่างพวกข้าจะรอฟังข่าวดีจากใต้เท้ากู่”

เมิ่งหูเซิงนั่งยอง ๆ ลงบนพื้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว “จบสิ้นแล้ว…”

ครั้งนี้จบลงแล้วจริง ๆ

เหตุใดเขาจึงได้โชคร้ายถึงเพียงนี้ ไยไปพบกับปีศาจผู้นั้นเข้า?

ใต้เท้ากู่โบกมือ “พาคนจวนเมิ่ง… พาทุกคนในจวนเมิ่งไปขังคุก ข้าจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดี”

เมื่อลู่จื่ออวิ๋นออกจากจวนเมิ่งพร้อมคนของนาง คนข้างนอกล้วนต้องตกตะลึง

“แม่นางผู้นั้น… ที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่?”

“พวกท่านไม่รู้สึกว่านางดูคุ้น ๆ บ้างหรือ?”

“รูปโฉมโดดเด่นเช่นนี้ ก่อนหน้าเคยเห็นอยู่ผู้หนึ่ง คนผู้นั้นงดงามเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้นาง… ไม่ใช่กระมัง? ท่านหมายความว่า… คนผู้นั้นคือคุณหนูจวนลู่ คุณหนูใหญ่ลู่ในตอนนั้นหรือ?”

“นอกจากนาง ท่านคิดว่าผู้ใดจะมีรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ได้อีก? นอกจากนี้ พวกเราไม่ได้พบนางมาหลายปีแล้ว คุณหนูลู่คงอายุราว ๆ นี้ อีกทั้งหากนางโตขึ้นมาคงมีรูปร่างหน้าตาไม่ผิดไปจากนี้นัก”

ชาวบ้านต่างสงสัยเรื่องตัวตนของลู่จื่ออวิ๋นเป็นอย่างมาก เมื่อลองสืบเสาะดูจึงพบว่านางมาจากจวนสกุลลู่จริง ๆ นี่หมายความว่าอย่างไร? นางคือลูกสาวคนโตของลู่อี้และมู่ซืออวี่ คุณหนูใหญ่แห่งสกุลลู่!

“คนแซ่เมิ่งแย่แน่แล้ว”

“ได้ยินมาว่าคนของเขาทำร้ายคุณหนูรองสกุลลู่โดยไม่ได้ตั้งใจถึงได้โดนเอาคืน”

ลู่จื่ออวิ๋นโผล่หัวของนางเข้าไปอย่างเงียบ ๆ มองดูข้างใน เมื่อแน่ใจแล้วว่ามู่ซืออวี่ไม่ได้อยู่ที่นั่น นางจึงเดินออกไป

ขณะที่นางกำลังจะวิ่งไปยังเรือนตนเอง เพียงก้าวออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นมู่ซืออวี่ยืนอยู่ตรงกันข้ามพร้อมรอยยิ้ม

“กลับมาแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่ยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยนเป็นพิเศษ

ลู่จื่ออวิ๋นก้มหน้าลงอย่างว่าง่าย “ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน