ตอนที่ 1909 เอี๋ยนเซียนลู่ปรากฏตัว
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม ตอนนี้เขาบรรลุระดับสี่นิพพานขั้นสูงสุดแล้ว เมื่อรวมกับไพ่ลับมากมายที่มีอย่าง อํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์ทั้งสองที่แม้แต่ราชานิรันดร์ก็ยังอิจฉาแล้ว หากในระดับพลังเดียวกัน เขาไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ ก็ดูจะแปลกประหลาดเกินไป
หลิงฮันกวาดสายตามองอัจฉริยะรอบด้านแต่ละคน ถึงแม้กลิ่นอายของพวกเขาจะดูหยิ่งทะนง แต่ออร่าพลังก็ถูกสะกดเอาไว้ ทําให้ไม่สามารถตรวจสอบพลังต่อสู้ได้
“ข้าตงเหมินหง เห็นการต่อสู้ตรงหน้าแล้วชักจะรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา มีใครต้องการประมือกับข้าบ้างรึไม่?” ชายร่างสูงผู้หนึ่งกระโดดออกมาด้วยท่าที่น่าเกรงขาม และใช้กระบี่สีม่วงในมือกวัดแกว่งท้าทายทุกคน
“ข้าเอง!” รุ่นเยาว์ชุดเหลืองอีกคนกระโดดตามออกมา เขาไม่พูดพล่ามไร้สาระอะไร และเข้าปะทะกับตงเหมินหงอย่างดุดันในทันที
อัจฉริยะเช่นพวกเขา ไม่ว่าใครต่างก็เป็นพวกบ้าคลั่งศาสตร์วรยุทธ เมื่อเห็นคู่สองคู่ทําการปะทะกับอย่างพวกเดือด จิตวิญญาณสู้รบของพวกเขาก็ฮึกเหิมตามไปด้วย
อัจฉริยะมากมายเริ่มทําการต่อสู้กัน ในตอนแรกแม้ทุกคนจะแยกกันสู้เป็นคู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน รูปแบบการต่อสู้ก็กลายมาเป็นตะลุมบอน เมื่อเห็นหน้ากันทุกคนจะทําการจู่โจมทันทีโดยไม่สนว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร
มีเพียงอัจฉริยะอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ร่วมวงต่อสู้ด้วย พวกเขายืนกอดอกอยู่ในระยะที่ห่างออกไปเล็กน้อย
“พี่ชายเหลา เจ้าว่าถ้าหากเอี๋ยนเซียนลู่มาถึงและเห็นภาพตรงหน้านี้ เขาจะเกรี้ยวกราดรึไม่?” ชายผู้หนึ่งที่ยืนดูอยู่หัวเราะ และกวาดมองเหล่าอัจฉริยะที่กําลังตะลุมบอนกันด้วยสายตาเหยียดหยาม
ที่ด้านข้างของเขามีชายชุดม่วงอีกคนยืนอยู่ รูปลักษณ์ของชายผู้นี้งดงามเป็นอย่างมาก ผิวของเขาเรียบเนียนและขาวกระจ่างราวกับสตรี
ถ้าไม่ใช่เพราะมีลูกกระเดือกล่ะก็ ผู้คนคงคิดว่าเขาเป็นสตรีที่แต่งตัวเป็นบุรุษเป็นแน่
ชายชุดม่วงยิ้มเผยฟันสีขาว “ถ้าเจ้าลงมือ เพียงแค่หนึ่งกระบวนท่าก็กําราบพวกนั้นได้ไม่ใช่รึไง” เสียงของเขาแหลมเล็กราวกับขันที
โดยปกติแล้ว ต่อให้เขาเป็นขันที่จริงๆ ด้วยพลังบ่มเพาะระดับนิรันดร์ อวัยวะส่วนใดที่ถูกตัดไปก็ย่อมฟื้นสภาพกลับมาใหม่ได้ ไม่มีทางเด็ดขาดที่ตัวตนระดับนิรันดร์จะพิการ
“ฮ่าๆ นั่นเป็นเรื่องของเอี๋ยนเซียนลู่ ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า!” ชายคนก่อนกล่าว เขาคือรุ่นเยาว์ที่สวมชุดขาว และมีท่าที่เป็นกันเอง
รุ่นเยาว์ชุดม่วงยิ้ม “แล้วเจ้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทําไม?”
“ข้าแค่ได้ยินมาว่าเจ้ามีความสนใจในตัวเอี๋ยนเซียนลู่ ไม่ใช่ว่านี่เป็นโอกาสดีที่เจ้าจะได้ใกล้ชิดกับเขาหรอกรึ?” รุ่นเยาว์ชุดขาวหัวเราะ
ตูม!
รุ่นเยาว์ชุดม่วงลงมือทันที มือขวาของเขาเคลื่อนไหวอย่างอ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูก และแปรเปลี่ยนกลายเป็นอสรพิษสีทอง อสรพิษอ้าปากกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวยาวของซี่ และเขมือบเข้าใส่รุ่นเยาว์ชุดขาว
คลื่นพลังผันผวนอันน่าสะพรึงระเบิดออกมา “ตูม” เมื่อการโจมตีนี้ถูกปล่อยออกไป เหล่าอัจฉริยะที่กําลังตะลุมบอนกันอยู่ ก็หยุดชะงักและหันมามองทันที
รุ่นเยาว์ชุดขาวลงมือตอบโต้ “พรึบ” ที่เบื้องหน้าเขามีม่านแสงสีขาวปรากฏออกมา ตราประทับอํานาจแห่งเต๋ที่พัวพันอยู่ พรุ่งพรูไปด้วยอํานาจที่ราวกับจะบดขยี้สวรรค์ให้พังทลาย
“ตูม” อสรพิษทองคําที่พุ่งเขมือบ ไม่สามารถทะลวงผ่านชั้นม่านแสงได้
“ซานจื้ถง เจ้ารนหาที่ตายรึ?” รุ่นเยาว์ชุดม่วงคํารามด้วยเสียงโทนต่ำอย่างน่าประหลาด
“นั่นก็อยู่ที่ว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งพอรึเปล่านะ เหลาซง!” รุ่นเยาว์ชุดขาวหัวเราะอย่างไร้ความหวาดกลัว
รุ่นเยาว์ทั้งสองคนทะยานร่างเข้าปะทะกัน จนคลื่นพลังอันไร้ที่สิ้นสุดกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
“ห้านิพาน!” หลิงฮันและจักรพรรดินีมองหน้ากัน พร้อมกับอุทานออกมา
นิรันดร์สี่นิพพานไม่มีทางแข็งแกร่งขนาดนี้แน่ มีเพียงนิรันดร์ห้านิพพานเท่านั้น ที่แค่คลื่นพลังผันผวนก็สามารถทําให้จอมยุทธระดับโลกียนิพพานตัวสันได้
ดูเหมือนว่าในหมู่อัจฉริยะที่มารวมตัวกันที่นี่ นอกจากอู๋เซียนลู่แล้ว จะยังมีนิรันดร์ห้านิพพานคนอื่นอยู่อีก
“นั่นมัน…. อํานาจอสรพิษต้นกําเนิดสวรรค์และปฐพี!” ธิดาโร๋วอุทานออกมา ใบหน้าอันงดงามของนางแสดงออกถึงความรู้สึกหวาดผวาที่เกินกว่าจะพรรณนา
“อํานาจอสรพิษต้นกําเนิด?”
หลิงฮันเคยรู้จักอํานาจแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี อย่างเพลิงเก้าสวรรค์ และวารีพลังหยินเร้นลับ หรือรู้จักแม้แต่ศิลาต้นกําเนิดความวุ่นวาย ที่เป็นศิลาแรกเริ่มที่เกิดขึ้นพร้อมกับสวรรค์และปฐพี แต่อํานาจอสรพิษต้นกําเนิดล่ะมันคืออะไร?
“เมื่อสวรรค์และปฐพี่ถือกําเนิดจากความว่างเปล่า สิ่งมีชีวิตแรกเริ่มที่เกิดขึ้นมา ถูกรู้จักกันไปนามของบรรพบุรุษต้นกําเนิด” จู่ๆ หอคอยน้อยก็เอ่ยขึ้น
“มังกรตนแรก ถูกเรียกว่าอํานาจต้นกําเนิดมังกร วิหคเพลิงตนแรก ถูกเรียกว่าวิหคต้นกําเนิด ส่วนอสรพิษตนแรกเองก็ถูกเรียกว่า อสรพิษต้นกําเนิด!”
“มันถือสิ่งมีชีวิตระดับใด?” หลิงฮันถาม
“เป็นถึงบรรพบุรุษต้นกําเนิดของสิ่งมีชีวิต แน่นอนว่าพวกมันต้องเป็นตัวตนระดับราชานิรันดร์ แต่ด้วยเผ่าพันธุ์ที่แตกต่าง ขั้นพลังของพวกมันก็ย่อมต่างชั้นกันไป” หอคอยน้อยกล่าว “บรรพบุรุษต้นกําเนิดที่ทรงพลังที่สุดคือมังกรบรรพบุรุษ วิหคเพลิงต้นกําเนิด และต่อๆ ไปตามลําดับ อสรพิษต้นกําเนิดนั้นค่อนข้างอ่อนแอ ระดับพลังของมันคือราชานิรันดร์ขั้นเจ็ดหรือแปดเท่านั้น”
“หากไม่มีวาสนาพิเศษ ไม่มีทางที่มันจะบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าได้”
หลิงฮันพยักหน้า เหลาซงผู้นี้จะต้องเป็นผู้สืบทอดของอสรพิษต้นกําเนิดไม่ผิดแน่ แต่ไม่รู้ว่า ร่างเดิมที่แท้จริงของอีกฝ่ายนั้นเป็นอสรพิษ หรือมนุษย์กันแน่
หลิงฮันโลหิตเดือดพล่าน ที่นี่มีนิรันดร์ห้านิพพานอยู่มากกว่าหนึ่งคน บางทีหากได้วิเคราะห์การต่อสู้ของพวกเขา ประตูสู่ระดับห้านิพพานของเขาอาจจะเปิดออกก็เป็นได้
เขาและจักรพรรดินีจ้องมองอย่างไม่ละสายตา นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้พบเห็นการต่อสู้ของตัวตนระดับห้านิพพาน
“เหอๆ พี่ชายเหลา พี่ชายซาน เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ต่อให้ข้าต้อนรับได้ไม่ดี พวกท่านก็ไม่เห็นจะต้องหัวเสียจนทะเลาะกันเลยไม่ใช่รึไงกัน?” เสียงหัวเราะดังขึ้น พร้อมกับร่างของรุ่นเยาว์สวมชุดผ้าไหมทองผู้หนึ่ง พุ่งทะยานเข้ามาด้วยความเร็วสูง
ที่เบื้องหลังของรุ่นเยาว์ผู้นี้ มีรุ่นเยาว์อีกสามคนตามมาติดๆ สองคนเป็นบุรุษ หนึ่งคนเป็นสตรี ทั้งสามคนนี้ไม่ว่าใครก็มีกลิ่นอายราวกับเป็น มังกรและวิหคเพลิงในหมู่มนุษย์
“เอี๋ยนเซียนลู่!” ทั้งเหลาซงและซานจี้ถงหยุดการปะทะกันกลางคัน และหันไปมองรุ่นเยาว์ชุดผ้าไหมทองด้วยสีหน้ายําเกรง
สําหรับนิรันดร์สี่นิพพานอาจจะจินตนาการถึงพลังของเอี๋ยนเซียนลู่ไม่ออก มีเพียงอัจฉริยะที่บรรลุห้านิพพานอย่างพวกเขาสองคนเท่านั้น ที่รับรู้ว่าเอี๋ยนเซียนลู่นั้นทรงพลังขนาดไหน