ในระหว่างขั้นตอนการปรับแต่งเม็ดยา หลิงฮันพบเจอปัญหามากมาย
เพียงแต่ด้วยนิสัยอันหยิ่งทะนง ถ้าหากไม่ใช่ปัญหาที่แก้ด้วยตัวเองไม่ได้จริงๆ เขาก็ไม่คิดจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร ต่อให้ไม่มีปรมาจารย์ชื่อเฉิงอยู่ หลิงฮันก็เป็นพวกที่ชอบพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองอย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว
วันเวลาของโลกภายนอกผ่านไปสามเดือน ซึ่งภายในห้องหลอมเม็ดยาคือยี่สิบกว่าปี ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ หลิงฮันได้รับผลกระทบจากคำสาปอสูรทมิฬอาฆาตมาแล้วมากมายหลายครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งเขาก็พยายามขัดเกลาจิตใจให้สงบ จนสามารถเข้าใจแก่นแท้บางอย่างของคำสาปอสูรทมิฬอาฆาตได้
หลิงฮันทำการออกจากห้องหลอมเม็ดยาเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี และมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตที่ห้าเพื่อพบเจอปรมาจารย์จื่อเฉิง
เนื่องจากปรมาจารย์จื่อเฉิงได้ออกคำสั่งอนุญาติเอาไว้ก่อนแล้ว เขาก็สามารถไปยังอาณาเขตที่ห้าได้ตามต้องการ
“โอ้ เหตุใดเจ้าถึงมาเอาป่านนี้กัน?” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ เขาบอกให้หลิงฮันแก้ปัญหาด้วยตนเองเท่าที่จะทำได้ก็จริง แต่เขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอให้หลิงฮันมาขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่เช่นกัน
ในตอนแรกชายชราคิดว่าหลิงฮันจะมาหาเขาหลังจากเวลาผ่านไปราวๆสิบวัน แต่นี่กว่าหลิงฮันจะมาหา เวลากลับผ่านไปแล้วถึงสามเดือน!
ศิษย์ผู้นี้คงไม่ได้มัวเกียจคร้านอยู่ในห้องหลอมเม็ดยาหรอกนะ?
แต่ทันทีที่หลิงฮันเอ่ยคำถามแค่ละอย่างออกมา ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็รู้ทันทีที่ว่าเขาคิดผิด หลิงฮันไม่ได้เกียจคร้านแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเลย ศิษย์ของเขานั้นฝึกฝนจนความเข้าใจในทักษะห้วงจิตปรับแต่งพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เพราะไม่อย่างนั้นเขา หลิงฮันคงไม่สามารถกล่าวคำถามเหล่านี้ออกมาได้
ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่เพียงเป็นนักปรุงยามากประสบการณ์ แต่ยังมีสถานะเป็นถึงปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาวที่ยิ่งใหญ่ เขาจึงรู้ดีกว่าการที่หลิงฮันถามคำถามเหล่านี้ออกมาได้นั้นหมายความว่าอะไร
อัจฉริยะ!
อัจฉริยะไร้ที่เปรียบ!
ปรมาจารย์จื่อเฉิงรู้สึกอิ่มเอมใจ เขาอธิบายคำถามต่างๆที่หลิงฮันกล่าวออกมาอย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่ทางด้านของหลิงฮันส่งเสียง ‘โอ้ อ่อ อ่า’ ออกมาไม่หยุด
อย่ามองว่าการที่ปรมาจารย์จื่อเฉิง สามารถอธิบายปัญหาให้หลิงฮันเข้าใจได้ในสองสามประโยคนั้นเป็นเรื่องง่าย หากลองเปลี่ยนคนอธิบายเป็นนักปรุงยาสองดาว เกรงว่าคงไม่อาจอธิบายปัญหาที่หลิงฮันถามได้อย่างรวบรัดเช่นนี้
ปรมาจารย์จื่อเฉิงคือนักปรุงยาที่ฝึกสอนนักปรุงยาสี่ดาวมาแล้วถึงสามคน เพราะงั้นประสบการณ์ของเขาจึงไม่ได้โชกโชนเพียงแค่ศาสตร์ปรุงยา แต่ความสามารถในการสอนของเขาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
“เจ้าหนู เจ้าเป็นรุ่นเยาว์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!” ปรมาจารย์จื่เฉิงพยักหน้ากับตัวเอง และมองไปยังหลิงฮันด้วยแววตาเอ็นดู
ถึงแม้ศิษย์ตัวน้อยของเขาผู้นี้จะเพิ่งเข้าสู่ศาสตร์แห่งการปรุงยา แต่พรสวรรค์ที่แสดงออกมานั้นนับว่าน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
ด้วยการสั่งสอนจากอาจารย์ที่มากประสบการณ์เช่นเขา ควบคู่ไปกับพรสวรรค์และความมุมานะของหลิงฮัน บางทีอาจจะมีนักปรุงยาห้าดาวถือกำเนิดขึ้นมาจริงๆก็เป็นได้!
นักปรุงยาห้าดาว!
เพียงแค่คิด ปรมาจารย์จื่อเฉิงก็ตัวสั่นสะท้านและขนลุก
“ดูเหมือนการบรรลุทักษะห้วงจิตปรับแต่งในหนึ่งปี จะมีความหวังแล้ว!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ที่เขามอบเวลาให้หลิงฮันเพียงหนึ่งปี อันที่จริงเขาแค่อยากสร้างแรงกระตุ้นและความกดดันให้กับหลิงฮันเท่านั้น ซึ่งเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลิงฮันจะทำภารกิจที่เขามอบหมายให้ สำเร็จในหนึ่งปีจริงๆ
แต่เรื่องที่ชายชราไม่รู้ก็คือหลิงฮันนั้นมีต้นสังสารวัฏ ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าที่แม้แต่ขุมอำนาจราชานิรันดร์ก็ไม่อาจมีในครอบครอง มันคือปัจจัยหลักที่ช่วยมอบความหวัง ในการบรรลุห้วงจิตปรับแต่งภายในหนึ่งปีให้แก่หลิงฮัน
หลิงฮันเดินทางกลับอาณาเขตที่สี่ และทำการฝึกฝนศาสตร์ปรุงยาต่อ
หากเม็ดยาถูกหลอมขึ้นมาได้คุณภาพไม่ดีพอ ก็ยังสามารถยกระดับคุณภาพของมันด้วยทักษะห้วงจิตปรับแต่งได้ แต่ถ้าหากทำการปรับแต่งล้มเหลว เม็ดยานิรันดร์เม็ดยานั้นก็จะกลายเป็นไร้คุณภาพ และไม่มีโอกาสให้ปรับแต่งใหม่อีกต่อไป
ด้วยเหตุผล ในช่วงเวลาการภายปีภายในห้องหลอมเม็ดยา ทรัพยากรที่หลิงฮันสูญเสียไปจึงมีมากมายมหาศาล
เขาหลอมเม็ดยาขึ้นใหม่เพื่อฝึกฝนทักษะห้วงจิตปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเม็ดยาที่ถูกทดลองทั้งหมดก็แหลกสลายกลายเป็นขยะไร้ค่า ซึ่งทุกครั้งที่ล้มเหลว หลิงฮันจะเข้าไปยังหอคอยทมิฬ และนั่งใต้ต้นสังสารวัฏวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ล้มเหลว เพื่อที่จะได้ไม่ผิดพลาดซ้ำสอง
ที่โลกภายนอก ระยะเวลาได้ผ่านมาครบหนึ่งปีแล้ว แต่หลิงฮันก็ยังปรับแต่งเม็ดยาไม่สำเร็จ ที่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาทำตามความหวังของคนอื่นไม่สำเร็จ เพียงแต่หลิงฮันก็ไม่ได้เก็บมาคิดมากและทุ่มเทฝึกฝนต่อไป
ถ้าหากปรมาจารย์จื่อเฉิงมาเห็นการใช้ทักษะของหลิงฮันในตอนนี้ ชายชราจะต้องตกตะลึงมากเป็นแน่ …นั่นเพราะ ทักษะการปรับแต่งที่หลิงฮันกำลังฝึกฝนนั้น เป็นสิ่งที่เขาพัฒนามาจากความเขาใจของตนเอง ไม่ได้เลียนแบบมาจากชายชราผู้เป็นอาจารย์ทั้งหมด
รับความรู้… ซึมซับ… และเปลี่ยนให้กลายเส้นทางของตนเอง ไม่ใช่การคัดลอกมาทั้งหมด
ถ้าหากหลิงฮันฝึกฝนตามเส้นทางของปรมาจารย์จื่อเฉิงล่ะก็ เขาสามารถปรับแต่งเม็ดจาได้สำเร็จตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว เพียงแต่เขารู้ดีว่ารากฐานคือตัวแปรที่สำคัญที่สุด ว่าในอนาคตเขาจะไต่เต้าไปยังจุดสูงสุดได้หรือไม่
เพราะงั้นต่อให้เขาต้องใช้เวลาฝึกฝนไปอีกสิบปี หรือร้อยปี เขาก็จะต้องทำรากฐานของตนเองให้มั่นคง
เนื่องจากหลิงฮันไม่ได้ไปอาณาเขตที่ห้าเป็นเวลานาน ปรมาจารย์จื่อเฉิงจึงแอบมาสอดส่องดูสถานการณ์ของหลิงฮันอย่างเงียบๆ ด้วยพลังระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถตรวจจับตัวตนของชายชราได้
ปรมาจารย์จื่อเฉิงยืนอยู่นอกห้องหลอมเม็ดยาอยู่นานสองนาน โดยที่ใบหน้าของเขาทั้งแสดงออกถึงความตกตะลึงและความตื่นเต้น ผ่านไปอีกพักหนึ่งเขาก็กลับไปโดยที่ไม่ทำให้หลิงฮันรู้ตัว
ศิษย์ผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์อะไรอย่างนี้!
เขาคงต้องเริ่มเตรียมการแล้ว เพราะอีกไม่นานหลิงฮันคงจะฝึกฝนห้วงจิตปรับแต่งได้สำเร็จ และเขาก็ได้รับการตอบกลับจากนักปรุงยาชิวเย่แล้วด้วย ว่าอีกฝ่ายจะกลับมายังเมืองวิถีโอสถแห่งนี้ในอีกครึ่งปี
เมื่อปรมาจารย์จื่อเฉิงกลับไปยังอาณาเขตที่ห้า เขาก็ทำการออกคำสั่งทันที คำสั่งที่เขาปล่าวประกาศออกมานั้น ได้จุดชนวนความโกลาหลครั้งใหญ่ไปทั่ว
ปรมาจารย์จื่อเฉิงแต่งตั้งหลิงฮันเป็นผู้สืบทอดคนที่สิบของเมืองวิถีโอสถ!
ผู้สืบทอด!
ขุมอำนาจอย่างเมืองวิถีโอสถ คือขุมอำนาจที่ครอบครองทรัพยากรเม็ดยา เกือบจะทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก เพราะงั้นสถานะผู้สืบทอดของจึงเป็นสถานะที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก
แถมนอกจากสถานะผู้สืบทอดแล้ว หลิงฮันยังมีสถานะอีกอย่างคือ นักปรุงยาระดับหนึ่งที่เยาว์วัยที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะงั้นชื่อเสียงของเขาจึงเจิดจรัศ จนบดบังรัศมีของผู้สืบทอดคนอื่นจนมิด
เมื่อข่าวถูกแพร่งพรายออกไป ตระกูลจอมยุทธมากมายก็ต้องการที่จะรับตัวหลิงฮันเข้าตระกูลยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่หลู่เซียนหมิงและผู้สืบทอดคนอื่นๆ เริ่มลงมือวางแผนทำลายความได้เปรียบของหลิงฮัน
…การจะเป็นผู้สืบทอดได้ เพียงแค่การตัดสินใจของปรมาจารย์จื่อเฉิงยังไม่เพียงพอ แต่ต้องดูความสามารถของหลิงฮันด้วย
หมอนี่ยังเป็นแค่นักปรุงยาหนึ่งดาว เพราะงั้นมีรึที่จะใช้ทักษะห้วงจิตปรับแต่งได้?