บทที่ 760 ใช้เงินอย่างสูญเปล่า
บทที่ 760 ใช้เงินอย่างสูญเปล่า
ซางจือส่ายศีรษะ “ท่าทีของคนรวยเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะมีคนอิจฉามากน้อยเพียงใด”
ลู่จื่ออวิ๋นหันไปมองลู่จื่อชิง “เจ้าคิดว่าชาวบ้านเหล่านั้นเป็นอย่างไร?”
ลู่จื่อชิงเอียงศีรษะเล็ก ๆ ของนาง หยุดคิดอยู่ชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยว่า “พวกเขารู้ว่าควรขอบคุณ ล้วนเป็นคนที่ไม่เลวเลย”
“เจ้าคิดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อตอบแทนบุญคุณจริง ๆ หรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นลูบหัวของลู่จื่อชิงเบา ๆ จากนั้นก็หันไปมองจูเฉิน “ท่านน้าเล็ก ท่านคิดเห็นอย่างไร?”
ลู่จื่อชิงเอ่ยขึ้น “พวกเขาบอกว่ามาเพื่อตอบแทนบุญคุณนี่เจ้าคะ!”
“บางทีพวกเขาอาจมาเพื่อตอบแทนบุญคุณจริง ๆ ทว่าก็มีเจตนาเพื่อตนเองเช่นกัน” จูเฉินกล่าว “วีธีตอบแทนบุญคุณมีมากมาย ทว่าไม่จำเป็นต้องมาที่จวนลู่อย่างเอิกเกริกเช่นนี้ เมื่อพวกเขาทำเช่นนี้แล้ว ทุกคนย่อมรับรู้ว่าจวนลู่ช่วยพวกเขาไว้ จวนลู่คือผู้หนุนหลังพวกเขา ภายหน้าหากมีคนคิดจะรังแก เช่นนั้นก็ต้องดูแล้วว่าจวนลู่จะเห็นด้วยหรือไม่ นอกจากนี้พวกเขายังนำรังไหมของตนติดตัวมาด้วย ข้าคิดว่าพวกเขาคงรู้ว่าเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์เชี่ยวชาญด้านการเย็บปักถักร้อย”
“ตั้งแต่โบราณมา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเย็บปักถักร้อยผู้ใดบ้างไม่ชอบผ้าดี และผ้าดีล้วนทำมาจากไหม ดังนั้นไหมที่ดีย่อมสำคัญเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาจงใจดึงดูดความสนใจของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์”
ลู่จื่ออวิ๋นมองจูเฉินด้วยความชื่นชม “ท่านน้าเล็กช่างฉลาดจริง ๆ”
“คนเหล่านี้มีความคิดอ่านมากมายเพียงนั้น คุณหนูรองถูกพวกเขาดึงไปอยู่ในแผนการแล้วกระมังเจ้าคะ?” ติงเซียงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นมา
“ข้าให้คนไปตรวจสอบดูแล้ว การที่ชิงเอ๋อร์ไปที่ชนบทเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ เรื่องนี้ไม่อาจตำหนิพวกเขาได้ ถ้าหากพวกเขาวางแผนโดยดึงชิงเอ๋อร์เข้าไปเกี่ยวจริง ๆ ข้าย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไป” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “อันที่จริง ขอเพียงแผนการของพวกเขาไม่ได้อันตรายต่อพวกเราก็นับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หากสิ่งที่พวกเขาทำส่งผลร้ายต่อพวกเรา เช่นนั้นคนดีนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแล้ว น้องหญิง เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
ลู่จื่อชิงพยักหน้าหงึก ๆ “ข้ารู้แล้ว พี่หญิง”
ลู่ฉาวจิ่งดึงลู่จื่อชิงมาหา “พี่หญิงรอง บาดแผลของท่านยังเจ็บหรือไม่?”
ลู่จื่อชิงสั่นศีรษะ “ไม่เจ็บแล้ว”
ลู่จื่ออวิ๋นพบสิ่งที่ตนต้องการทำในเมืองฮู่เป่ย นางปรากฏตัวในหมู่บ้านแห่งนั้นพร้อมกับคนของนางเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน คอยตรวจดูชาวบ้านผู้เลี้ยงหนอนไหมน้ำแข็ง
“หัวหน้าหมู่บ้าน ยังไม่ได้ขอรับ” คนเลี้ยงหนอนไหมผู้หนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ตายไปสามแล้ว นี่จะทำอย่างไรดี? ข้าได้ยินมาว่าหนอนไหมน้ำแข็งเพียงตัวเดียวมีค่าถึงหนึ่งร้อยตำลึงทอง มัดพวกเราไปขายยังไม่พอชดใช้เลยนะขอรับ”
“ไม่จำเป็นต้องให้พวกท่านชดใช้” ลู่จื่ออวิ๋นสวมชุดกระโปรงสีแดง รูปโฉมที่งดงามของนางทำให้หมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญแห่งนี้มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที นางเยื้องย่างเข้ามาบอกกับชาวบ้าน “ตอนนั้นข้าเคยบอกแล้ว ขอเพียงแค่พวกท่านศึกษาให้ดี หากตายก็เป็นเรื่องของข้า พวกท่านไม่จำเป็นต้องชดใช้”
“คุณหนู หนอนไหมน้ำแข็งเหล่านี้เลี้ยงยากจริง ๆ ขอรับ” หัวหน้าหมู่บ้านรู้สึกละอายใจยิ่งนัก
“หัวหน้าหมู่บ้าน หากอยากมั่งคั่งร่ำรวย เช่นนั้นก็ต้องยอมจ่ายราคาของมัน ข้ามอบเงื่อนไขที่สบายที่สุดให้พวกท่านแล้ว หากผลลัพธ์ออกมาไม่ดียังไม่ให้ท่านจ่ายอะไร เช่นนี้ พวกท่านยังไม่ยินดีต่อสู้เพื่อตนเองและลูกหลานของพวกท่านอีกหรือ?”
“คุณหนูกล่าวได้ถูกต้องแล้ว!” หัวหน้าหมู่บ้านกัดฟัน “พวกเราจะต้องทำให้ดีที่สุด ใช้พลังทั้งหมดที่เรามีเพื่อเลี้ยงปากท้องลูกหลานต่อไป”
“หัวหน้าหมู่บ้าน หลี่กู่หยวนท้ายหมู่บ้านผู้นั้นก่อเรื่องอีกแล้วขอรับ” ชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งเข้ามาบอก “เขายืนกรานที่จะเลี้ยงหนอนไหมน้ำแข็งในน้ำแข็ง ท่านว่านี่…”
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมาแล้ว เมื่อเทียบกับชาวบ้านในหมู่บ้าน พวกหนอนไหมยังมีค่ามากกว่าเสียอีก ไม่อาจประมาทได้เป็นอันขาด
“คุณหนู ข้าน้อยจะไปดูก่อน”
ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกสนใจใคร่รู้ขึ้นมาจึงตามหัวหน้าหมู่บ้านไปด้วย
คนทั้งกลุ่มเดินมายังกระท่อมหลังหนึ่งที่ดูจะพังมิพังแหล่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน
“หลี่กู่หยวน!…” หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนเข้าไปข้างใน “เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าก่อเรื่องอีกแล้วใช่หรือไม่?”
ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินออกมา
เขาเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาผู้หนึ่ง
เขายิ้มให้หัวหน้าหมู่บ้านแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าหมู่บ้าน วิธีอื่นเราล้วนลองมาหมดแล้ว เหตุใดไม่ลองเพิ่มอีกสักวิธีเล่า? ในเมื่อมันเรียกว่าหนอนไหมน้ำแข็ง เส้นใยที่มันพ่นออกมาก็เป็นน้ำแข็ง แสดงว่ามันต้องไม่กลัวน้ำแข็งอย่างแน่นอน วางใจเถอะ มันไม่ถูกแช่แข็งหรอก”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันล้ำค่าเพียงใด?”
“รู้สิ! แต่คุณหนูท่านนั้นก็บอกแล้ว ขอเพียงเลี้ยงมันออกมาได้ วิธีการใดล้วนลองได้ทั้งสิ้น ถึงมันตายก็เป็นเรื่องของนาง”
“ถึงแม้คุณหนูจะบอกแล้ว…”
“เขากล่าวได้ไม่ผิด” ลู่จื่ออวิ๋นเปิดปากเอ่ย “และไม่ได้ทำอะไรผิดเช่นกัน”
“คุณหนู ท่านมาได้อย่างไร?” หัวหน้าหมู่บ้านไม่คิดว่าลู่จื่ออวิ๋นจะตามเขามา
ในตอนนี้เองหลี่กู่หยวนจึงได้สังเกตว่ามีดรุณีหน้าตางดงามผู้หนึ่งอยู่ด้วย
ดรุณีผู้นั้นสวมเสื้อผ้าที่ถักทออย่างดี บนศีรษะปักปิ่นระย้าทองรูปผีเสื้อ ดวงตาคู่นั้นใสกระจ่างราวกับน้ำค้างยามวสันต์ เพียงแค่มองแวบเดียวก็ทำให้ใจคนสั่นไหว
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาชะงักค้างไปชั่วครู่หนึ่งราวกับถูกแช่แข็ง กระทั่งหญิงสาวผู้นั้นมองมา สีหน้าเขาจึงสงบลง หัวเราะเฮฮาตามปกติ ราวกับไม่ได้สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
“คุณชายหลี่ ท่านลองต่อไปเถอะ ข้าคิดว่าความคิดของท่านมีเหตุผลทีเดียว”
หลี่กู่หยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูสายตากว้างไกลจริง ๆ เช่นนั้นข้าจะพยายามต่อไป”
“ดี!” ลู่จื่ออวิ๋นเห็นด้วย “ขาดเหลือสิ่งใดเพียงแค่เอ่ยปาก คนของข้าจะให้ความร่วมมือกับพวกท่านอย่างเต็มที่”
“จริงหรือ?”
“แน่นอน”
“สิ่งใดล้วนได้หรือ?”
“ขอเพียงแค่สมเหตุสมผล”
“เช่นนั้น… ครอบครัวผู้น้อยยากจน มารดาของผู้น้อยล้มป่วย ไม่รู้ว่าคุณหนูจะจ่ายเงินข้าล่วงหน้าหนึ่งร้อยตำลึงได้หรือไม่ ข้าจะยินดียิ่งหากท่านสามารถหาท่านหมอดี ๆ สักคนมาให้มารดาข้าได้”
“หลี่กู่หยวน เจ้าชักจะโอหังขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!” หัวหน้าหมู่บ้านเริ่มร้อนรนขึ้นมา
ชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็มองเขาด้วยความไม่พอใจเช่นกัน
พวกเขาได้รับงานที่ดีเช่นนี้ถือเป็นพรอย่างใหญ่หลวงจากบรรพบุรุษแล้ว หากหลี่กู่หยวนล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ผู้นี้ พวกเขาทั้งหมู่บ้านทานไม่หมดยังต้องห่อกลับ ไม่เห็นหรือว่าคหบดีเมิ่งร้ายกาจเพียงนั้นยังถูกคุณหนูท่านนี้ทำลายได้?
“ย่อมได้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ท่านเพียงแค่จดจ่ออยู่กับการเลี้ยงหนอนไหมน้ำแข็งก็พอ ข้าจะฝากฝังเรื่องมารดาท่านให้ผู้อื่นจัดการ หนึ่งร้อยตำลึงเงินไม่ใช่ปัญหา เชิญท่านหมอที่ดีที่สุดมาให้นางยิ่งไม่มีปัญหาเข้าไปใหญ่”
หลี่กู่หยวนหยุดหัวเราะ ค้อมคำนับด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ขอบคุณคุณหนู คุณหนูมีพระคุณ ผู้แซ่หลี่ยินดีที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่าน”
ชาวบ้านต่างตกตะลึง
เจ้าเด็กนี่ไร้ยางอายเพียงนี้ นึกไม่ถึงว่าผู้สูงศักดิ์ท่านนั้นจะรับปากเขาแล้ว
พวกชาวบ้านอดคิดไม่ได้ว่า หากพวกเขาเอ่ย…
ไม่ ๆๆๆ พวกเขาไม่ได้มีความกล้าเช่นนั้น
เจ้าเด็กคนนั้นไร้ยางอาย อีกทั้งยังกล้ายิ่งกว่าวัว หากวันใดวันหนึ่งทำให้ตนเองตายขึ้นมา เหล่าชาวบ้านคงจะไม่แปลกใจเลย
“คุณหนูเจ้าคะ” ติงเซียงเดินเข้ามา “ทางฮูหยินมีเรื่องบางอย่าง ขอให้ท่านรีบกลับไปทันทีเจ้าค่ะ”
“ทราบแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นหันกลับไปมองหัวหน้าหมู่บ้าน “หากมีเรื่องอะไรก็ส่งคนมาแจ้งข้า”
“ขอรับ คุณหนู”
ลู่จื่ออวิ๋นกลับเข้าไปในเมืองและไปหามู่ซืออวี่ที่อยู่ที่ร้าน ‘เรือนกรุ่นฝัน’ แล้วเอ่ยถาม “ท่านแม่ ท่านเรียกหาข้าหรือ?”
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ เกรงว่าทางพ่อเจ้าจะเกิดเรื่องแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกเราต้องเตรียมแผนรับมือล่วงหน้า ที่นี่อยู่ใกล้กับเมืองถงหยาง มีโอกาสที่เราจะถูกพวกโจรพุ่งเป้ามาสูง”
“เช่นนั้นท่านพ่อ…”
“ข้าไม่ห่วงพ่อเจ้า ใต้เท้าฉีอยู่กับเขา ทั้งคู่ล้วนมีเส้นสาย ไม่มีทางถูกแม่ทัพชายแดนเล็ก ๆ ผู้หนึ่งเล่นงานได้ อย่างไรก็ตาม พวกเราต้องวางแผนเพื่อเมืองฮู่เป่ย!”