บทที่ 759 ปิดบังไม่ได้อีกแล้ว
บทที่ 759 ปิดบังไม่ได้อีกแล้ว
“ตามข้าเข้ามา” สิ้นคำ มู่ซืออวี่ก็หมุดตัวเดินไปทางห้องตำรา
ลู่จื่ออวิ๋นมองซางจือที่อยู่ข้าง ๆ
ซางจือลดเสียงลงแล้วเอ่ยว่า “คุณหนูวางใจเถิด ฮูหยินตัดใจลงโทษไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
ในห้องตำรา มู่ซืออวี่กำลังจะดื่มน้ำ กลับพบว่าน้ำเย็นเสียแล้ว ก่อนที่นางจะได้เอ่ยปาก ลู่จื่ออวิ๋นก็ยกกาชาขึ้นมาแล้วเอ่ยกับซางจือที่อยู่ข้าง ๆ “ซางจือ รีบไปอุ่นชาร้อน ๆ มาเร็วเข้า”
ซางจือรับคำสั่ง
“ท่านแม่ ท่านอย่าโกรธไปเลย หากโกรธจะทำร้ายร่างกายเอาได้ง่าย ๆ นะเจ้าคะ” ลู่จื่ออวิ๋นบีบนวดไหล่ของมู่ซืออวี่ เสียงของนางหวานเจื้อยแจ้ว ดูว่านอนสอนง่ายเป็นอย่างยิ่ง “ลูกรู้ความผิดแล้ว ลูกบุ่มบ่ามไป ลูกสัญญาว่าจะไม่มีครั้งต่อไปอีก”
มู่ซืออวี่ “…”
สิ่งที่ตนจะพูดนางก็ได้พูดไปหมดแล้ว นี่ยังมีอะไรให้สอนสั่งอีกหรือ?
“วันนี้เจ้ากระทำบุ่มบ่าม พวกเราจึงปกปิดที่อยู่ของเราไม่ได้อีกแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “นี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ อย่างมากพวกเราก็บอกว่ามาเยี่ยมญาติได้ ปรากฏตัวที่นี่ไม่มีอะไรแปลก ผลกระทบที่ใหญ่หลวงที่สุดคือชื่อเสียงของเจ้าต่างหาก เจ้ามอบชื่อเสียงโหดเหี้ยมทารุณให้ตนเอง ไม่รู้ว่ามีผู้คนมากน้อยเพียงใดที่เกลียดชังและนินทาว่าร้ายลับหลังเจ้า”
“ท่านแม่ ท่านก็กล่าวอยู่ว่าผู้คนเหล่านั้นเกลียดชังข้า” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาจะพูดอะไรสำคัญด้วยหรือ? สิ่งที่พวกเขาพูดจะกระทบอะไรข้าได้เล่า?”
“แม่ก็ไม่ใช่คนที่สนใจความคิดของผู้อื่น เพียงแต่ไม่อยากให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมเท่านั้น” มู่ซืออวี่คว้ามือบุตรสาวมาจับ “เรื่องถูก ๆ ผิด ๆ เหล่านั้น ผู้อื่นพูดไม่น่าฟังเพียงใดข้าล้วนได้ยินมาหมดแล้ว เดิมทีข้าไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย เพียงแต่อวิ๋นเอ๋อร์ของข้าดียิ่งนัก หากได้ยินผู้อื่นพูดว่าเจ้าไม่ดี แม่ย่อมปวดใจ”
“ไม่ต้องกังวล ท่านแม่” ลู่จื่ออวิ๋นเอียงศีรษะพิงไหล่มู่ซืออวี่ “ผู้ที่เข้าใจเราจริง ๆ จะไม่สนใจเรื่องนี้ ข่าวลือไม่น่าฟังเหล่านั้นจะทำได้เพียงขับไล่ผู้ที่ไม่รู้จักเราดีพอออกไป”
“เจ้าให้คนฟันมือของคนเหล่านั้นจริง ๆ หรือ?”
“ฟันไปเจ็ดแปดคนกระมังเจ้าคะ”
“แม้กระทั่งแม่ยังไม่เคยทำเรื่องน่าหวาดกลัวเช่นนั้น เจ้าไม่กลัวหรือ?”
“อันที่จริงแล้วกลัวเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นลดเสียงลงแล้วเอ่ยว่า “แต่ข้าบอกตนเองว่า คนเหล่านี้ควรได้รับการลงโทษ ท่านแม่ ท่านไม่รู้หรอกว่า ข้าพบเรื่องราวชั่วช้าเกี่ยวกับคนเหล่านี้มากเพียงใด ถึงแม้พวกเขาตายไปก็ไม่สามารถเป็นผู้บริสุทธิ์ได้อยู่ดี อย่างไรก็ตาม ข้าระบายโทสะแทนน้องหญิงแล้ว ที่เหลือปล่อยให้นายอำเภอจัดการ หากเขาต้องการเลื่อนขั้นสร้างเกียรติคุณก็ควรคว้าโอกาสนี้เอาไว้”
แน่นอนว่านายอำเภอกู่ต้องคว้าโอกาสนี้
เมิ่งหูเซิงและพรรคพวกถูกตัดสินโทษอย่างรวดเร็ว
ทรัพย์สินที่ได้รับมาโดยไม่ชอบของเมิ่งหูเซิงถูกริบทรัพย์แล้ว จากนั้นเมื่อดูจากสมุดบัญชีของเขา ทางการก็นำเงินทั้งหมดที่ติดค้างไปชดใช้ให้ชาวบ้านผู้เลี้ยงหม่อนไหม ส่วนเด็กหนุ่มที่ถูกฉุดมา ทุกคนได้รับเงินเป็นจำนวนมากแล้วจากไป อีกทั้งยังมีผู้บริสุทธิ์ที่ถูกเมิ่งหูเซิงและลูกน้องฆ่า ครอบครัวของพวกเขาเหล่านั้นก็ได้รับค่าชดเชยจำนวนมากเช่นกัน
แน่นอนว่าคนตายแล้ว เงินย่อมไม่อาจทดแทนได้ ทว่าเงินสามารถทำให้คนในครอบครัวใช้ชีวิตง่ายขึ้นกว่าเดิม นี่นับว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะทดแทนได้แล้ว
“คุณหนู…” บ่าวรับใช้เดินเข้ามา “คุณหนูใหญ่ คุณชายน้อย คุณหนูรอง ท่านน้าเล็ก…”
เด็กหลายคนที่กำลังทานผลไม้หันมามองบ่าวรับใช้ที่เดินเข้ามา
“ข้างนอกมีคนมากมายมา พวกเขาอยากมาขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ”
“ผู้ใดหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม
“เป็นชาวบ้านเลี้ยงไหมเหล่านั้นเจ้าค่ะ”
“ที่แท้เป็นพวกเขา” ลู่จื่อชิงเอ่ย “เช่นนั้นให้พวกเขาเข้ามาเถอะ!”
หลังจากสั่งบ่าวรับใช้แล้ว นางก็หันมาเอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋น “พี่หญิง ข้าผูกสัมพันธ์กับสหายไว้ไม่น้อย ครอบครัวพวกเขาเลี้ยงหนอนไหม ถึงแม้เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพราะพวกเขา แต่พวกเขาเป็นผู้ถูกกระทำ พี่หญิงอย่าได้โกรธพวกเขาเลยนะเจ้าคะ”
ลู่จื่ออวิ๋นดีดนิ้วลงบนหน้าผากลู่จื่อชิง “ในสายตาเจ้า พี่สาวเจ้าเป็นคนไม่รู้จักแยกแยะถูกผิดหรือ?”
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ! แน่นอนว่าไม่ใช่” ลู่จื่อชิงแลบลิ้นออกมา “พี่หญิงข้าดีที่สุดแล้ว รู้ว่าข้าเสียเปรียบจึงออกไปช่วยระบายโทสะให้ ผลที่ได้คือตอนนี้มีชื่อเสียงเป็นแม่เสือผู้โหดร้ายตัวหนึ่งแล้ว”
“ลู่จื่อชิง เจ้าอยากโดนตีแล้วใช่หรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นโมโห “ข้าทำเรื่องเหล่านี้ไปเพื่อผู้ใด? เจ้าเด็กน้อยคนนี้เป็นหมาป่าตาขาวไปแล้วจริง ๆ”
บ่าวรับใช้เดินเข้ามาพร้อมกับชาวบ้านผู้เลี้ยงไหม
พวกเขาคุกเข่าลงต่อหน้าพวกลู่จื่ออวิ๋น โขกศีรษะด้วยความซาบซึ้งใจ
“หากไม่ใช่เพราะคุณหนู พวกเราคงจะไม่สามารถกำจัดนายท่านเมิ่งผู้นี้ไปได้ คุณหนูมีพระคุณต่อเรา เรากลับไม่มีสิ่งใดตอบแทน ทำได้เพียงเป็นวัวเป็นม้าให้ท่าน คุณหนูได้โปรดรับพวกเราเอาไว้ด้วยเถิด”
“ข้าไม่ต้องการให้พวกท่านมาเป็นวัวเป็นม้า” ลู่จื่ออวิ๋นผายมือไปทางบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ให้ช่วยพยุงชาวบ้านผู้เลี้ยงไหมขึ้นมา
“คุณหนูมีพระคุณ พวกเราไม่อาจตอบแทนความเมตตาของท่านได้ หมู่บ้านของพวกเราเป็นผู้เลี้ยงหนอนไหม รังไหมยังพอนำออกมาได้ หากคุณหนูไม่รังเกียจ ได้โปรดรับของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ของเราไว้ ไม่ใช่พวกเราไม่รู้จักเจียมตน แต่รังไหมจากหมู่บ้านของพวกเรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เช่นนั้นนายท่านเมิ่งผู้นั้นคงไม่ทำทุกวิถีทางเพื่อบีบพวกเราให้เลี้ยงหนอนไหมและสาวไหมให้เขา” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว
“โอ้? เช่นนั้นนำมาดูเถิด”
บ่าวรับใช้รับรังไหมมา แล้วนำมาให้ลู่จื่ออวิ๋น
ลู่จื่ออวิ๋นมองรังไหมที่อยู่ตรงหน้านางด้วยสายตาชื่นชม “ไม่เลว เลี้ยงได้ดีมากจริง ๆ”
“ขอบคุณคุณหนูที่กล่าวชม”
“พวกท่านอยากตอบแทนข้าจริง ๆ หรือ?”
“แน่นอนว่าจริง” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ย “คุณหนูอยากให้เราทำสิ่งใดเราก็ทำสิ่งนั้น พวกเราจะถือเป็นภาระหน้าที่ ไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”
“เรื่องอื่นนั้นไม่จำเป็น ความสามารถในการเลี้ยงไหมของพวกท่านดีทีเดียว ข้าจะให้คนนำหนอนไหมชนิดพิเศษชุดหนึ่งส่งไปให้พวกท่าน หนอนไหมเหล่านั้นเรียกว่าหนอนไหมน้ำแข็ง ไหมที่พวกมันสร้างมีความเย็น ดังนั้นผ้าที่ทำจากไหมชนิดนี้จึงเป็นผ้าที่มีความเย็น เหมาะที่จะสวมใส่ในฤดูร้อน อย่างไรก็ตาม หนอนไหมน้ำแข็งนี้เลี้ยงได้ยากยิ่งนัก หากพวกท่านเลี้ยงมันออกมาได้ ไม่จำเป็นต้องเอ่ย ภายหน้าย่อมได้รับรางวัลตอบแทนอย่างแน่นอน”
“พวกเรายินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณหนู รางวัลตอบแทนใด ๆ นั้นไม่จำเป็น พวกเราเพียงอยากทำบางอย่างให้ท่าน” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ย “เพียงแต่พวกเราไม่เคยเลี้ยงของหายากเช่นนี้ หากพวกเราทำให้มันตาย…”
“พวกท่านเพียงพยายามให้ดีที่สุดก็เป็นพอ แม้จะล้มเหลวจริง ๆ ก็ไม่อาจทำอะไรได้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “เท่าที่ข้ารู้ ไม่ใช่ผู้ใดก็เลี้ยงหนอนไหมชนิดนี้ได้ ถึงขั้นที่ว่ามีเพียงคนจากอาณาจักรเหลียงที่เลี้ยงมันได้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม วิธีเลี้ยงกลับถูกเก็บเป็นความลับ จึงมีคนจำนวนน้อยยิ่งที่ได้สวมใส่ผ้าชนิดนี้ หากพวกท่านทำเรื่องนี้สำเร็จ ย่อมเป็นคุณงามความดีต่ออาณาจักรเรา ถึงตอนนั้นข้าจะขอให้ฝ่าบาทพระราชทานป้ายให้หมู่บ้านพวกท่านด้วยพระองค์เอง จากนั้นหมู่บ้านของพวกท่านก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความมั่งคั่งรุ่งเรืองแล้ว”
“ขอบคุณคุณหนู!” หัวหน้าหมู่บ้านอดที่จะดีใจไม่ได้
หลังจากชาวบ้านเลี้ยงไหมกลับไปแล้ว ซางจือจึงเอ่ยว่า “คุณหนู ไหมน้ำแข็งเหล่านั้นมีค่ามากเลยนะเจ้าคะ พวกเราจ่ายเงินไปจำนวนมากจึงซื้อมาได้ยี่สิบคู่ หากหนึ่งในนั้นตาย เท่ากับสูญเงินหนึ่งร้อยตำลึงทองเลยนะเจ้าคะ ท่านจะส่งให้พวกเขาจริง ๆ หรือ?”
“รังไหมที่พวกเขาให้ข้านั้นไม่เลวจริง ๆ อีกทั้งยังมีคุณภาพสูงยิ่ง ข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดเหมาะสมกว่าพวกเขาแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “หากตายก็ไม่เป็นไร อย่าได้กดดันพวกเขาเลย”